พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พยายามดิ้นรนเพื่อนำพาตัวเองไปสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทย แต่ทว่าการดิ้นรนของพิธาก็คือการเปิดแผล และรอยมลทินต่างๆ ที่ตนเองสร้างสมไว้ตั้งแต่อดีต
หนึ่งในแผลที่ฝังอยู่ในตัวของพิธาคือ เรื่องการถือหุ้นไอทีวี เรื่องนี้มีหลักฐานแน่นหนามัดตัวพิธาว่า เขาผู้นี้ถือหุ้นไอทีวีจริงๆ
เมื่อหลักฐานมัดตัวพิธาแน่นหนา พิธาจึงพยายามดิ้นเพื่อให้ตนเองหลุดจากความจริงแต่การดิ้นเพื่อหนีความจริง เป็นการดิ้นที่ไม่บังเกิดผลดีแต่ประการใด เพราะยิ่งดิ้น ก็ยิ่งรัด ยิ่งมัดตัวเองให้แน่นมากขึ้นทุกขณะ
การต่อสู้เพื่อจะให้ตนเองพ้นจากการถือครองหุ้นไอทีวีจึงบังเกิดขึ้น แต่ทว่าการต่อสู้นั้น ก็กลับกลายเป็นต่อสู้แล้วยิ่งเปิดแผลของตนให้ใหญ่ขึ้น และลึกขึ้น เท่ากับยิ่งดิ้นก็ยิ่งมัดตัวเองหนักเข้าไปอีก
ดูๆ ไปแล้ว พิธาเสมือนว่ากำลังสร้างนิติกรรมอำพรางเพื่อหวังให้ตนเองรอดพ้นจากหลักฐานที่มัดตัวเอง นอกจากนิติกรรมอำพรางแล้ว ยังดูเสมือนว่าพิธากำลังสร้างนิยายเรื่องใหม่ขึ้นมาเพื่อให้ตัวเองรอดพ้นจากบ่วงของกฎหมาย หลายคนจึงวิพากษ์ว่าพิธากำลังสร้างนิตินิยายขึ้นมา เพื่อหวังให้โทษหนักที่ตนเองก่อไว้ กลายเป็นโทษเบา หรือพ้นโทษ
การสร้างนิตินิยาย และการจงใจสร้างนิติกรรมอำพราง ไม่สามารถหักล้างความผิดที่ตราไว้ในตัวบทของรัฐธรรมนูญได้เป็นอันขาด ในเมื่อรัฐธรรมนูญมีบทบัญญัติว่าสิ่งใดเป็นความผิดก็ไม่มีสิ่งอื่นใดจะลบล้างความผิดที่ตราไว้ในตัวบทได้ เพราะผิดก็คือผิด จะผิดโดยตั้งใจทำผิดหรือผิดโดยพลั้งเผลอ ก็คือความผิด แต่เพียงโทษทัณฑ์ที่จะได้รับจากความผิดนั้นๆ จะแตกต่างกันไป แต่ย้ำว่า ผิดก็คือผิด จะอ้างว่าบกพร่องโดยสุจริตก็นับว่าผิดวันยังค่ำ แต่หากเป็นความผิดที่จงใจก่อขึ้น ก็ยิ่งนับว่าเลวร้าย และไม่สามารถหนีพ้นข้อบังคับของกฎหมายไปได้
ตอนนี้หลายคนที่ติดตามเรื่องหุ้นไอทีวีที่พิธาถือครองอยู่กำลังตามประเด็นว่า ตกลงแล้วพิธาจะดิ้นเพื่อหาทางเอาตัวรอดด้วยกลอุบายใด ระหว่างสละมรดก ตามคำแนะนำของทนายความรายหนึ่งที่ทำตัวเป็น lobbyist ซึ่งคอข่าวการเมืองหลายคนวิจารณ์ว่า น่าจะหวังดี แต่ประสงค์ร้ายต่อพิธา
เรื่องสละมรดก หรือแบ่งมรดก ยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตามดูในเชิงกฎหมายต่อไป การต่อสู้ทางกฎหมายเป็นทางหนึ่งที่ทำให้คนบางคนแม้จะผิด แต่ก็สามารถรอดพ้นจากความผิดได้ เพราะหากมีทนายความที่เก่งมากๆ สามารถหาช่องทางหลบเลี่ยงหลีกหนีความผิดที่ตนเองก่อไว้ได้ ซึ่งเรื่องนี้สังคมไทยเห็นกันมาโดยตลอด เพราะการใช้เงินจำนวนมากๆ จ้างนักกฎหมายที่หาช่องว่างทางกฎหมายเก่ง ก็จะช่วยให้คนผิดไม่ต้องถูกกฎหมายลงโทษเสมอมา
ลองกลับไปพิจารณาเรื่องมรดกที่พิธาครอบครอง แล้วดูสภาพข้อเท็จจริงประกอบ จะพบว่ามีความจงใจทำให้เกิดความซับซ้อนซ่อนเงื่อนในประเด็นนี้อย่างมาก
หากคนคนหนึ่งต้องการจะเป็นนายกรัฐมนตรี ของไทย แต่เจ้าตัวมีปม มีเงื่อนงำต่างๆ นานา สารพัดคนพรรค์อย่างนี้สมควรได้เป็นนายกรัฐมนตรีของไทยหรือ หรือว่าสังคมไทยต้องมีนายกรัฐมนตรีที่เต็มไปด้วยเงื่อน ปม ที่น่าสงสัยมากๆ เพราะตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทยสงวนไว้สำหรับคนมีเงื่อน มีปมเท่านั้น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี