เมื่อนโยบายแก้ปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาลแพงเกิน 80 บาท กลับกลายเป็น “เตะหมูเข้าปากหมา”
สถานีข่าว Top News ได้ติดตามตรวจสอบขบวนการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เอกชนผิดกฎหมายโจ๋งครึ่ม เกินราคา 80 บาท มูลค่าผลประโยชน์หลายหมื่นล้านบาทต่อปี
พบว่า มีผู้เกี่ยวข้องหลายภาคส่วน
หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายรู้เห็นเป็นใจ ไร้น้ำยาหรือหลับหูหลับตา
อินฟลูฯ ดารา สื่อบางส่วน ถูกว่าจ้างช่วยสร้างภาพลักษณ์ กลบเกลื่อนอำพรางการกระทำผิดกฎหมาย
นานเข้าก็หลงคิดว่าไม่มีใครเอาผิดได้ หรือลำพองใจว่ามีตัวการใหญ่หนุนหลัง
เหิมเกริม... โปรยหว่านเงินไปทั่ว ขยายอาณาจักรด้วยการไล่ซื้อสลากกว่า 14 ล้านฉบับต่องวด เพื่อนำไปขายต่อผ่านแพลตฟอร์ม ในราคาสูงขึ้นไปอีก 80+25 บาท อำพรางการดำเนินการผิดกฎหมาย ด้วยกลวิธีการกว้านซื้อ การตลาด ลดแลกแจกแถม รวมเลขชุดเลขดัง กำหนดขายเองโดยอ้างว่าเป็นค่าดำเนินการ หลบเลี่ยงความจริงที่ว่าสลากเป็นสินค้าเฉพาะที่ออกมาตาม พ.ร.บ.สลากฯ และจะต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.สลากฯ
แสวงหาผลกำไร หากินจากส่วนต่างราคา ทำตัวอยู่เหนือกฎหมายบ้านเมือง
ถึงเวลานี้ ใกล้ถึง “จุดจบ” สลากแพลตฟอร์มผิดกฎหมายแล้ว
1. จับตา... ตำรวจไทยไร้น้ำยา หรือจะกอบกู้ศักดิ์ศรีและความเชื่อมั่นคืนได้?
เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2566 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมกำหนดแนวทางดำเนินการเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ของเอกชน ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร., พ.ท.หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล,นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้แทนสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค กรมการปกครอง กรมสรรพากร และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พร้อมด้วยหน่วยงานตำรวจที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม
ที่ประชุมได้รายงานผลการปฏิบัติ การดำเนินการกรณี สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเข้าร้องทุกข์กับชุดปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ดำเนินคดีกับ บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด (กองสลากพลัส) จนต่อมาทุกหน่วยได้บูรณาการเข้าตรวจค้นกองสลากพลัส เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2566 ที่ผ่านมาตรวจพบสลากขายเกินราคา 70 ฉบับ อายัดสลากงวด 17 ม.ค.2566 เพื่อตรวจสอบ และมีการดำเนินคดีความผิดฐานจำหน่ายสลากเกินกว่าราคาที่กฎหมายกำหนด และความผิดฐานประกอบธุรกิจขายตรงและตลาดตรงโดยไม่จดทะเบียน ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ พนักงานสอบสวนคาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนส่งได้ช่วงกลางเดือน ก.พ.2566
ประการสำคัญ ผบ.ตร.สั่งให้ตรวจสอบโดยละเอียดตั้งแต่ 1 มี.ค. 2565 ถึงปัจจุบัน และเร่งให้ตรวจสอบดำเนินการทุกพื้นที่ พร้อมให้รวบรวมข้อมูลการขายสลากเกินราคา ซึ่งมีผู้ซื้อจำนวนมาก ถือเป็นการกระทำผิดซ้ำซาก ประกอบกับข้อมูลผู้ซื้อสลากมีอายุต่ำกว่า 20 ปี เป็นการมอมเมาเยาวชน ส่งข้อมูลให้กระทรวงดิจิทัลฯ เพื่อยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อปิดแพลตฟอร์มกองสลากพลัสต่อไป
มีการรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการ พบว่า การทำธุรกิจในลักษณะดังกล่าวเป็นความผิดกฎหมายหลายข้อหา ที่ผ่านมาสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ร้องทุกข์ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ให้ดำเนินคดีกับแพลตฟอร์มออนไลน์ในข้อหาขายสลากเกินราคา ตาม พ.ร.บ.สลากกินแบ่งรัฐบาลฯ และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคได้ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ขายตรง และตลาดแบบตรงฯ คดีอยู่ระหว่างการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน
ในส่วนอื่นที่เกี่ยวข้อง ปปง.รายงานพบพยานหลักฐานไปเชื่อมโยงกับเส้นทางการเงินของผู้กระทำความผิดซึ่งเป็นความผิดมูลฐาน ทั้งการพนันออนไลน์ และยาเสพติด จำนวนหลายล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการของกรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน รวมทั้งกรมการปกครองพิจารณาว่าเป็นความผิดตามพ.ร.บ.การพนัน
ในเรื่องภาษี กรมสรรพากรอยู่ระหว่างตรวจสอบ หากดำเนินการไม่ถูกต้อง จะดำเนินการเรื่องการเสียภาษีไม่ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป
กระทรวงดิจิทัลฯ ได้ดำเนินการยื่นฟ้องต่อศาลขอคุ้มครองชั่วคราว โดยการระงับการเผยแพร่แล้ว
ผบ.ตร.ได้สั่งการในที่ประชุมด้วยว่า หากพบว่ามีความผิดส่วนอื่นตามพยานหลักฐาน ให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด และให้ทุกหน่วยเร่งรัดดำเนินการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการบังคับใช้กฎหมายให้ประชาชน
น่าสนใจ... “จุดจบ” ใกล้จะมาถึง
อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่า การดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สิน โดยเฉพาะบัญชีการเงินนั้น ควรจะต้องรวดเร็ว เฉียบพลัน ทันการณ์ เพราะสามารถเคลื่อนย้ายถ่ายโอนหลบหนีได้อย่างง่ายดาย มิฉะนั้น สุดท้ายก็จะจับได้แค่เศษกระดาษ หรือสลากที่ไม่ถูกรางวัลนั่นเอง
2. ก่อนหน้านี้ ตำรวจบังคับใช้กฎหมายอย่างน่าสมเพทเวทนา
ตำรวจ ปคบ.จับปรับผู้บริหารกองสลากพลัส ข้อหาจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา เจ้าตัวรับสารภาพว่าขายเกินราคาในงวด 1 ก.พ.2565 จำนวน 1 ใบ (ตามสลากที่ล่อซื้อ 1 ใบ) คิดค่าปรับไม่ถึง 10,000 บาท
ขณะที่ยอดขายในงวดนั้น น่าจะกว่า 3 ล้านใบ วงเงินยอดขายกว่า 300 ล้านบาท!!! (ขายใบละ 100 บาท)
ทั้งๆ ที่ ตัวเลขยอดขายจริง ตรวจสอบยืนยันได้ไม่ยากเพราะเป็นการขายผ่านแพลตฟอร์ม ผู้ซื้อโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร ก็คือเลขบัญชีที่ตำรวจล่อซื้อมานั่นเอง เพียงแค่ตรวจสอบการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารเดียวกันนั้น ในห้วงเวลางวดดังกล่าว ก็จะได้ “หลักฐานใหม่” เพิ่มเติมว่า กองสลากพลัสขายสลากงวดนั้นจริงๆ เกินราคากี่ใบกันแน่ เป็นหลักฐานที่แน่นหนามั่นคง ไม่แปรเปลี่ยน
เมื่อเป็นการกระทำผิดซ้ำซาก ค่าปรับควรสูงสุดตามกฎหมาย 10,000 บาท
หากปรับ 10,000 บาทต่อใบ ขาย 3 ล้านใบ ค่าปรับก็จะเท่ากับ สามหมื่นล้านบาท
เอกชนมีสิทธิปฏิเสธ ก็ไปสู้ในชั้นศาล
แต่เจ้าหน้าที่รัฐรายใด เจตนาละเว้น ช่วยเหลือเพื่อให้ผู้กระทำผิดยังสามารถประกอบกิจการแสวงหาผลประโยชน์ด้วยการจงใจกระทำผิดกฎหมายต่อไปเรื่อยๆ ย่อมเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เอื้อประโยชน์แก่นายทุนแพลตฟอร์มออนไลน์ มาตรา 157
3. การขายสลากกินแบ่งรัฐบาลผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ อย่างถูกกฎหมาย คือ สลากดิจิทัล ผ่านแอปเป๋าตังราคา 80 บาท ทุกใบ ไม่ว่าจะซื้อกี่ใบ
ส่วนแพลตฟอร์มเอกชนรายใดๆ ที่ผู้บริโภคต้องจ่ายเกิน 80 บาทต่อใบ และไม่สามารถป้องกันการขายให้เด็กอายุต่ำกว่ากฎหมาย ล้วนแต่ผิดกฎหมาย จะต้องถูกกวาดล้าง ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐรายใดรับเงินเพื่อปกป้องคุ้มครอง ก็จะต้องถูกล้างบางและตามยึดทรัพย์ไปด้วยกัน
หากปล่อยให้มีการกว้านซื้อมาขายต่อผ่านแพลตฟอร์มเกิน 80 บาท โดยอ้างว่ามีค่าดำเนินการ สามารถทำได้ ต่อไป พ.ร.บ.สลากฯ ก็เป็นแค่เศษกระดาษ เอกชนก็จะแย่งกันกว้านซื้อนำไปขายต่อในราคาที่สูงขึ้นไปได้เรื่อยๆ โดยอ้างว่าเป็นค่าดำเนินการ เท่ากับเอกชนฮุบสลากกินแบ่งรัฐบาลไปโดยปริยาย
สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จะต้องมีการเพิ่มจำนวนขายผ่านเป๋าตังมากขึ้นไปเรื่อยๆ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับความสะดวก มีทางเลือกจากการขายเกินราคาในท้องถนน (ซึ่งต่อไปจะอยู่ยาก เพราะมีสลากให้ผู้บริโภคซื้อผ่านเป๋าตังมากขึ้น) แถมป้องกันการฟอกเงินได้ด้วย
นั่นจึงมีขบวนการปั่นข่าวโจมตี ดิสเครดิตสลากเป๋าตังทำนองว่าไม่ได้รับความสะดวกในการรับเงินรางวัล ทั้งๆ ที่ บางรายที่ถูกรางวัลแล้วไม่ได้รับเงินรวดเร็ว ก็เพราะบัญชีธนาคารของเจ้าตัวไม่มีการเดินบัญชีเกิน 1 ปี ทำให้บัญชีถูกปิดอัตโนมัติ ทำให้เกิด Error ว่า “ไม่สามารถทำรายการได้ กรุณาทำรายการใหม่”ส่งผลให้ลูกค้าต้องไปขึ้นรางวัลด้วยตัวเองที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เนื่องจากสลากดิจิทัลมีระยะเวลาต้องขึ้นรางวัลภายใน 15 วัน
4.ดารา อินฟลูฯ อวดถูกรางวัลบ่อยๆ ควรถูกตรวจสอบ
เรื่องง่ายๆ พวกฟอกเงินใช้สลากถูกรางวัลเป็นช่องทางฟอกเงินที่ง่ายที่สุด โดยไปสวมรอยว่าเป็นผู้ถูกรางวัล เช่นเอาเงินจากการค้ายา การพนัน การทุจริต ฯลฯ นำไปซื้อสลากที่ถูกรางวัล แล้วเอาไปขึ้นเงิน จากกองสลาก
เพียงเท่านี้ จากเงินสกปรก ก็กลายเป็นเงินถูกกฎหมาย แถมไม่ต้องจ่ายภาษี เพราะอ้างว่าได้รับเงินรางวัลจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
วิวัฒนาการต่อมา เมื่อมีสลากแพลตฟอร์มเอกชน มีการจ้างดารา นักร้อง อินฟลูฯ เพื่อเป็นพรีเซ็นเตอร์ โฆษณาชักจูงให้ผู้บริโภคหันมาซื้อสลากผ่านแพลตฟอร์มตนเอง ก็ปรากฏว่า มีนักร้อง ดารา อินฟลูฯ บางคน อวดอ้างว่าซื้อสลากจากแพลตฟอร์มแล้วถูกรางวัลเยอะแยะมากมาย
จีงเป็นการสมควรที่จะต้องตรวจสอบว่า ถูกรางวัลจริงหรือไม่? และซื้อมาจากแพลตฟอร์มดังกล่าว ก่อนจะมีการออกรางวัล จริงหรือไม่?
วิธีตรวจสอบก็ง่ายนิดเดียว เอาบันทึกธุรกรรมซื้อ โอนเงินผ่านบัญชีแพลตฟอร์มนั้นๆ มาอ้างอิง
ถ้าไม่จริง ก็อาจเข้าข่ายฟอกเงิน หรือหลบเลี่ยงภาษี หรือเจตนาหลอกหลวงประชาชนเพื่อผลประโยชน์ธุรกิจขายสลากของแพลตฟอร์มนั้นๆ
จุดจบ.. ถ้าขนาดว่า นายกฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชามีนโยบายข้อสั่งการชัดเจน ผบ.ตร. ลงมาสั่งการชัดเจนเด็ดขาดหากยังมีหน่วยงานใดเกียร์ว่าง เย้ยหยันทั้งข้อสั่งการและข้อกฎหมาย ถ้าไม่กล้าจัดการ ก็ควรยุบทิ้งทั้งกองสลากฯ ทั้ง สตช.
นายกฯ และ ผบ.ตร. ไม่ควรปล่อยข้าราชการที่รับใช้ปกป้องนายทุนสลากแพลตฟอร์ม หรือเกียร์ว่าง อย่าเก็บเอาไว้ทำลายศักดิ์ศรีขององค์กรต่อไป เสียทั้งภาวะผู้นำ เสียทั้งประโยชน์ประเทศชาติและประชาชน
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี