นับตั้งแต่คำว่า “ลับ ลวง พราง” ปรากฏขึ้นแล้ว ปฏิบัติการหลายเรื่องหลายอย่างที่ไม่ควรเกิดขึ้นในบ้านเมืองก็เกิดขึ้น เพราะสิ่งที่เรียกว่าลับลวง พราง นั้นแท้จริงก็คือปฏิบัติการจิตวิทยาทางข่าวสาร ซึ่งปกติเป็นเรื่องที่ใช้ปฏิบัติกับศัตรูในราชการสงคราม แต่กลับมาใช้ปฏิบัติการนี้กับประชาชนคนในแผ่นดินเดียวกัน

และนับวันก็ยิ่งนำมาใช้มากขึ้น เข้มข้น รุนแรงขึ้น ซึ่งเหมาะกับการใช้ในราชการสงครามในยามที่เกิดสงครามด้วยซ้ำไป แต่เมื่อนำมาใช้กับบ้านเมืองของเราเองก็คิดดูกันเอาเองว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น

ในระยะเวลา 7-8 ปีมานี้ สิ่งที่เรียกว่าลับ ลวง พราง ซึ่งก็คือ IO นั้นได้นำมาใช้อย่างกว้างขวางที่สุดชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย ซึ่งในระยะเริ่มแรกนั้นก็คงเห็นว่าเป็นผลดีเพราะเป็นช่วงเวลาที่มีความขัดแย้งในบ้านเมืองที่รุนแรง เป็นผลให้คนจำนวนหนึ่งนิยมชมชอบยินยอมให้ทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ จึงยิ่งใช้ IO มากขึ้น กว้างขวางขึ้น หนักหน่วงรุนแรงยิ่งขึ้น มาถึงปัจจุบันนี้ก็กลายเป็นอาวุธสำคัญในการทำลายคนในชาติด้วยกันเอง

แม้ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่ามีการนำเงินงบประมาณแผ่นดินจากภาษีของประชาชนไปเป็นค่าใช้จ่ายในการทำ IO ก็ตาม แต่เรื่องนี้จะห้ามคนอื่นคิดนั้นเห็นจะไม่ได้ ดังนั้นจึงมีความคิดเกิดขึ้นโดยทั่วไปว่าอาจมีการใช้งบประมาณแผ่นดินไปในทางที่ไม่ชอบเพื่อไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการค้ำจุนอำนาจ และในกรณีนี้ก็ย่อมเป็นความผิดร้ายแรงทั้งตามกฎหมายและในทางการเมืองด้วย

ถ้าหากมีการนำงบประมาณไปใช้ในการทำ IO เพื่อสร้างความนิยมชมชอบก็ยังจัดว่าเป็นการทำชั่วธรรมดา และอาจจะอ้างว่าเป็นการประชาสัมพันธ์ผลงาน แต่ก็จะอ้างไม่ถนัดนักเพราะหน่วยงานของรัฐที่ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินเพื่อการนี้ก็มีอยู่มากมาย และมีหน้าที่โดยเฉพาะ

ไม่มีกฎหมายให้อำนาจที่จะไปลักลอบหรือแอบทำได้อีก เพราะการทำแบบนี้ต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มิให้พรรคการเมืองหรือนักการเมืองมีหรือใช้สื่อเพื่อประโยชน์ทางการเมือง มีความรับผิดทางการเมืองที่อาจถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งหรือยุบพรรคการเมืองเสียก็ได้

แต่ถ้ามีการนำงบประมาณไปใช้ในการทำ IO เพื่อทำลาย หรือใส่ร้าย หรือกล่าวหาผู้ที่มีความเห็นต่างก็ต้องถือว่าเป็นการทำชั่วอย่างร้ายแรง เพราะกลายเป็นว่าใช้เงินภาษีของประชาชนไปเป็นเครื่องมือส่วนตนในการทำร้ายประชาชนโดยผิดกฎหมายและผิดจรรยาบรรณ ทั้งขาดจริยธรรมคุณธรรมอย่างร้ายแรง

แต่จะด้วยเหตุผลกลใดใครเล่าจะหยั่งทราบ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรามีความชัดเจนว่ามีการทำ IO ชนิดที่เป็นความชั่วอย่างร้ายแรง เพราะมีการกระทำในลักษณะที่กล่าวหาใส่ร้ายโจมตีผู้ที่มีความเห็นต่าง กระทั่งยัดเยียดข้อหาความผิดนานาชนิดให้อีกต่างหาก

นั่นคือมีการใช้ IO ในลักษณะเป็นอาวุธในการทำลายล้างกัน จึงเป็นเหตุให้เกิดความแตกแยกแตกสามัคคีในชาติอย่างรุนแรง และที่หนักหนากว่านั้นก็คือมีการใช้ IO พูดผิดให้เป็นถูก พูดถูกให้เป็นผิด จนความถูกต้องเลือนหายไปจากแผ่นดิน ทำให้ผู้คนสับสนในความดีความชั่ว

นั่นคือการทำลายทั้งประเทศชาติและประชาชนไปพร้อมกันเพียงเพื่อรักษาค้ำจุนอำนาจ

ปรากฏการณ์เคลื่อนไหวของ IO สามารถจำแนกได้เป็นสี่ขบวน คือขบวนการที่ใช้หน่วยงานของรัฐโดยตรง ขบวน ที่อ้างอิงอำนาจหน้าที่ในทางราชการ โดยใช้ดารา นักร้องนักแสดง และนักวิชาการสื่อมวลชนเป็นกลไกขับเคลื่อน ขบวนคอลัมนิสต์ที่วันๆ ได้แต่เขียนด่าชาวบ้านไม่ลืมหูลืมตา และขบวนที่เป็นสื่อมวลชนบางสำนัก

อย่าคิดว่าไม่มีใครติดตามความเคลื่อนไหว เพราะความเป็นไปในบ้านเมืองที่เป็นอันตรายถึงเพียงนี้ย่อมมีผู้ใส่ใจประมวลข้อมูลและเครือข่ายที่ทำกัน เพื่อป้องกันคุ้มครองไม่ให้เป็นอันตรายต่อชาติบ้านเมือง

มาถึงวันนี้ IO ขบวนการที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานของรัฐได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว พร้อมๆ กับการเปลี่ยนฐานอำนาจทางการทหารของประเทศ ปฏิบัติการ IO ของขบวนการนี้ได้ยุติลง เข้าสู่ที่ตั้งเดิม เพื่อปฏิบัติภารกิจ IO ที่ถูกต้องต่อไป

อีกขบวนหนึ่งที่ใช้กลไกของรัฐและใช้ดารา นักร้อง นักแสดง นักวิชาการ มาถึงวันนี้ก็กำลังล้มเหลว เพราะวิกฤตความล้มเหลวและความเดือดร้อนทุกข์เข็ญในแผ่นดินนั้น ในที่สุดก็ได้ปลุกตัวแสดงทั้งหลายให้ตื่นขึ้น จึงแตกตัวออกไปแล้วก่นด่าแฉโพยกันอุตลุดในขณะนี้

สำหรับขบวนสุดท้ายนั้นก็เสื่อมโทรมด้วยตนเอง เหมือนสนิมเหล็กที่กินเหล็กจนเน่าผุ

ดังนั้นโดยสรุปก็คือแม้จะมีการใช้พลังอำนาจแห่งรัฐและนำ IO มาใช้กับคนในชาติ มาถึงวันนี้กองกำลัง IO เหล่านั้นกำลังล่มสลายและแตกตัวอย่างชัดเจนแล้ว และคงจะล่มสลายจนถึงที่สุดในเร็วๆ นี้