ถ้าผู้มีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ ทำหน้าที่ของตนเอง บ้านเมืองก็ไปต่อไป
1. กกต. ทำหน้าที่เบื้องต้นแล้ว
มีมติเอกฉันท์ ให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยกรณี สส.พิธา ถือครองหุ้นสื่อไอทีวี
เหมือนที่เคยส่งแล้วมากมายหลายกรณี
และที่ส่งศาลเมื่อเห็นว่ามีหลักฐานเพียงพอ โดยไม่ได้เรียกเจ้าตัวมาชี้แจง ก็มีกว่า 37 กรณีก่อนหน้านี้
สุดท้าย จะพิจารณาวินิจฉัยอย่างไร ก็เป็นดุลยพินิจของศาลรัฐธรรมนูญ
2. สมาชิกรัฐสภา ทั้ง สส.และสว. จะต้องทำหน้าที่เลือกนายกฯ
สว.บางคน อ้างว่าจะเลือกตามที่มีการเสนอชื่อมาจากเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎร โดยไม่ต้องคำนึงว่าบุคคลดังกล่าวมีแนวคิด จุดยืน พฤติกรรม คุณสมบัติ ตลอดจนมีแนวทางจะอาศัยอำนาจรัฐกระทำอย่างไรต่อประเทศชาติและแผ่นดินไทย
สว.ที่คิดเช่นนี้ ช่างน่าละอาย
กำลังทำตัวเสมือนเพียง “ตรายาง” ให้กับนักการเมือง
ไม่ใช้สติปัญญาให้สม “วุฒิสมาชิก” จำแนกแยกแยะความจริง-ความเท็จ วาทกรรมเสียงข้างมากแบบกลวงๆ และลวงๆ ถึงขนาดจะสนับสนุนให้บุคคลที่มีแนวคิดแนวทางปฏิปักษ์ต่อสถาบันพระมหาษัตริย์เข้ามีอำนาจเป็นผู้บริหารประเทศ โดยประกาศจะแก้กฎหมาย ม.112 ในแนวทางลดการคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ และนิรโทษกรรมคนทำผิดจาบจ้วงล่วงละเมิดในหลวงและพระราชินีด้วย
3. รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร ให้ข้อสังเกตเพิ่มอีกว่า
“...น่าแปลกใจว่าทำไมสื่อมวลชนสนใจกรณีการถือหุ้น itv ของคุณพิธา แต่ไม่ค่อยจะสนใจประเด็นเรื่องจริยธรรมสักเท่าใด กรณีปล่อยเงินกู้ 117 ล้าน ของบริษัท oil for life ให้กับบุคคลที่ไม่ได้เปิดเผยชื่อในขณะที่คุณพิธาเป็นผู้บริหาร โดยไม่มีดอกเบี้ย และไม่มีการทวงถามให้ใช้คืน แต่กลับตัดเป็นหนี้สูญ กรณียอดขายที่เพิ่มขึ้นมากอย่างผิดปกติใน 5 ปี และกลับลดลงจนขาดทุน การที่บริษัท otava holdings จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทที่สิงคโปร์เพียง 11 วัน ก็เข้าถือหุ้นใหญ่ในบริษัท oil for life เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2563 การยื่นบัญชีทรัพย์สินของคุณพิธาต่อป.ป.ช. ที่มีความไม่ปกติ การขายที่ดินที่ปราณบุรีที่ต่ำกว่าราคาประเมินและต่ำกว่าราคาที่ประมาณไว้ในบัญชีทรัพย์สินกว่าครึ่ง
ทั้งหมดข้างต้น ล้วนเป็นเรื่องที่น่ากังขาที่คนที่กำลังจะได้รับการลงคะแนนเสียงให้เป็นนายกรัฐมนตรีควรต้องชี้แจง แต่กลับไม่มีการชี้แจงแต่อย่างใดทั้งสิ้น เอาแต่เรียกร้องให้สมาชิกวุฒิสภาลงคะแนนตามเสียงประชาชน หากคุณพิธามีปัญหาเรื่องจริยธรรมจริง สมาชิกวุฒิสภาก็ยังต้องลงคะแนนให้คุณพิธาด้วยเหตุผลว่าได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนมา 14 ล้านเสียงหรือ
ถ้าแน่จริง ขอเพียงชี้แจงเรื่องเดียวก็ได้ นั่นคือ ชื่อของคนที่ได้รับเงินกู้ 117 ล้านไปจากบริษัท oil for life คุณพิธากล้าหรือไม่ หากไม่กล้าก็อย่าได้โวยวายหากได้เสียงจากสมาชิกวุฒิสภาไม่เพียงพอที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะสว.เขาย่อมต้องใช้ดุลพินิจเพื่อลงคะแนนให้ผู้ที่เหมาะสมที่สุด และปราศจากข้อสงสัยเรื่องจริยธรรม เพื่อเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะนั่นคือหน้าที่ของสมาชิกวุฒิสภาทุกคน”
4. สว. ต้องไม่ลืมว่า...
“....ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมีความปกติสุขเรียบร้อย จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้...”
(พระบรมราโชวาทในพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ ครั้งที่ 6 ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี วันที่ 11 ธันวาคม 2512)
5. ถ้าทักษิณกลับบ้าน กระบวนการยุติธรรมก็ต้องทำหน้าที่
ทักษิณประกาศว่าจะกลับบ้านภายในเดือนนี้
เมื่อวานนี้ รายงานข่าวว่า บช.น.ซุ่มเตรียมแผนความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ กรณีมีผู้ต้องหาตามหมายจำคุกเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยเครื่องบินโดยสาร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือสุวรรณภูมิ
ตามแผนได้จัดเตรียมเส้นทางเดินทาง อาทิ
เส้นทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ/ดอนเมือง มายังศาลฎีกา(สนามหลวง), เส้นทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ/ดอนเมือง มายัง บช.ปส. (กองบัญชาการตํารวจปราบปรามยาเสพติด) (สถานที่ควบคุมพิเศษ), เส้นทางจาก บช.ปส. มายังศาลฎีกา (สนามหลวง) และเส้นทางจากศาลฎีกา (สนามหลวง) มายังเรือนจำพิเศษ กทม.
น่าสนใจว่า ทุกเส้นทาง ปลายทางสุดท้าย คือ คุก
หากนายทักษิณเดินทางกลับประเทศไทย จะกลับมาในฐานะ “นักโทษชายทักษิณ” โดยจะมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ไปรอรับเพื่ออายัดตัวทันทีตั้งแต่ด่านตรวจคนเข้าเมือง
บช.ปส.ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกับสโมสรตำรวจ ถ.วิภาวดีรังสิต ที่ผ่านมาได้เคยใช้ควบคุมตัวผู้ถูกจับกุมจากเหตุชุมนุมทางการเมืองหลายครั้ง อาจใช้เป็นสถานที่ควบคุมตัวนายทักษิณเป็นการชั่วคราวในระหว่างเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ก่อนนำตัวไปคุมขังที่ เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ตามโทษในคดีที่ศาลตัดสินเป็นที่สุดแล้ว
ก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวว่านายทักษิณอาจได้อานิสงส์จากระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ถูกกักกัน พ.ศ. 2566 ที่มีเนื้อหาบางส่วนว่าด้วยกักกันตัวในสถานที่อื่นนอกจากเรือนจำ แต่ล่าสุด รองนายกฯวิษณุยืนยันว่า นายทักษิณ ไม่เข้าเกณฑ์กักกันดังกล่าว
นายทักษิณถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดแล้วจำนวน 4 คดี โทษจำคุกรวม 12 ปี แต่จำนวนนี้มี 1 คดีที่ขาดอายุความไปแล้ว ส่งผลให้เหลือโทษจำคุกรวม 10 ปี ประกอบด้วย 1.คดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 2 ปี (คดีขาดอายุความแล้ว), 2.คดีทุจริตโครงการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว หรือ “คดีหวยบนดิน” ศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก 2 ปี, 3.คดีสั่งการให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) อนุมัติปล่อยเงินกู้ 4 พันล้านบาทให้แก่รัฐบาลเมียนมา ศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก 3 ปี และ 4.คดีให้นอมินีถือหุ้น บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และเข้าไปมีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นในกิจการโทรคมนาคม
ศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก 5 ปี
หากทุกฝ่ายทำหน้าที่ เพื่อประเทศชาติบ้านเมืองส่วนรวม
ช่วยกันพาบ้านเมืองเดินไปข้างหน้า
ไม่หวั่นไหวต่อคนที่เสียผลประโยชน์ส่วนตัว อาจไม่ได้ตามความต้องการส่วนตัว
ไม่มีใครทำลายชาติ ทำลายแผ่นดินนี้ได้อย่างแน่นอน
ประเทศชาติบ้านเมืองส่วนรวม สำคัญที่สุด
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี