สงครามรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อข้ามปีตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.2565 ที่ผ่านมาและไม่มีที่ท่าว่าจะสงบลงได้ในเร็ววันนับเป็นเหตุการณ์เลวร้ายที่สุด ตั้งแต่สงครามโลก ที่คร่าชีวิตมนุษย์ไปแล้วหลายหมื่นคนและทำให้ทั้งชาวยูเครนและชาวรัสเซียหลายสิบล้านคน ต้องทิ้งบ้านเรือนอพยพไปอาศัยในประเทศต่างๆ ไม่น้อยกว่าสิบห้าล้านคน ข้อมูลจากสหประชาชาติบ่งชี้ว่า ตั้งแต่เดือนก.พ. 2565 ถึง ก.พ. 2566 ชาวยูเครนอพยพไปอยู่ต่างประเทศแล้ว ไม่น้อยว่า 7 ล้านคน และ อีกประมาณ 7.7 ล้านคน พลัดถิ่นที่อยู่ในประเทศตัวเอง ผู้อพยพชาวยูเครนส่วนใหญ่อพยพไปอยู่ในยุโรป และ บางส่วนไปอยู่สหรัฐอเมริกา
ส่วนชาวรัสเซีย มีรายงานว่าอพยพออกนอกประเทศหลายล้านคน แต่ประมาณการแน่นอนไม่ได้เพราะส่วนใหญ่หนีออกนอกประเทศในช่องทางธรรมชาติ ทั้งทางน้ำและทางบก ชาวรัสเซียส่วนใหญ่อพยพไปอยู่ในทวีปเอเชีย อินเดีย จีน ประเทศไทยและอื่นๆ
สำหรับประเทศไทยประมาณการว่า ชาวรัสเซียหนีจากภาวะเศรษฐกิจเสียหาย เพราะสงครามและหลบหนีการถูกเกณฑ์ให้เป็นทหารไปรบในสงครามไม่น้อยกว่าหนึ่งล้านคน ชาวรัสเซียที่หนีจากการถูกเกณฑ์เป็นทหารส่วนใหญ่ อยู่กันเป็นกลุ่มในเมืองท่องเที่ยวภูเก็ต เกาะสมุย พัทยา และอื่นๆ
สำนักข่าว อัล จาซีระห์ เสนอรายงานพิเศษครบรอบหนึ่งปีสงครามรัสเซีย-ยูเครน เมื่อวันที่ 24 ก.พ.2566 ว่า...ชาวรัสเซียกำลังเร่งรีบซื้อทรัพย์สินในประเทศไทย เป็นที่พักอาศัย และหลีกเลี่ยงการถูกเกณฑ์เป็นทหารไปรบในสงคราม ประกอบกับเศรษฐกิจถูกทำลายจากพิษภัยสงคราม
อัล จาซีระห์ บรรยายว่า ตั้งแต่เกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ชาวรัสเซียเพ่งสายตามาที่ประเทศไทยเพื่อใช้ชีวิตที่สบายกว่าอยู่ในบ้านเกิดของพวกเขามากขึ้นทุกวัน...ชาวรัสเซียหลายหมื่นคน หนีการเสี่ยงถูกเกณฑ์เข้าสู่สงคราม และความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดจากสงครามผลักดันให้พวกเขาเดินทางมาประเทศไทย ตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากปฏิบัติการทางทหารในยูเครน
ชาวรัสเซียจำนวนมาก กำลังเร่งหาซื้อบ้านหลังใหม่โดยการจองซื้ออสังหาริมทรัพย์ในโครงการต่างๆที่วางแผนสร้าง หรือกำลังก่อสร้าง พวกเขายินดีจ่ายเงินล่วงหน้าซื้อคอนโดมิเนียมยูนิตละ 500,000 ล้านดอลลาร์ หรือ ประมาณ 17.5 ล้านบาท เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยและเตรียมการไว้ล่วงหน้า เมื่อถึงเวลาที่พวกเขารู้สึกว่าสถานการณ์บังคับให้ออกนอกประเทศ
จากข้อมูลของสนามบินนานาชาติภูเก็ต พบว่าระหว่างวันที่ 1 พ.ย. 2565 ถึงวันที่ 21 ม.ค. 2566 ชาวรัสเซียกว่า 233,000 คน เดินทางเข้ามาเกาะภูเก็ต ทำให้รัสเซียเป็นคนกลุ่มใหญ่ที่สุดมากกว่าทุกชาติในเวลานี้ ภูเก็ต ซึ่งเคยเป็นที่หนีความหนาวเหน็บในรัสเซีย แต่การหลั่งไหลเข้ามาครั้งใหม่แตกต่างไปจากที่แล้วมา เพราะการเข้ามาพวกเขากลายเป็นแรงกระตุ้นการขายอสังหาริมทรัพย์พุ่งขึ้นสูงมากอย่างมีนัย ตั้งแต่ ประธานาธิบดี วลาดีมีร์ ปูติน สั่งให้ระดมพลครั้งที่สอง ถึง300,000 นาย ซึ่งแสดงว่า รัสเซียเข้ามาใหม่ตั้งใจที่จะอยู่นานมากกว่ามาท่องเที่ยวธรรมดา
“ลูกค้าของฉันส่วนใหญ่วัย 30-35 ปี และ เป็นพวกที่จ่ายหนัก” โซเฟีย มาไลเกรวาเรียล เอเย่นต์ขายอสังหาริมทรัพย์ที่เกาะภูเก็ต เอเย่นต์ผู้นี้มีถิ่นกำเนิดใน
รัสเซีย กล่าว และระบุว่า“มีคนรัสเซียจำนวนมากตัดสินใจมาอยู่ภูเก็ต จากสามเดือน ถึงหกเดือน หรือหนึ่งปี..การอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวอันงดงาม เป็นเวลานานผู้มาอยู่ใหม่ต้องการมีบ้าน โรงเรียน ต้องการทำงานชั่วคราว และ วีซ่าระยะยาว ซึ่งการขอวีซ่าที่อยู่ถาวรเป็นเรื่องยากมากที่จะสำเร็จ...สำหรับพวกที่มาใหม่ จำนวนมากเลือกที่จะซื้อบ้าน เพื่อย้ายจากดินแดนที่เต็มไปด้วยสงคราม มาใช้ชีวิตที่แสงแดดแผดจ้าในประเทศไทย
“เงินไม่ใช่ปัญหา” เอเย่นต์ผู้ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ที่ติดต่อกับชาวรัสเซีย เป็นส่วนใหญ่พูดถึงความมั่งคั่งของชาวรัสเซียที่หลั่งไหลเข้ามาใหม่ เธอกล่าวว่าการที่ชาวรัสเซียทะลักเข้ามาใหม่ผลักดันให้ราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์
“คอนโดที่ราคาก่อนหน้าค่าเช่าเดือนละ 1,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 3.49 หมื่นบาท) ตอนนี้อาจพุ่งเป็นสามเท่า บ้านพักตากอากาศในระดับราคา 6,000 ดอลลาร์ มีการจองล่วงหน้าข้ามปีเต็มหมดแล้ว ตลาดการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ร้อนแรงกว่าปี 2565 และ ชาวรัสเซียเป็นผู้ซื้อเกือบ 40% ของคอนโดมิเนียมที่ขายให้ชาวต่างชาติในภูเก็ต
ข้อมูลจากศูนย์อสังหาริมทรัพย์พบว่า ชาวรัสเซียซื้อบ้าน และคอนโดมิเนียมมูลค่า 25 ล้านดอลลาร์ เป็นมูลค่าการซื้อที่มากกว่าที่คนจีนซื้อหลายเท่า ตามข้อมูลของ ศูนย์อสังหาริมทรัพย์แห่งประเทศไทย REIC (Real Estate Information Center) ผู้ซื้อบางรายจ่ายถึง 500,000 ดอลลาร์ กับคอนโดที่วางแผนการสร้างอยู่ชายทะเล จากข้อมูลของเอเย่นต์ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ท้องถิ่น
“สถานการณ์ในบ้านเกิดของพวกเขาได้เปลี่ยนไป”มาไลเกรวาเรียล กล่าวและเสริมว่า เศรษฐกิจที่ยากลำบากในรัสเซียทำให้ “คนเดินทางออกนอกประเทศ และ พร้อมจะใช้เงินกับโรงเรียนนานาชาติซึ่งค่าเรียนถูกกว่าในมอสโก..”
เอเย่นต์การท่องเที่ยวในภูเก็ตผู้ไม่เปิดเผยนาม กล่าวว่า “รัสเซียบางคนเดินทางมาโดยตั๋วเครื่องบินเที่ยวเดียว พวกเขาไม่อยากลับบ้าน...พวกเขาอยู่ที่นี่ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ไปเป็นทหาร” การหลั่งไหลเข้ามาของชาวรัสเซียที่อื่นๆ ก็เช่นกันมันสะท้อนให้เห็นความกลัวถูกเกณฑ์เข้าสู่สงคราม เช่นตัวอย่างที่เกาะสมุย ซึ่งเป็นเกาะใหญ่อันดับสองของประเทศไทย
หรือชายฝั่งตะวันออกที่พัทยาซึ่งมีชุมชนรัสเซียอยู่มากพอสมควรแถวชายหาดจอมเทียน“ชาวรัสเซียมาพัทยาเพิ่มขึ้น ตั้งแต่เดือนตุลาคม ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวที่กลัวเกณฑ์ไปเป็นทหารหากอยู่ที่บ้าน”สาธุคุณมิคาเฮล อิลยิน แห่งโบสถ์คริสตจักรออร์โธดอกซ์พัทยาบอก อัล จาซีระห์ และผลของสงครามรัสเซีย-ยูเครน เกิดผลกระทบหลายด้าน
อย่าง“ดา”หมอนวดแผนไทย กล่าวว่า เธอทิ้งสปาในมอสโกเมื่อปัญหาเศรษฐกิจเกือบล่มสลาย ดาเคยมีรายได้มากโข ถ้าเปรียบเทียบกับการทำงานในประเทศไทย เธอตัดสินใจทิ้งงานในมอสโก ดามาได้งานใหม่ ที่หาดจอมเทียน ซึ่งภาษารัสเซียที่เรียนมาเธอชนะใจลูกค้ารัสเซีย ดา บอกว่ายากลำบากมากที่จะพาแฟนชาวรัสเซียมาอยู่ที่นี่ ดังนั้นเธอมาตั้งหลักก่อน จัดหาบ้านและพยายามทำวีซ่าให้เพื่อนชาย”
เธอกล่าวว่าวีซ่าทำยากมาก หลังจากเรื่องฉาวโฉ่ถูกแฉออกมาว่า เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองช่วยเหลือมาเฟียจีน นับหมื่นคนเข้ามาอยู่ในประเทศไทย มาเฟียจีน
เข้ามาในประเทศไทย ได้ใบอนุญาตทำงานทั้งๆที่ตั้งมูลนิธิปลอมขึ้นมา
นั่นหมายความชาวรัสเซีย ที่ได้วีซ่าถิ่นที่อยู่ต้องสามารถแบกรับค่าใช้จ่ายสูงมาก โดยสมัครลงทุนเป็นเจ้าของทรัพย์สินราคาแพง หรือ ทำวีซ่าที่เรียกว่า Elite ซึ่งอนุญาตให้อยู่ได้นานโดยต้องจ่ายครอบครัวละประมาณ 25,000 ดอลลาร์ “การมาอยู่นาน มันไม่ง่ายเหมือนที่พวกเขาคิดจะมาอยู่ที่นี่” สาธุคุณอิลยินกล่าว และเสริมว่า “บางคนคิดกลับไปเหมือนกัน เมื่อมันมีทางเลือก”
การหลั่งไหลเข้ามาของคนรัสเซีย และ เงินรัสเซียได้สร้างความไม่พอใจให้บางภาคส่วน ธุรกิจท่องเที่ยวบางแห่งแสดงความไม่พอใจ ที่ชาวรัสเซียมาแย่งงานพวกเขา ผู้บริหารการท่องเที่ยวบ่นเรื่องคนขับแท็กซี่ชาวรัสเซียรับนักท่องเที่ยวพาเพื่อนร่วมชาติท่องเที่ยวทั่วเมืองเก่าโดยไม่มีใบอนุญาต เมื่อต้นกุมภาพันธ์ภูมิกิตติ รักแต่งงาม ประธานสมาคมการท่องเที่ยวภูเก็ต บ่นเรื่องชาวรัสเซียเข้ามาแย่งอาชีพของคนท้องถิ่น“ถ้าพบว่า พวกเขามาแย่งงานเรา ในบ้านเรา ไม่อาจให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้”ภูมิกิตติ เขียนบนเฟซบุ๊ก
เจ้าของรถตู้โดยสารคนหนึ่ง บอกกับแนวหน้าว่า “เงินรัสเซียที่เข้ามามันตกอยู่ในมือเจ้าของคอนโดมิเนียม เจ้าของวิลล่า เจ้าของบ้านเช่าเท่านั้น รัสเซียบางกลุ่มจัดการ เรื่องท่องเที่ยวครบวงจร โดยไม่มีใบอนุญาต รัฐบาลก็ไม่ได้เก็บภาษีจากคนพวกนี้เลยรัสเซียบางกลุ่มทำธุรกิจแฝง มีรถยนต์ มีมอเตอร์ไซค์ให้พวกรัสเซียด้วยกันเช่า พวกเขาไปรับแขกจากโรงแรมพาไปเที่ยวไปช้อปปิ้ง โดยอ้างว่ามารับเพื่อนไปเที่ยว..ส่วนใหญ่พวกนี้ ถือวีซ่านักท่องเที่ยวแต่อยู่นานเป็นปี สามเดือนก็ไปต่อวีซ่าที่ปีนังบ้าง ชายแดนเขมร ชายแดนลาวบ้าง คนพวกนี้เช่าเหมาคอนโดฯ วิลล่า บ้านเช่าไว้เป็นปี แล้วจัดการหมุนเวียนให้ชาวรัสเซียอยู่ที่นั่นทีที่นี่ที เวลานี้ผมคิดว่ามาเฟียรัสเซียร้ายกว่าทัวร์ศูนย์เหรียญและทุนจีนสีเทา..”
จากรายงานพิเศษ อัล จาซีระห์ จากคำพูด สาธุคุณโบสถ์ออร์โธดอกซ์ พัทยา และจากน้ำเสียงจากเจ้าของรถตู้ที่ภูเก็ต ทำให้วิตกกังวลว่า หากเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ไม่รีบแก้ไขปัญหา“มาเฟียรัสเซีย”ในจังหวัดภูเก็ตและเมืองท่องเที่ยวพัทยา จะหนักหนากว่า“ทุนจีนสีเทา”ซึ่งร้ายแรงกว่ากรณี“นายตู้ห่าว”หลายเท่าตัว
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี