“คิดใหญ่ ทำเป็น” ต่างกับ “คิดใหญ่ ทำโกง”
ถ้า “คิดใหญ่ ทำเป็น” จริงๆ ต้องคิดถูกต้องแม่นยำ และลงมือทำโดยไม่ปล่อยให้มีการทุจริตโกงกิน
ตัวอย่างจริงสมัยคิดใหญ่ ทำโครงการจำนำข้าวชัดเจน ว่าปล่อยให้มีการทุจริตโกงกินมหาศาลขนาดไหน
1. คิดใหญ่ สมัยจำนำข้าว ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ บุญทรงติดคุก
บางคนสงสัยว่า หากปล่อยให้ทำโครงการจำนำข้าว “ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ” ไปเรื่อยๆ ผลจะเป็นอย่างไร
แน่นอนว่า ยอดผลขาดทุนก็จะบานปลายไปเรื่อยๆ
เพราะเอาเงินไปซื้อข้าวมาในราคาแพงกว่าตลาดทุกๆ ปี แล้วก็ขายข้าวในราคาต่ำกว่าราคาตลาดทุกๆ ปี
นับวัน จะยิ่งตูดขาด
ส่วนราคาข้าวในตลาดโลก หากไม่มีข้าวจากไทยส่งออกไป ก็มีข้าวจากประเทศอื่นๆ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่กว่าไทย พร้อมเพิ่มการส่งออกไปทดแทนประเทศไทย และตลาดคาร์โบไฮเดรตในโลกก็พร้อมจะเปลี่ยนไปบริโภคอย่างอื่นทดแทนข้าวได้อย่างรวดเร็วง่ายดาย
ผลต่อประเทศไทย จึงมีแต่จะเจ๊ง กับเจ๊ง อย่างไม่ต้องสงสัย
ยังไม่ต้องกล่าวถึงการปล่อยให้มีการทุจริตโกงกิน ตั้งแต่ต้นน้ำยันหลายน้ำ ยิ่งเพิ่มผลขาดทุน และความเสียหายแก่ประเทศชาติส่วนรวม
จนวันนี้ รัฐบาลยังต้องทยอยใช้หนี้ติดค้างจากโครงการเพื่อไทยคิดใหญ่สมัยจำนำข้าว อีกกว่า 2 แสนล้านบาท ปีละ 2-3 หมื่นล้านบาท ทุกๆ ปี
2. คิดใหญ่ สมัยโครงการน้ำ 3.5 แสนล้าน
คงยังไม่ลืมความเสียหายย่อยยับในคราวน้ำท่วม “เอาไม่อยู่” และโครงการน้ำผลาญชาติ ว่ามีการจัดการที่ไร้ประสิทธิภาพ และมีปัญหาความไม่โปร่งใสอย่างไรบ้าง
หลังน้ำท่วมใหญ่ ปี 2554 ช่วงปี 2555-2556 รัฐบาลทักษิณคิด เพื่อไทยทำ ฉวยโอกาสเร่งรีบออก พ.ร.ก.กู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท โดยนำโครงการน้ำสารพัดอย่างมัดรวมกันเป็นกลุ่มๆ เรียกว่า “โมดูล” แล้วให้เอกชนเข้ามายื่นข้อเสนอ ยื่นราคารับเหมาออกแบบก่อสร้าง
ไม่มีราคากลางตามกฎหมายปกติ เพียงแต่ตั้งกรอบงบเอาไว้
ถูกครหา วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงในขณะนั้น
อดีตนายกฯ ทักษิณ หนีคดีโกงหลายคดีเดินสายไปถึงที่ทำการของเค-วอเตอร์ ในเกาหลีใต้
จากนั้น ผลปรากฏว่า กลุ่มเค-วอเตอร์ คว้าชิ้นปลามันไปครองแบบนอนมาตามคาด 2 โมดูล มูลค่าโครงการสูงที่สุด ได้แก่ โครงการทางผันน้ำ กรอบวงเงิน 153,000 ล้านบาท
รวม เค-วอเตอร์ กับ ITD ได้โครงการมูลค่าเกือบ 290,000 ล้านบาท
ที่เหลือเป็นกลุ่มอิตาเลียนไทย นำโดยเสี่ยเปรมชัย 5 โมดูล
ป.ป.ช.ขณะนั้น ส่งรายงาน “ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตและความเสียหายของทางราชการ ในการดำเนินการโครงการระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศไทย” ต่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยชี้ว่า โครงการมีการใช้งบประมาณจำนวนมาก และมีจุดเสี่ยงทุจริตหลายจุด มีลักษณะเร่งรีบ รวบรัด ขอยกเว้นระเบียบว่าด้วยการพัสดุ
โครงการขนาดใหญ่ ยังไม่เคยมีการศึกษาความคุ้มค่าและผลกระทบสิ่งแวดล้อมใดๆ มาก่อนเลย ต่อให้เซ็นสัญญาจ้างเอกชน ก็ยากจะสำเร็จตามคำคุยโม้
สุดท้าย ศาลปกครองชี้ว่า การดำเนินการไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง เพราะไม่ได้รับฟังความเห็นของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ โครงการจึงสะดุด รอดปากเหยี่ยวปากกามาได้
ปัจจุบัน ยังมีคดีเกี่ยวกับการประมูลโครงการน้ำอยู่ที่ ป.ป.ช.
3. คิดใหญ่ สมัยออกกฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ทำลายวินัยการคลังร้ายแรง ขัดรัฐธรรมนูญ
ต้องการจะซิกแซกกู้เงินเอามาทำโครงการ โดยไม่ผ่านกลไกตรวจสอบงบประมาณแผ่นดินปกติ
นำเอาโครงการขนาดใหญ่ เช่น รถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ มาล่อตาล่อใจ
โดยที่หลายโครงการ ยังไม่มีผลการศึกษาความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจการลงทุน หรือผลกระทบสิ่งแวดล้อมอะไรเลยด้วยซ้ำ
แค่จะอาศัยกฎหมายฉบับนี้ เป็นกุญแจเปิดทางให้กู้เงินมาทำ โดยเปิดช่องเสี่ยงทุจริต ยกเว้นให้รัฐบาลนำเงินกู้มหาศาล 2 ล้านล้านไปใช้จ่ายได้ โดยไม่ต้องนำเงินส่งคลัง แตกต่างจากเงินแผ่นดินทั่วไป
การทำแบบนี้ ก็เท่ากับว่า นักการเมืองแปลงร่างงบลงทุนแยกออกจากงบประมาณแผ่นดิน
ไม่ต้องผ่านขั้นตอนกลั่นกรอง ตรวจสอบ ความเหมาะสมคุ้มค่า ความโปร่งใส และวงเงินแต่ละโครงการ เพราะฝ่ายการเมืองจะกำหนดการจ่ายเงินกันเองแบบบุฟเฟ่ต์
แต่กลับมีขบวนการสาดโคลนบิดเบือนว่าศาลรัฐธรรมนูญตีตกกฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ด้วยเหตุว่า “ถนนลูกรังยังไม่หมดประเทศ” ทั้งๆ ที่คำพูดดังกล่าว เป็นแค่ช่วงเวลาไม่กี่วินาที ที่มีการซักถามแลกเปลี่ยนของตุลาการท่านหนึ่ง และไม่ได้เป็นประเด็นวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเลยด้วยซ้ำ
ประเด็นสำคัญจริงๆ ศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ว่า เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทเป็นเงินแผ่นดิน การใช้จ่ายเงินแผ่นดินต้องได้รับอนุญาตจากกฎหมาย 4 ฉบับ ได้แก่ กฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย, กฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ, กฎหมายว่าด้วยการโอนงบประมาณ หรือกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง ยกเว้นกรณีจำเป็นเร่งด่วน แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า โครงการลงทุนที่บรรจุในแผนการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท หลายโครงการยังไม่มีการศึกษาความคุ้มค่า ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ไม่ได้ผ่านการพิจารณามาตามขั้นตอน และเป็นโครงการที่ยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน
การใช้จ่ายเงินแผ่นดินอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง ตามมาตรา 170 วรรค 2 แห่งรัฐธรรมนูญแต่ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทกำหนดให้รัฐบาลสามารถนำเงินกู้ไปใช้จ่ายโดยไม่ต้องนำเงินส่งคลัง แตกต่างจาก พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 ทำให้การควบคุมการใช้จ่ายเงินกู้ดังกล่าวไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ หมวด 8 ว่าด้วยการเงิน การคลัง และงบประมาณ
4. คิดใหญ่ โครงการเอาเงินแผ่นดิน 5.5 แสนล้านบาท มาแจกหัวละหมื่นบาท เข้ากระเป๋าเงินดิจิทัล
ปรากฏว่า คนที่คิดโครงการเหรียญดิจิทัลเพื่อไทย
คือ คนเดียวกับที่ออกมาการันตีว่าโครงการจำนำข้าวว่าไม่มีทางเจ๊ง !!!!
คือ คนเดียวกับที่เป็นที่ปรึกษาใหญ่คณะกรรมการบริหารนโยบาย 1 คอมพิวเตอร์แท็บเลต ต่อ 1 นักเรียน
และคือ คนที่ทักษิณเคยส่งมาเดินหมากแปรรูป กฟผ. (แต่ศาลปกครองชี้ขาดว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน มีเก้าอี้ กก.ชินคอร์ป จึงยุติลงไปเมื่อปี 2549)
คิดใหญ่ ทำเป็น จริงๆ หรือ?
5.นโยบายหาเสียงเลือกตั้งของพรรคการเมือง ใครจะเอาเงินหลวงมาทำอะไร เท่าไหร่ ก็ได้จริงหรือ?
จะขายทรัพย์สินของแผ่นดินอย่างไร ก็ได้จริงๆ หรือ?
จะเอาผลประโยชน์เฉพาะหน้า ติดสินบนผู้มีสิทธิเลือกตั้งอย่างไร ก็ได้จริงๆ หรือ?
ถ้าหาเสียงว่า จะออกโฉนดให้กับชาวบ้านและนายทุนทุกคนที่รุกป่าอยู่ ได้หรือไม่?
ถ้าหาเสียงว่า จะแจกเงินสด คนละ 100,000 บาททุกคน ได้หรือไม่?
ถ้าหาเสียงว่า จะลดโทษให้คนที่ด่าทอ ให้ร้าย ขู่อาฆาตสถาบันพระมหากษัตริย์ ได้หรือไม่?
ถ้าไม่มีกรอบจำกัดเลย ก็แสดงว่า พรรคการเมืองทำได้หมด
แต่ที่ทำไม่ได้ ก็เพราะว่า มันมีขอบเขตจำกัดไว้อยู่ ใช่หรือไม่
นโยบายแจกเงินล้างผลาญ นโยบายประชานิยม มันมีพิษร้ายแรง ล่มชาติได้จริงๆ
ดูวิกฤตเศรษฐกิจ ประเทศล่มสลาย กรณีเวเนซุเอลา เป็นตัวอย่าง ข้าวของราคาแพง เงินเฟ้อพุ่งกระฉูด รัฐบาลไม่มีรายได้พอมาแจกจ่ายดูแล ระบบพังทลาย ประเทศล่มจมได้ขนาดไหน (นั่นขนาดเขามีน้ำมันมหาศาล)
พรรคการเมือง และ สว. มีหน้าที่พื้นฐาน คือ จะต้องไม่สนับสนุนการแสวงหาอำนาจรัฐของพรรคการเมืองบางพรรค คิดใหญ่ คุยโวโอ้อวดเอาเงินหลวงใช้จ่ายผ่านช่องทางที่ซ่อนเร้นแยบยล แต่ทำลายระบบการเงินการคลังของประเทศชาติส่วนรวม สุ่มเสี่ยงจะนำบ้านเมืองไปสู่หายนะต่อไป
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี