การอ้างว่า สว.ต้องเคารพเสียงข้างมากของประชาชน เลยต้องยกมือให้นายพิธาเท่านั้น
นี่คือการอ้างที่สิ้นคิด
เบาปัญญา
และขี้ขลาด
ดังปรากฏว่า มี สว.บางคน ให้สัมภาษณ์ว่า ตนต้องเคารพสิทธิเคารพเสียงส่วนมากของประชาชน จึงตัดสินใจว่า ถ้าหากพรรคไหนสามารถรวมเสียงได้มากเกินครึ่งของ สส. คือ 250 หรือ 251 เสียงขึ้นไป ตนก็พร้อมที่จะโหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เพื่อให้ประเทศสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ตนเห็นด้วยที่จะเลือกนายกรัฐมนตรีจากเสียงข้างมาก
วิธีคิดและคำอธิบายนี้ มีความย้อนแย้ง น่าละอาย อย่างไร
1.สว.มีอำนาจหน้าที่โดยชอบ ตามรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติ (15 ล้านเสียง) พิจารณาเห็นชอบบุคคลที่เสนอชื่อเป็นนายกฯ
ถ้าเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญให้ สว.เพียงดูว่ามาจากเสียงข้างมากของ สส.หรือไม่ ก็คงไม่ต้องมี สว.มาทำหน้าที่นี้
เมื่อยังอยู่ในตำแหน่งหน้าที่และความรับผิดชอบในฐานะ สว. จึงต้องทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ
ไม่ใช่ทำตัวเป็นกาฝาก นั่งกินเงินเดือน ละเว้นการทำหน้าที่ เพียงเพราะถูกปั่นกระแสกดดัน หดหัวอยู่ในกระดองโดยอ้างเสียงข้างมาก
2.การเลือกตามเสียงข้างมาก ไม่ผิด แต่ไม่เพียงพอ
คิดง่ายๆ
ถ้า สส. เสนอชื่อนายพิธา มีเสียงข้างมาก สส.สนับสนุนถูกต้อง
หาก สว.เห็นว่า ไม่เหมาะสม เพราะมีนโยบายแก้มาตรา 112 กระทบสถาบันพระมหากษัตริย์ และยังจะนิรโทษกรรมคดีความผิดอันรวมถึงคดี 112 ฯลฯ สว.จะไม่ยกมือให้ก็ย่อมทำได้ โดยไม่ได้หมายความว่าไม่เคารพเสียงข้างมากแต่อย่างใด เพราะอะไร?
เพราะหลังจากนั้น บรรดาพรรคการเมือง สส. ก็สามารถเจรจาพูดคุย หาบุคคลอื่นนำเสนอมาได้อีก โดยมาจากเสียงข้างมากจาก สส. อีกเช่นกัน (สว.ไม่มีสิทธิเสนอนายกฯ ได้แต่เห็นชอบหรือไม่)
สมมุติว่า พรรคเพื่อไทย หากไปดึงพรรคการเมืองอื่นเข้าร่วม มีเสียง สส.สนับสนุนเพิ่ม (อาจเสียง สส.สนับสนุนมากกว่าที่เสนอชื่อนายพิธาด้วยซ้ำ)
โดยไม่แตะต้องมาตรา 112 ไม่กระทบสถาบัน ไม่ทำให้ประเทศสุ่มเสี่ยง
นำเสนอชื่อนายกฯ มาให้ที่ประชุมรัฐสภาพิจารณา
สว.ก็ร่วมพิจารณาเหมือนเดิม
คนที่ได้รับการเสนอชื่อมาจากเสียงข้างมากหรือไม่?
มีความเหมาะสม หรือไม่?
จะเห็นได้ว่า ก็ยังเห็นชอบนายกฯจากเสียงข้างมากนั่นเองแต่พิจารณาเห็นชอบบุคคลที่มีความเหมาะสม
นั่นจึงจะเป็นการทำหน้าที่พิจารณา “เห็นชอบ” เหมือนการช่วยกลั่นกรอง เพื่อรักษาปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติส่วนรวม
3.ประเด็นเสียงข้างมาก
คุณโจ-มณฑานี โพสต์ในเฟซบุ๊ก Jo Montanee ระบุว่า
“....ขอบอกพิธาและอจ.ปริญญานะคะ
คนนึงอายุ 40 กว่า กลางคนแล้ว อีกคน 50 กว่า จะเกษียณแล้ว แต่ดันคิดเลขเด็ก ป.1 ไม่เป็น
อ้าง “ฉันทมติประชาชน” เพื่อบีบบังคับทั้งสว.และสส.ให้เลือกตนเป็นนายก
จะสอนเลขให้ค่ะ
คนเลือกก้าวไกล 14.2 ล้านกลมๆ เป็นฉันทมติไม่ได้นะคะ
เพราะคนเลือก รสทช 4752342 + ภท 1136515 + ปชป 919634 + พปชร 527118 + ชทพ 184980 + พรรคอื่น 9056126
= 16,576,715
นี่คือที่ไม่แก้ม.112 แน่ๆ และเขาไม่ได้เลือกคุณ
+ 10.7 ล้านของพท.ที่ประกาศชัดแล้วว่าไม่ยกเลิก ม.112 แน่นอน และต้องมีกฎหมายคุ้มครองประมุขของรัฐ คนสิบล้านกว่าเขาไม่ได้เลือกคุณ
รวมกัน 27.2 ล้านเสียง เท่านึงของพรรคหนูส้มเลยนะคะ
27.2 ล้านนี่ ฉันทมติประชาชนมั้ยคะ?
หรือฉันทมติประชาชนถูกสงวนแค่พวกคุณเท่านั้น?
แบบนี้คือเผด็จการค่ะอจ.ปริญญา คุณพิธา
แล้วยิ่งสส.ของพรรคคุณไปประกาศความอันธพาลราวกับทรชนใจหยาบใส่สว. คุณกำลังแสดงตัวอย่างของ “ประชาธิปไตยทรราชย์” อย่างแจ่มแจ้งเลย!
นั่นคือประเทศที่คุณอยากนำทิศทางไปถึงหรือคะ?
คุณพิธาลองมองลูกสาวตัวเองแล้วคิดให้เยอะๆ ว่า.. นี่คือคุณภาพประชาชนที่คุณอยากให้ลูกสาวคุณโตขึ้นมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับพวกเขาจริงหรือ?”
4.ล่าสุด พรรคภูมิใจไทย ออกแถลงการณ์จุดยืน หลังถูกกดดันว่าจะต้องยกมือให้พิธาเป็นนายกฯ ตามเสียงข้างมาก
แถลงการณ์พรรคภูมิใจไทย ระบุว่า ขอเรียนว่า พรรคภูมิใจไทยไม่สนับสนุนนายกรัฐมนตรี ที่มีนโยบายแก้ไขหรือยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
จุดยืนของพรรคภูมิใจไทย คือ ไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองที่มีนโยบายแก้ไขหรือยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นไปตามที่หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เคยแถลงต่อสื่อมวลชนก่อนหน้านี้
“...จุดยืนนี้เป็นหลักการสำคัญของพรรคภูมิใจไทย ที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง หรือต่อรองได้
พรรคภูมิใจไทย จึงไม่สามารถลงมติสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคการเมืองที่มีนโยบายแก้ไขหรือยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ได้
ทั้งนี้ การเรียกร้อง ข่มขู่ กดดัน ต่อพรรคภูมิใจไทย ให้สนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของ พรรคการเมืองที่มีนโยบายแก้ไขหรือยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จะไม่มีผลให้พรรคภูมิใจไทยและสมาชิกพรรคภูมิใจไทยเปลี่ยนแปลงอุดมการณ์ และจุดยืนได้
ดังนั้น หากการจัดตั้งรัฐบาลที่มีนโยบายแก้ไขหรือยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ประสบผลสำเร็จ พรรคภูมิใจไทย พร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้านตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล เพื่อประโยชน์ของประชาชน และปกป้องสถาบันสำคัญของชาติอย่างสุดความสามารถ
พรรคภูมิใจไทย ขอเรียกร้องให้ฝ่ายเสียงข้างมาก เคารพและรับฟังเสียงข้างน้อย ตามหลักการประชาธิปไตย
มิใช่ข่มขู่ และกดดันให้ต้องทำตามที่เสียงข้างมากต้องการหรือกำหนด
และขอเรียกร้องให้พรรคการเมือง สมาชิกพรรคการเมืองที่กดดันให้พรรคภูมิใจไทย สนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคการเมืองที่มีนโยบายแก้ไขหรือยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ได้แสดงจุดยืนต่อกรณี การเสนอแก้ไขหรือยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของท่านให้ประชาชนทราบด้วย
พรรคภูมิใจไทย ได้สอบถามความเห็นว่าที่ สส.ของพรรค ทั้ง 68 คนรวมถึงผู้สมัครรับเลือกตั้ง อีกประมาณ 300 คน ซึ่งกระจายอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศไทย ได้รับข้อมูลตรงกันว่า ประชาชนผู้ลงคะแนนให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคภูมิใจไทย มากกว่า 5 ล้านคน มีความเชื่อมั่นว่าพรรคภูมิใจไทยจะเป็นพรรคการเมืองหลักทำหน้าที่ปกป้องสถาบันสำคัญของชาติ
ซึ่งพรรคภูมิใจไทยพร้อมจะทำหน้าที่นี้ตอบแทนประชาชนทุกคน ไม่ว่าพรรคภูมิใจไทย จะอยู่ในสถานะใดก็ตาม”
ขอปรบมือชื่นชมพรรคภูมิใจไทย “พูดแล้วทำ”
และนี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญของการเมือง
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี