เป็นที่รับรู้กันในสังคมไทยว่า คุณทักษิณ ชินวัตร และภรรยา นั้นเป็นผู้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในด้านกิจการธุรกิจเทคโนโลยีการสื่อสารสมัยใหม่ ได้รับการยกย่อง สรรเสริญ และเคารพนับถือ และเมื่อเข้าสู่สนามการเมืองของไทย เพียงไม่นานก็สามารถขึ้นมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังธรรม และรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก่อนจะขยับขึ้นไปเป็นรองนายกรัฐมนตรีตามลำดับ
หลังจากนั้น คุณทักษิณก็สละพรรคพลังธรรมก่อนจะใช้เวลาไม่นานในการจัดตั้งพรรคไทยรักไทย และด้วยชื่อเสียง ความสำเร็จในธุรกิจการงาน การพูดจาที่แสดงความเป็นผู้นำ และมีวิสัยทัศน์ ก็ทำให้คุณทักษิณสามารถนำพรรคไทยรักไทยเอาชนะพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นเป็นรัฐบาลได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งได้สร้างความหวังให้กับประชาชนชาวไทยอย่างมากมายในขณะนั้น จัดได้ว่าประเทศไทยมีผู้นำคนใหม่ที่ดูจะยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ได้กับผู้นำของประเทศอื่นๆ ได้อย่างสง่างามและทัดเทียม ไม่เป็นรอง
เส้นทางการเมืองของคุณทักษิณในวันนั้นช่างดูสดใส มั่นคง และประเทศไทยมีความหวังว่าจะมีความเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วภายใต้การนำพาของคุณทักษิณ ซึ่งดูๆแล้วก็ไม่น่าจะมีอะไรที่สามารถขัดขวาง หรือขวางกั้นการนำพาประเทศของคุณทักษิณได้ โดยบรรดากุนซือ เกจิอาจารย์ทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ก็มีความหวังว่า ประเทศไทยจะเปลี่ยนสภาพจากประเทศกำลังพัฒนาไปเป็นประเทศพัฒนาแล้วในอีกเวลาไม่ช้านาน ฉะนั้นประเด็นปัญหาต่อการนำพาของคุณทักษิณ จึงไม่มีปัจจัยหนักหน่วงน่ากังวลทั้งจากภายในและภายนอกประเทศแต่อย่างไร
แต่ทว่าประเด็นปัญหากลับเกิดขึ้นจากปัจจัยภายในของตัวคุณทักษิณและผู้ภรรยาเสียเอง เริ่มจากวิธีการของการที่ไม่โปร่งใสในเรื่องการแจกแจงทรัพย์สินมรดก และในเรื่องการบริหารราชการแบบอำนาจนิยม เล่นพรรคเล่นพวก ภายใต้ระบบของการอุปถัมภ์ และการสร้างเครือข่าย เป็นการหาประโยชน์เข้าตน ขยายอิทธิพลและอำนาจ และในที่สุดก็เกิดการเผชิญกับการต่อต้านของบรรดาผู้ที่รัก และหวังดีต่อประเทศชาติ ซึ่งต่างไม่พึงพอใจกับสภาพการณ์ของการไร้ซึ่งการเคารพและยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล
เรื่องที่เล่ามาทั้งหมดจึงเท่ากับว่า โอกาสทองครั้งแรกที่อยู่ในมือคุณทักษิณได้หลุดมือไปเพราะตนเอง จนต้องหนีคุกหนีตะรางไปลี้ภัยอยู่ต่างแดน เป็นสัมภเวสีทางการเมือง ซึ่งระหว่างหลายๆ ปีที่ผ่านมาคุณทักษิณก็ไม่ได้ย่นย่อท้อถอย ยังคงพยายามแสดงความเป็นผู้นำในการรักษาโครงสร้างเครือข่ายของอำนาจและอิทธิพลทางการเมืองไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ขนาดถึงแม้ว่าตัวไม่อยู่ในประเทศไทย ก็ยังสามารถสร้างการเกิดใหม่ให้กับพรรคไทยรักไทย ในนามของพรรคพลังประชาชน และต่อมาพรรคเพื่อไทย ซึ่งมาบัดนี้ก็เป็นแกนนำจัดตั้งและบริหารราชการบ้านเมืองอยู่อย่างมั่นอกมั่นใจ จัดได้ว่าในช่วงประมาณ 30 ปีของการเมืองร่วมสมัยของประเทศไทย ไม่มีผู้ใดที่จะโดดเด่น มีอิทธิพลครอบงำทั้งความคิดและการนำพา เท่ากับคุณทักษิณอีกแล้ว
บัดนี้คุณทักษิณได้เดินทางกลับสู่มาตุภูมิ และได้รับพระราชทานลดโทษจองจำจาก 8 ปี เหลือ 1 ปี ซึ่งคงจะกล่าวได้ว่าเป็นโอกาสทองครั้งที่ 2 ของคุณทักษิณ (ที่จะช่วยนำพาประเทศไทย) ได้กลับมาสู่ตัวคุณทักษิณและครอบครัวอีกครั้งหนึ่ง แถมครั้งนี้ ยังสามารถจับไม้จับมือกับฝ่ายกองทัพและกลุ่มอนุรักษ์นิยมต่างๆ ได้อย่างราบรื่นไม่เหมือนกับในอดีต
ประเด็นที่สังคมจับตาก็คือ คุณทักษิณจะใช้โอกาสทองครั้งที่ 2 นี้ เพื่อตัวคุณทักษิณเอง หรือเพื่อประเทศชาติ?
คำตอบก็คงอยู่ที่ตัวคุณทักษิณเองว่า จะเล่นไปตามครรลองของกฎหมาย ความถูกต้องชอบธรรม โดยสำนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานให้ หรือจะบิดพลิ้วต่อภาระหน้าที่และความเชื่อถือคาดหวังของชาวไทยอย่างครั้งก่อนโดยเล่นการเมืองไปตามอารมณ์ของตน
การเป็นผู้นำก็ต้องทั้งรับผิด และรับชอบ และรับซึ่งกติกาหลักคิดหลักธรรมของบ้านเมืองเป็นสำคัญ คุณทักษิณก็ต้องรับผิดชอบต่อตัวเองและต่อสังคม และความหวังดีของสังคม ที่พร้อมจะให้อภัยและยังอยากที่จะได้เห็นคุณทักษิณแสดงฝีไม้ลายมือเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของบ้านเมือง
การจะต้องถูกจองจำตามกติกาก็เป็นแค่ระยะเวลาอันสั้นๆ และโอกาสที่จะได้รับการอภัยโทษเพิ่มเติมก็มีอยู่ ซึ่งในขณะเดียวกัน แม้จะอยู่ในสถานะผู้ที่ถูกจองจำ คุณทักษิณก็ยังอยู่ในฐานะที่จะสื่อสารกับสังคมไทย กับสมัครพรรคพวก และร่วมกันฟื้นฟู เสริมสร้างชาติไทย ซึ่งเมื่อพ้นจากการจองจำด้วยระยะเวลาไม่กี่เดือนกี่วันดังกล่าว คุณทักษิณก็จะกลับมาอยู่ในฐานะที่จะขับเคลื่อน นำพาประเทศได้อย่างเต็มที่
แต่ถ้าในวันนี้ ยังคิดอ่านที่จะสร้างเงื่อนไขให้กับสังคม และมีการปฏิบัติที่สวนทางกับความรู้สึกนึกคิดของประชาชนพลเมือง ด้วยการใช้อิทธิพลดำเนินการหลบเลี่ยงหาช่องที่จะไม่ต้องรับโทษจองจำ ซึ่งเป็นการท้าทายความยุติธรรมของสังคมไทยอย่างที่ทำอยู่โอกาสทองครั้งที่ 2 นี้ ก็ดูจะหมองหม่น ซึ่งคุณทักษิณแทนที่จะได้ใช้โอกาสทองที่ 2 เพื่อสร้างอนาคตให้กับประเทศไทย ก็จะกลับกลายเป็นผู้สร้างความขัดแย้งให้กับสังคมไทย ซึ่งเป็นการทำลายโอกาสทองด้วยมือตนเอง เหมือนกับครั้งที่ผ่านมา
ด้วยความปรารถนาดี จะคิดตัดสินใจทำเช่นไร ก็โปรดเห็นแก่บ้านเมือง
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี