รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ในช่วงท้ายการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้กล่าวกับที่ประชุม ครม.ว่า
“อยู่กันมา 3 ปี เหลืออีกไม่กี่เดือน ขอบคุณทุกคน ช่วงนี้มีการแสดงโขนที่ ครม.เหมารอบไว้ ในสภาก็ขอให้เป็นตอนพักรบ ให้ช่วยเรื่องเอเปกก่อน ขอให้ทุกคนเบาๆ เข้าใจทุกคน ทั้งพี่ป้อม (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) จุรินทร์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์) หนู (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) กับพี่ป้อมก็ไม่มีอะไร ไม่เครียด ไม่ทะเลาะกันอยู่แล้ว ความเป็นพี่น้องมันเลิกไม่ได้ เรื่องอื่นก็ว่ากันไป”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการแสดงโขนที่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงคือ โขนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่จัดแสดงที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นเรื่องรามเกียรติ์ ตอน สะกดทัพ โดยครม.ได้เหมารอบเอาไว้ในวันที่ 9 พ.ย. และนายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม ได้เชิญชวนให้ ครม.ไปชม
ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกระแสข่าวว่า นายกฯ ได้สั่งการให้พรรคภูมิใจไทย กับพรรคประชาธิปัตย์ พักรบกันในช่วงนี้ก่อน โดยนายอนุทินหัวเราะ ก่อนกล่าวว่า
“เคยรบกับใครที่ไหน ไม่มี ตอนนี้เป็นเรื่องของสภาฯ โดยเฉพาะ ร่างพ.ร.บ. กัญชา กัญชง พ้นมือรัฐบาลไปแล้ว และพ้นมือพรรคภูมิใจไทยไปแล้ว ตอนนี้เป็นเรื่องของกมธ. ในเมื่อกฎหมายจะเข้าสู่การพิจารณา ก็ขอให้มีการพิจารณา ซึ่งเราก็รับฟัง
หากพิจารณาแล้วทุกคนมีเหตุผลก็สามารถใช้เอกสิทธิ์ในการลงคะแนน ซึ่งทางกมธ.ก็ยืนยันว่าเสนอกฎหมายให้ดีที่สุด
เราก็มั่นใจเพราะร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง มีไว้ควบคุมในการใช้กัญชา กัญชาไม่ได้เป็นยาเสพติดไปแล้ว เมื่อไม่เป็นยาเสพติดเราก็ออกกฎหมายมา เพื่อควบคุมการใช้ เพื่อลดความกังวล ของคนที่กังวลว่าจะทำให้เกิดความมึนเมาเนื่องจากนำไปใช้ปริมาณมากเกินไปไม่มีการกำกับดูแล จึงต้องออกกฎหมายมาควบคุม ไม่ได้ออกกฎหมายมาเพื่อให้กัญชาไร้การควบคุม และที่ออกกฎหมายมาควบคุมนี้เรารับฟังความเป็นห่วงของประชาชน”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในห้องประชุมครม. ได้พบและพูดคุยกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกฯ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า “ผมก็ยกมือไหว้ อย่างที่ไหว้มาทุกครั้ง ก็ยิ้มให้กัน ไม่มีอะไร เพราะนี่เป็นเรื่องความเห็นที่ต่างกัน ขอให้ฟังคำชี้แจงคำอธิบายก่อน ซึ่งคนที่จะชี้แจงดีที่สุดคือ กมธ. ที่ร่วมกันร่างพ.ร.บ. กัญชา กัญชง แต่หากฟังแล้วไม่เข้าท่าก็แล้วแต่ แต่ถ้าเข้าท่าก็ให้โหวตสนับสนุน
...ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยมีภารกิจปลดล็อกกัญชาไม่ให้เป็นยาเสพติด ยกเว้นสารสกัดค่า THC เกิน 0.2 ดังนั้นพรรคภูมิใจไทย เราก็ทำหน้าที่ของเราไป กระทรวงสาธารณสุขก็ได้ออกประกาศกระทรวงว่าด้วยการควบคุมพืชสมุนไพร และประกาศของกรมอนามัย เพื่อจำกัดไม่ให้คนอายุต่ำกว่า 20 ปีใช้กัญชา ถือเป็นการควบคุมในแต่ละขั้นตอนอยู่แล้ว”
ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย สส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ เคยแถลงว่า
“แม้ที่ผ่านมาพรรคจะเห็นด้วยและรับหลักการร่างกฎหมายนี้ แต่เราหวังว่าจะมีมาตรการรับมือที่เข้มแข็ง โดยให้กัญชาเป็นประโยชน์ทางการแพทย์ แต่เมื่อพิจารณาร่างกฎหมายที่ กมธ.ทำมาแล้ว เห็นว่ายังมีความหละหลวมอยู่มากนอกจากนี้ พรรคเห็นว่าร่างกฎหมายดังกล่าวยังเป็นกฎหมายที่ส่งเสริมสนับสนุนเรื่องการปลูกกัญชา และยังอนุญาตให้บุคคลทั่วไปสามารถจดแจ้งปลูกกัญชาได้ ซึ่งเรื่องนี้พรรคเห็นว่าไม่ได้เป็นประโยชน์ทางการแพทย์ แต่อาจจะเป็นเรื่องการเสพเพื่อสันทนาการที่จะเกิดผลกระทบต่อสังคมในระยะยาว”
เมื่อ กมธ.ถอนร่างออกไปแล้ว “ประชาธิปัตย์” ทำข้อเสนอถึง กมธ. ให้ทบทวนทั้งหมด 13 ข้อ อาทิ ขอให้การใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ในครัวเรือนต้องเป็นไปตามการวินิจฉัยของแพทย์ กำหนดมาตรการที่เข้มงวดในการขออนุญาตต่างๆ ทั้งคุณสมบัติผู้ขอที่อาจเกี่ยวพันกับการค้ายาเสพติดมาก่อน แต่ไม่เคยต้องโทษร้ายแรง การตรวจสอบประวัติอาชญากรรม ทบทวนการขออนุญาตปลูกกัญชาในครัวเรือนต้องเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้น
นอกจากนี้ ยังต้องป้องกันการเข้าถึงของเด็กและเยาวชน กำหนดอายุขั้นต่ำของผู้ที่ได้รับการบำบัดด้วยกัญชาและผู้ที่สามารถสูบกัญชา กัญชง ทบทวนอำนาจรัฐมนตรีสามารถสั่งไม่อนุญาตหรือไม่ต่อใบอนุญาต ต้องไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปซื้อกัญชา สารสกัดกัญชาได้โดยเสรี รวมทั้งจะต้องมีกฎหมายควบคุมการซื้อขายอุปกรณ์ เครื่องมือต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสูบกัญชา เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ขณะนี้ กัญชา ถูกปลดออกจากบัญชียาเสพติดประเภท 5 เรียบร้อยแล้ว แต่ยังติดกับร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว เพราะฝั่ง พรรคภูมิใจไทย พรรคต้นตำรับนโยบายนี้ เห็นว่ามีมาตรการป้องกันและควบคุมอย่างดีรัดกุมแล้ว เวลาเดียวกัน หลายพรรคท้วงติงว่ายังหละหลวม โดยเฉพาะ “ประชาธิปัตย์” และ “เพื่อไทย” มีความเป็นห่วงเรื่องการใช้กัญชาในครัวเรือนได้อย่างเสรี ไร้การควบคุม เพราะอนุญาตให้ปลูกได้ครัวเรือนละ 15 ต้น ซึ่งจะกลายเป็นการใช้สำหรับสันทนาการไม่ใช่เพื่อทางการแพทย์อย่างที่ “ภูมิใจไทย”ตั้งใจไว้
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ แม้มีข้อห้ามไม่ให้เสพในที่สาธารณะก็ตาม แต่เกิดคำถามว่า การอนุญาตให้ปลูกกัญชาไว้หลังบ้าน เสมือนเป็นพริก ข่า ตะไคร้ สะดวกจะเก็บเมื่อไหร่ก็ได้นั้น ในภาคปฏิบัติมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดที่รัฐจะควบคุมได้ ไม่ให้ใช้เพื่อสันทนาการ
เท่ากับว่าตอนนี้ใครใคร่ปลูกปลูก ใครใคร่เสพเสพ ใครใคร่ขายขาย ใครใคร่ยำยำ จน “สส.สาทิตย์” ชี้ว่าเป็นกัญชาเสรี “สุดขั้ว” นี่ยังไม่นับปัญหาการวางขายกัญชาและอุปกรณ์การเสพเกลื่อนถนน
ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้คือ การที่ภาคเอกชนตลอดจนประชาชนรายย่อยลงทุนปลูกกัญชาหลักแสนหลักล้านบาทเพื่อรอกฎหมาย จะทำอย่างไร เรื่องนี้ “สาทิตย์” กล่าวไว้ว่า “กระทรวงสาธารณสุขส่งสัญญาณผิดพลาดไปยังประชาชนส่งเสริมให้ปลูก โดยนำตัวเลขรายได้มาชักจูงใจ แต่สุดท้ายเมื่อไปขายให้กับโรงพยาบาลกลับไม่ได้ตามที่พูดไว้”
ทั้งนี้ สาทิตย์ เผยด้วยว่า ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ที่จะมาถึง จะอภิปรายให้นำกัญชากลับเข้าไปในบัญชียาเสพติดเหมือนเดิม และก็ไม่ต้องห่วง เพราะแม้จะกลับไปเป็นยาเสพติดก็ยังใช้กัญชาทางการแพทย์ได้ เนื่องจากของเดิมๆ ไทยก็อนุญาตให้ใช้ในทางการแพทย์อยู่แล้ว แต่เขาทำด้วยความระมัดระวังเท่านั้น รวมถึงจะเสนอให้กระทรวงสาธารณสุขออกระเบียบเปิดเผยด้วยว่ามีใครบ้างที่จะปลูก
ท้ายสุด “สาทิตย์” บอกให้ติดตามเรื่องนี้ให้ดี เพราะในการอภิปรายจะมีเปิดเผยเบื้องหลังอะไรบางอย่าง!!! (ที่มา : กรองสถานการณ์, ไทยโพสต์)
ด้าน นายศุภชัย ใจสมุทร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง (ฉบับที่…) พ.ศ. ...ได้ออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.กัญชา ซึ่งกำลังเป็นประเด็นพิพาทระหว่างพรรคภูมิใจไทย กับพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ข้อเท็จจริง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพรรคการเมืองแล้ว เพราะว่าร่าง พ.ร.บ.เป็นร่างของสภาผู้แทนราษฎร ที่ตั้ง กมธ.มาจากทุกพรรค ในสัดส่วนของภูมิใจไทย มีอยู่ 2 คนเท่านั้น ที่เข้าไปทำงาน นอกจากนั้น ก็มีทั้งตัวแทนจากพรรคฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชการ ภาคประชาชน เรียกว่าเป็นร่างฯของ สภา ซึ่งข้อเป็นห่วงที่เพื่อไทย กับประชาธิปัตย์เสนอมา มีอยู่ในร่างฯ แล้ว สัปดาห์นี้ สัปดาห์หน้า น่าจะได้พิจารณา จะโหวตแบบไหน เป็นสิทธิ์ของท่าน มีความพยายามบอกว่าร่างฯนี้ ไม่ใช่ของรัฐบาล จะทวนให้ฟังว่าหลังจากที่ สส. สว. ปลดล็อกกัญชา เอาออกมาจากยาเสพติด ตามกฎหมายยาเสพติด มีผลบังคับใช้ปลาย’64 คณะกรรมการ ป.ป.ส. มีความเห็นว่า จะต้องออกกฎหมายเฉพาะเรื่องกัญชา เพื่อใช้ประโยชน์ให้เกิดความปลอดภัยกับสังคม มอบให้ภูมิใจไทยเสนอ เพราะเรามีร่างฯอยู่แล้ว เนื่องจากถ้ารอร่างอื่นจะช้าอันนั้น ก็ต้องบอกว่า นี่คือร่างของรัฐบาล ก็เห็นตรงกัน
เมื่อเข้ามาแล้ว ก็ปรับเพิ่ม มี กมธ. คอยพิจารณา เป็น 95 มาตรา เรื่องสังคม เยาวชน ทุกคนเป็นห่วง จำได้ไหม ตัวแทนของพรรคประชาธิปัตย์ยังเสนอให้ใช้เพื่อนันทนาการในบางพื้นที่เลย แต่เราทาง กมธ.ไม่เอาด้วย แต่ความจริงตรงนี้ถูกบิดเบือนไป ต้องเรียนว่า กฎหมายฉบับนี้มีความครอบคลุมครบถ้วนทุกประการ ถ้าพิจารณาแล้วเสร็จ สภาไม่รับ แล้วปล่อยให้ร่างฯ ตกไป ก็เป็นสิทธิของท่าน ต่อให้วิปรัฐบาลมีมติ แล้วท่านไม่ปฏิบัติตาม ก็ตามแต่ใจท่าน
แต่วันนี้ มันมีความจำเป็นที่ต้องมีกฎหมายตัวนี้มาควบคุม เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการบังคับใช้ กฎหมายนี้ เป็นร่างกฎหมายที่สำคัญมาก เพราะอย่าลืมว่า เราปลดล็อกกันมาตั้งแต่ธันวาคมปีที่แล้ว ในประมวลกฎหมายยาเสพติด มันจะสามารถสมบูรณ์ได้เมื่อมีกฎหมายตัวนี้มารองรับ ดังนั้นท่านต้องตอบสังคมให้ได้ว่า ทำไมไม่รับ เพราะถ้าท่านไม่รับ มันก็เสี่ยงจะเกิดปัญหาเรื่องการใช้กัญชา เนื่องจากจากตัดสินใจของพวกท่าน แล้วนี่มันกฎหมายสำคัญอย่างที่กล่าว ถ้าไม่ผ่าน มันก็อาจต้องยุบสภา หรือต้องลาออก
เรื่องการเอากลับไปเป็นยาเสพติด ขอให้ดูท่าทีของทั่วโลกยูเอ็นจะปลดกัญชาออกจากยาเสพติดแล้ว ในสหรัฐฯ ประมาณ 45 รัฐ เขาปลดล็อกแล้ว แคนาดา ปลดล็อกแล้ว อินโดนีเซีย มาเลเซีย ก็จะปลดล็อก เพราะเขาเห็นคุณค่า กับกัญชาในประเทศไทย มันมีการใช้กันอยู่แล้ว ใช้กันอย่างแพร่หลายเราเลยต้องเปลี่ยนมุมมองเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างจริงจัง จะมาให้เป็นยาเสพติด แล้วคนที่ปลูกไปแล้ว คนที่ลงทุนเป็นพืชเศรษฐกิจไปแล้ว มีเป็นล้านคน ก็ต้องติดคุกหมด อย่าลืมว่า ธุรกิจกัญชาทั้งโลก มันสูงถึง 5 แสนล้านบาทนี่คือโอกาสของคนไทยด้วย กับ ร่าง พ.ร.บ. เราไม่เคยบอกไปนันทนาการ แล้วใครให้เยาวชนมาเสพ กฎหมายฉบับนี้ติดคุก โทษหนัก
“เคยคุยกับ สว. แล้ว ท่านไม่มีปัญหา และจริงๆ เรื่องนี้มันไม่มีความซับซ้อน เพราะถ้าไม่พอใจ ไม่สบายใจ กมธ.ก็ให้แก้กฎหมายตัวนี้ไปตามกระบวนการสภา เราเอาเรื่องของสุรา ยาสูบ กระท่อม มาประมวลใช้ร่วมกัน จาก 45 มันก็เลยงอกเป็น 95 มาตรา เพราะเราต้องทำให้สมบูรณ์ ซึ่ง ท่าน สส. ท่านอภิปรายได้เลย แต่ขอให้ฟังกันบ้าง”
ขณะที่ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) เปิดเผยว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มีการประชุมที่ผ่านมาแล้ว คือ เห็นด้วยกับกรรมาธิการเสียงข้างมาก เพียงแต่ย้ำว่ากฎหมายฉบับดังกล่าวมีการแก้ไขเพิ่มเติมจำนวนมาก จึงเปิดโอกาสให้ สส.แสดงความคิดเห็นได้เต็มที่ มติจะเป็นอย่างไรก็ต้องฟังเหตุผลในสภา
“อยากให้พิจารณาโดยรอบคอบ โดยไม่เอาผลประโยชน์ทางการเมืองเป็นตัวตั้ง แต่ยึดหลักกฎหมายพิจารณากฎหมายให้เกิดกับประชาชนในระยะยาวเป็นตัวตั้ง ทุกฝ่ายต้องเคารพมติสภา หากชนะก็ส่งให้ สว. หากไม่ชนะก็ตกไป” รองประธานวิปรัฐบาลกล่าว
สรุป : เรื่องนี้เป็นเรื่องของความหนักแน่นรอบคอบของการ “ตรากฎหมาย” มนต์สะกดของ “ลุงตู่” อาจสะกดการยกรบของพวกเขาไม่ได้ก็เป็นแน่!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี