นายกฯ จากพรรคเพื่อไทยคนล่าสุด พ้นจากตำแหน่ง เพราะการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจมิชอบ
คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรณีย้าย ถวิล เปลี่ยนศรี มิชอบ (คดีอาญาศาลนัดอ่านคำพิพากษา 29 พ.ย. นี้)
ล่าสุด กรณีนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน พูดกลางวงประชุม สส.พรรคเพื่อไทย เรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับผู้กำกับ จึงเป็นเรื่องน่าประหลาดใจมาก
เหมือนจะเป็น ปลาหมอตายเพราะปาก?
1. ล่าสุด นายกฯ เศรษฐา ชี้แจงเมื่อวันที่ 22 พ.ย. ระบุว่า ไม่ใช่เรื่องอะไร และตนเองไม่มีอำนาจและไม่เคยแทรกแซงก้าวก่ายการแต่งตั้ง
ข้าราชการหรือข้าราชการตำรวจเลย เพราะเป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่จะพิจารณาตามผลงาน แต่ก็อย่างที่ทราบกันดีว่า สส. เป็นตัวแทนของประชาชน และประชาชนก็ได้มาพูดคุยกันเรื่องปัญหายาเสพติด
ที่เรื้อรังมา และอาจไม่สบายใจกับทางเจ้าหน้าที่ ซึ่ง สส.ก็ได้ยืนยัน
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า “สส.ไม่ได้มาขอ เราพูดเรื่องความ ไม่ได้พูดเรื่องคน ความนี่คือการมีปัญหาในพื้นที่ เราเองก็มาพูดในตรงนี้มากกว่า โดยเอาเรื่องความเป็นหลัก ผมยืนยันว่าผมไม่เคยไปก้าวก่าย หรือว่าไปสั่งการกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และการแต่งตั้งผู้กำกับจริงๆ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอำนาจของผมด้วย”
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าจะต้องกำชับ สส.อย่างไร เพราะนายกรัฐมนตรีเคยให้นโยบาย ไม่อยากให้มีการวิ่งเต้นตำแหน่ง
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนเองคิดว่า สส. ทราบหน้าที่ของตัวเองดีอยู่แล้ว ไม่ได้มีประเด็นตรงนี้
ส่วนกรณีที่พูดในวง สส.พรรคเพื่อไทย โดยระบุว่า มีทั้งคนสมหวังและผิดหวัง และขอมาเยอะเหลือเกินนั้น นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ที่ว่ามีคนผิดหวังสมหวังหมายความว่า เขาบอกว่า เจ้าหน้าที่อาจทำงานไม่ดีตรงนี้พร้อมยกตัวอย่างสมมุติว่า หากเขาทำงานไม่ดีตนก็ไม่สามารถสั่งย้ายได้อยู่ดี เพียงแต่บอกว่า ปัญหาอยู่ในพื้นที่โซนไหน เช่น เรื่องยาเสพติดตนเองก็ได้กำชับให้ดูแล และหากคนที่อยู่ในพื้นที่ทำเหมาะสมแล้วก็อยู่ต่อไป พร้อมย้ำว่า ประเด็นดังกล่าวเป็นการพูดเรื่องความ ไม่ใช่เรื่องคน ยืนยันว่าตนไม่เคยไปก้าวก่ายและสั่งการ รวมถึงทาง สส.ก็ไม่เคยมาขอตำแหน่งกับตนเอง
2. กรณีที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ร่วมประชุมกับบรรดา สส.และผู้บริหารพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 21 พ.ย.2566 ที่ผ่านมา
มีคลิปหลักฐาน ปรากฏว่านายกฯ ได้พูดทำนองว่า
“...ผู้กำกับใหม่ ซึ่งผมมั่นใจว่าคงมีผู้ผิดหวังมากกว่าผู้สมหวังในห้องนี้ที่ขอตำแหน่งไป เพราะรู้สึกมันเยอะเหลือเกิน แต่ก็มีไม่น้อยที่ได้สมหวัง แต่ก็เป็นผู้กำกับใหม่ซึ่งเราจะต้องพูดคุยเรื่องนี้กันให้เข้าใจถึงถ่องแท้ และต้องกำจัดปัญหานี้ออกไป ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเราเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ”
ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นเหมือนที่นายกฯ พยายามแก้ตัวภายหลังเลย
3. ประเด็นการแต่งตั้งโยกย้ายของราชการตำรวจ นายกฯมีอำนาจหน้าที่เฉพาะในส่วนของการเสนอชื่อของบุคคลที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็น ผบ.ตร. เพื่อส่งให้ ก.ตร. เท่านั้น
แต่ในส่วนของการแต่งตั้งโยกย้ายผู้กำกับ จะมีบุคคลเข้ามาเกี่ยวข้อง 2 ส่วน
ตาม ม.66 พ.ร.บ.ตำรวจ ผู้บัญชาการจะเป็นผู้มีอำนาจในการแต่งตั้งโยกย้ายผู้กำกับในสังกัดตนเองได้
และ ม.68 ให้อำนาจผู้การในการเสนอแนะการแต่งตั้งโยกย้าย
กฎหมายไม่ให้นายกฯ เข้าไปมีอำนาจก้าวก่ายแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายผู้กำกับเลย
หากนายกฯ รับฝากชื่อผู้กำกับจาก สส. เพื่อแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายผู้กำกับดังที่กล่าวข้างต้น ย่อมฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ฝ่าฝืนกฎหมาย และผิดต่อจริยธรรมของรัฐมนตรีร้ายแรง
4. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย หนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก เรียกร้องให้นายเศรษฐารับผิดชอบ ด้วยการลาออก
“ถึงท่านนายกฯเศรษฐา
เมื่อวานท่านเผลอให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวไปเกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้กำกับการที่บรรดา สส.พรรคเพื่อไทยขอสนับสนุนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปก็มีทั้งสมหวังและผิดหวัง ก็คงจริง เพราะจะให้ได้ทุกตำแหน่งคงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะตำแหน่งมีจำกัด
ท่านเพิ่งเข้าสู่วงการเมืองคงอ่านรัฐธรรมนูญยังไม่จบ โดยเฉพาะมาตรา 186 วรรคสอง รัฐมนตรีต้องไม่ใช้สถานะหรือตำแหน่งกระทำการใดไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม อันเป็นการก้าวก่ายหรือแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่นหรือของพรรคการเมืองโดยมิชอบ ตามที่กำหนดในมาตรทางจริยธรรม
คำให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวของท่านเปรียบเสมือนใบเสร็จรับเงินที่ออกให้ประชาชนไปแล้ว คงไม่อาจปฏิเสธเป็นอย่างอื่นได้อย่างแน่นอน
หนทางเดียวคือการแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก ให้มีกระบวนการสรรหานายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญกันใหม่
อย่างไรเสีย ประวัติศาสตร์ก็จารึกไว้แล้วว่าท่านคือนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย
อย่าไปเสียดาย
วาสนามีเท่านี้ก็ต้องเท่านี้
มิฉะนั้นท่านจะต้องอับอายไปทั่วโลก สู้ลาออกเดินเชิดหน้าอย่างสง่าผ่าเผยไม่ดีกว่าหรือ
คดีอาจจะไม่มีก็ได้ เชื่อผมเถอะ”
5. นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา อดีตรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ พ.ร.บ.ปฏิรูปตำรวจฯ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า #ปากไว #ทำปืนลั่น #แบ่งๆ ข้อหากันไป
“ผลพวงจากคำพูดนายเศรษฐา พูดเรื่องฝากย้ายตำรวจ เท่ากับทำปืนลั่นใส่ สส.กลางวงที่ประชุมพรรคเพื่อไทย
ส่งผลต่อความเสี่ยงที่จะถูกร้องต่อ ป.ป.ช. หรือศาล กล่าวหาว่า “ใช้ตำแหน่งหน้าที่และอำนาจ กระทำการก้าวก่ายแทรกแซงในการบรรจุแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจอันเป็นขัดรัฐธรรมนูญ”
โดย สส.ในพรรคที่ฝากย้ายตำรวจน่าจะขัดในมาตรา 185(3)
ส่วนนายกรัฐมนตรีเศรษฐาเข้าข่ายถูกร้องขัดมาตรา 186
แต่งานนี้จับมือใครดมยากหน่อย
เพราะสายสืบต้องควานหาพยานหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นตั๋วฝาก จดหมายน้อย หรือหลักฐานแชทไลน์ คลิปวีดีโอ หรือคลิปเสียง ฯลฯ
ทำปืนลั่นดังขนาดนี้ ท่าทางฝ่ายกลบเกลื่อนทำลายหลักฐานคงจะทำงานหนัก เคลียร์เรียบร้อยแล้ว ยากจะหาใบเสร็จเจอ
เว้นแต่... ตำรวจที่โดนย้ายถูกแทรกแซงกลั่นแกล้ง ไม่ได้รับความเป็นธรรม จะลุกขึ้นมาต่อสู้ รวบรวมหลักฐานเป็นพยานดำเนินการในคดีให้ถึงที่สุด
ด้วยการเก็บรวบรวมหลักฐาน ร้องต่อผู้บังคับบัญชา คณะกรรมการพัฒนาคุณธรรมตำรวจ หรือ กพคตร.และศาลปกครอง ตามกฎหมายครับ
อีกหนึ่งบททดสอบ พ.ร.บ.ปฏิรูปตำรวจสร้างความเป็นธรรมให้กับข้าราชการตำรวจ คืนความยุติธรรมให้สังคมไทย”
6. นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เปิดเผยว่าถ้อยคำของนายกฯเศรษฐานั้น อาจบ่งบอกถึงพฤติการณ์ในการใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรีในฐานะประธาน กตร.ที่สามารถเข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐในการแต่งตั้งนายตำรวจระดับ ผกก.เพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมือง ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมได้
อันถือเป็นข้อห้ามตามรัฐธรรมนูญ 2560 ม.185(3) ประกอบ ม.186 วรรคสอง ซึ่งเข้าข่ายฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
ด้วยเหตุดังกล่าว องค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน จะนำความพร้อมพยานหลักฐานไปยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.ให้ไต่สวนและมีความเห็นการ
กล่าวหานายกรัฐมนตรีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่
7. ทั้งหมดนี้ นับว่า นายกฯเศรษฐาทำปืนลั่นใส่ตัวเอง และสส. พรรคเพื่อไทยบางส่วน
และจะเป็นเหมือน “ปลาหมอ ตายเพราะปาก” หรือไม่?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี