โลกโซเชียลฯ มีการขุดภาพที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล อดีตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพอาคารหลังหนึ่งลงในอินสตาแกรม @tim_pita เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2558 พร้อมข้อความระบุว่า
“My grandmother used to live in this house almost 1 century ago บ้านเก่าคุณยาย” (ยายของผมเคยอาศัยที่บ้านหลังนี้มานาน 1 ศตวรรษที่แล้ว)
โดยภาพบ้านที่นายพิธาโพสต์ เป็นบ้านเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ (ต้นตระกูลอภัยวงศ์) ในจังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา
ถูกตั้งข้อสังเกต และวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่า แอบอ้าง อวดอ้าง เพราะไม่ปรากฏว่าคุณยายที่ว่าคือใคร เคยไปอยู่อย่างไร?
เป็น “บ้านเก่าคุณยาย” ได้อย่างไร?
1. ในความเป็นจริง ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศรที่พระตะบอง ประเทศกัมพูชา เป็นต้นแบบของตึกโรงพยาบาลอภัยภูเบศรที่ปราจีนบุรี
โดยตึกที่พระตะบองนั้น เจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) สร้างไว้เพื่ออยู่อาศัยเองแต่ก็ไม่ได้อยู่ เกิดกรณีพิพาทกับฝรั่งเศสเสียก่อน ท่านจึงทิ้งยศถาบรรดาศักดิ์จากเมืองพระตะบอง อพยพครอบครัวและบุตรหลานมาปราจีนบุรี ใน พ.ศ. 2450
ในเมื่อเจ้าพระยาอภัยภูเบศรสร้างไว้เพื่ออยู่อาศัยเอง แต่ก็ไม่ได้อยู่ เพราะอพยพครอบครัวและบุตรหลานจากพระตะบองมาปราจีนบุรีในปี 2460
แต่อินสตาแกรมของนายพิธากลับระบุว่า “ยายของผมเคยอาศัยที่บ้านหลังนี้ มานาน 1 ศตวรรษที่แล้ว” หรือ 100 ปีที่แล้ว หรือปี 2458
ก็ยิ่งน่าฉงนหนักว่า เมื่อราวปี 2458 ยายของนายพิธาเป็นใคร ไปอยู่ที่ไหน อยู่บ้านหลังนี้จริงหรือไม่?
นายพิธายังปิดปากเงียบ ไม่ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อสาธารณชนเลย ทั้งๆ ที่ตนเองโพสต์ต่อสาธารณะเอง เพื่อให้ได้ภาพลักษณ์ที่ดีต่อสาธารณชนไปก่อนหน้านี้
2. นายคฑา อภัยวงศ์ หรือคุณต๊ะ ปัจจุบันอายุ 88 ปี ซึ่งเป็นบุตรชายของ ท่านควง อภัยวงศ์ ได้ส่งข้อความผ่านกลุ่มไลน์ประจำตระกูล โดยมีสมาชิก 97 คน
ข้อความดังกล่าวระบุว่า
“... เรื่องคุณพิธา ถ้ามีใครถาม ตอบได้เลยว่า
1. ไม่ใช่บุคคลในตระกูลอภัยวงศ์
2. การแอบอ้างว่าเคยอยู่ในตึกในภาพ เป็นการโอ้อวดสร้างภาพฐานะ ตามปกตินิสัยเขมร เพราะแม้แต่เคยอยู่ในบริเวณจวนเจ้าเมืองก็ยังไม่มี
3. ตึกที่พระตะบอง เป็นที่ทำการของฝรั่งเศส มากว่า 120 ปี คุณยายเกิดแล้วหรือยัง ....”
3. นางสาวตรีดาว อภัยวงศ์ ได้โพสต์ข้อความชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
“เรื่องคุณพิธา กับคำกล่าวที่ว่า บ้านเก่าคุณยาย “My grandmother used to live in this house almost 1 century ago” และถ่ายภาพตึกที่เป็นของ เจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) ต้นตระกูล “อภัยวงศ์“ ทำเอา 2 วันนี้ ตรีดาวและญาติๆ ชุลมุนกันมากว่าจะตอบคำถามที่มีคนมาถามว่า “เป็นญาติกันหรอ อย่างไร สายไหน”
เลยขออธิบายแบบนี้นะคะ
1. คุณยายคุณพิธา ชื่ออะไร นามสกุลเดิมอะไร ถ้าทราบก็พอจะเชื่อมโยงได้ เนื่องจากตอนนี้หากันยังไม่เจอ ไม่มีใครรู้จักคุณพิธา
2. คุณยายเคยอาศัยที่บ้านหลังนี้เมื่อไหร่ ด้วยสถานะอะไร
3. เนื่องจากตึกนี้ถูกรัฐบาลกัมพูชา ในปกครองของฝรั่งเศสยึดไปตั้งแต่ สมัยรัชกาลที่ 5 ตอนไทยต้องยอมเสียมณฑลบูรพา อันได้แก่ พระตะบอง เสียมราช ศรีโสภณ ให้ฝรั่งเศสในสงคราม ร.ศ.112 หรือ พ.ศ.2436
4.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร หรือ ชุ่ม อภัยวงศ์ อพยพครอบครัวกลับมาอาศัยที่ประเทศไทยตั้งแต่ปี 2450 โดยยังไม่มีโอกาสได้อาศัยอยู่ที่บ้านหลังนั้น ท่านยอมกลับมาเพราะไม่ต้องการเป็นข้ารับใช้ฝรั่งเศส คนในตระกูลอภัยวงศ์ ได้รับการสั่งสอน อบรม ให้จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์มาทุกชั่วอายุคน ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณและวางพระราชหฤทัยส่งให้บรรพบุรุษของตระกูลไปปกครองเมืองพระตะบองจนถึงสมัยที่ไทยต้องเสียดินแดนส่วนนี้ไป
5. ช่วงสงครามอินโดจีน ระหว่างปี 2484-2489 ไทยได้ดินแดนส่วนนี้คืนมา นายควง อภัยวงศ์ บุตรชายของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) เป็นผู้แทนรัฐบาลไทย นำธงชาติไทยกลับไปชักขึ้นเหนือดินแดนแห่งนี้ด้วยตัวเอง จากนั้นรัฐบาลไทยส่งนายเชียด อภัยวงศ์ หลานของเจ้าพระยาฯ ไปเป็นผู้แทน ซึ่งระหว่างนั้น นายเชียด และครอบครัว ได้กลับไปใช้บ้านหลังนั้นเป็นที่ทำการอยู่ช่วงหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นก็ทรุดโทรมมาก ภายหลังได้รับการบูรณะจากรัฐบาลกัมพูชา และเปิดใช้สำหรับต้อนรับแขกเมืองเท่านั้น
6. สมัยสงครามอินโดจีน เรามีผู้แทนราษฎร จังหวัดพระตะบอง ชื่อ นายชวลิต อภัยวงศ์ และนายประยูร อภัยวงศ์ เป็นผู้แทนราษฎรจังหวัดพิบูลสงคราม หรือ เสียมราชในปัจจุบันทั้งสองจังหวัด อยู่ในประเทศไทย
7. ถ้าคุณยายคุณพิธา อาศัยในบ้านหลังนี้ช่วง 100 ปีที่แล้ว น่าจะรู้จักกับญาติๆ อภัยวงศ์ ที่ไปเป็นผู้แทน และทำงานให้บ้านเมืองในเวลานั้น
8. แม้คนในตระกูลจะไปอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนั้น ก็ไม่ใช่ในฐานะเจ้าของ จึงไม่น่าจะเป็นไปได้ว่า คุณยายของคุณพิธา จะเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้
9. หากคุณยายของคุณพิธาเคยอยู่ที่นี่ และเรียกว่าเป็นบ้านของคุณยาย เราก็มีเหตุให้สงสัยว่า คุณยายเป็นใครกัน หรือพวกเราจะไม่รู้เอง คงต้องรอให้คุณพิธามาอธิบายเชื่อมโยงให้คนในตระกูลฟังซะแล้ว (หากมีอะไรคลาดเคลื่อนไปก็คงเป็นความเขลาหรือไม่รู้ของอีชั้นเองค่ะ)”
4. ล่าสุด นายเทพมนตรี ลิมปพยอม ได้เรียกร้องผ่าน Thepmontri Limpaphayorm ระบุว่า พิธาควรขอขมาเจ้าพระยาอภัยภูเบศรและทายาทตระกูล “อภัยวงศ์”
“...การอ้างว่าตึกจวนสมุหเทศาภิบาลมณฑลบูรพาเมื่อแรกสร้าง เคยเป็นที่พำนัก “บ้านคุณยาย”
นั้น หมายถึงคุณยายของคุณพิธาต้องเป็นบุคคลสำคัญเกี่ยวข้องกับคนในตระกูลอภัยวงศ์เป็นอย่างดี และเป็นบรรพบุรุษของคนในตระกูลอภัยวงศ์สายใดสายหนึ่ง
เมื่อปรากฏว่า ทายาทคนในตระกูลอภัยวงศ์ออกมาปฏิเสธว่าไม่รู้จักคุณพิธาและไม่เคยนับเป็นเครือญาติ และคนในตระกูลเขามีรหัสประจำตัวเมื่อแรกเกิด
คำถามที่ตามมาก็คือ คุณพิธามีคุณยายเป็นบรรพบุรุษในตระกูลนี้ แล้วคุณแม่ที่ชื่อ ลิลฎา นามสกุล อภัยวงศ์ ด้วยหรือไม่ และรหัสประจำตัวคุณพิธามีหมายเลขอะไร
การไม่ตอบคำถาม คือ การไม่แสดงความรับผิดชอบ ในฐานะผู้แทนราษฎรที่ชิงชัยในศึกเลือกตั้งแต่มีปัญหาเรื่อง “ปากมาก ปากมัน พูดสนุกปาก “ เสมอมา
สังคมไทย คงไม่คาดหวังอะไร เพราะวาดหวังกับคนเยี่ยงนี้ไม่ได้
คุณพิธา พูดถึง ตึกหลังงามศิลปะแบบโคโลเนียล ซึ่งสร้างขึ้นในช่วงระยะเวลาที่สยามยังมีปัญหาหนักกับอินโดจีนฝรั่งเศส และพึ่งเสียดินแดนที่อ้างว่าจะอาศัยพรมแดนธรรมชาติเป็นเส้นแบ่งเขตแดนสุดท้ายในอนุสัญญา ค.ศ. 1904 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงโทมนัสกับราชการงานเมืองที่ว่านี้ ทรงตระหนักถึงปัญหาในระบบการเมืองการปกครอง ทรงมีพระราชปณิธานอย่างวิริยะอุตสาหะในการพัฒนาบ้านเมืองให้มีความทันสมัยทัดเทียมนานาอารยประเทศ ทรงปฏิรูปการปกครองสร้างระบบมณฑลเทศาภิบาลขึ้นมาโดยหวังว่าเราจะไม่ต้องสูญเสียดินแดนให้อินโดจีนฝรั่งเศสหรืออังกฤษอีก และบ้านคุณยายที่คุณพิธาอ้างนั้น ก็คือที่ทำการมณฑลเทศาภิบาลมณฑลบูรพา ซึ่งปกครองท้องที่สามเมืองใหญ่คือเสียมราฐ ศรีโสภณ และพระตะบอง ผมจึงไม่คิดว่าคุณพิธาจะกล้าดีแอบอ้างเรื่องนี้ขึ้นมา
ถ้าศึกษาประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง ก็ไม่สมควรด้วยประการทั้งปวงที่จะอ้างคุณยาย ไปล้อเลียน ท่านเจ้าของตึกหลังนี้ เพราะมันมีความหมายเป็นอนุสรณ์เตือนใจ แรกสร้างตึกหลังนี้
เสร็จไม่เกิน 2 ปี สยามต้องเสียดินแดน 3 เมืองในมณฑลบูรพาให้ฝรั่งเศสตามสนธิสัญญาค.ศ.1904 ท่านเจ้าพระยาอภัยภูเบศรและครอบครัวเป็นข้าราชการต่างพระเนตรพระกรรณ
ทรงไว้วางพระราชหฤทัยได้ตัดสินใจที่จะเทครัวออกจากพระตะบองไปพำนักในดินแดนตอนในที่เมืองปราจีนบุรี สิ่งที่ลงทุนลงแรงไปก็เสียประโยชน์โดยสิ้น ตึกที่สร้างขึ้นมาต้องมอบเป็นส่วนควบให้อินโดจีนฝรั่งเศสเจ้าอาณานิคมนำไปเป็นที่ทำการฟรีๆ
คุณพิธาเคยคิดไหมว่า ความสนุกปากกับมือที่เขียนเพื่อให้ได้แสงในครั้งนั้น มันเป็นความคิดอย่างไร้มารยาท ไม่มีความเห็นอกเห็นใจทายาทในตระกูลอภัยวงศ์ และเป็นการแอบอ้างนำเอาบาดแผลทางประวัติศาสตร์มาใช้เป็นเครื่องสนองตัณหาความอยากดูดีของตนให้สาวกได้ปลาบปลื้ม
ต่อมา เจ้าพระยาอภัยภูเบศรท่านจึงนำเอาแบบแปลนของตึกหลังนี้ไปสร้างที่เมืองปราจีนบุรีอีกครั้ง เพราะคงรักหวงแหนอาลัยต่อตึกหลังนี้ ตั้งใจมั่นให้ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ทรงประทับ แต่ก็สวรรคตเสียก่อน
ผมจึงมองว่าคุณพิธา ควรออกมาแสดงความรับผิดชอบ สารภาพผิดในครั้งนี้ ประกาศขอขมาให้สาธารณชนได้ทราบต่อดวงวิญญาณท่านเจ้าพระยาอภัยภูเบศรเสีย…..”
5. สุดท้าย Warat Gap ได้รวบรวมวีรเวรวีรกรรม หาแสงแบบมึนๆ ของพ่อส้มในอดีต ระบุว่า
“ประมวลวีรกรรมวีรเวรการเล่านิทาน ของ Mr.Wow
- มางานศพพ่อไม่ทันเพราะถูกทหารคุมตัว
- โดน คมช. ยึดทรัพย์จนไม่มีเงินจัดงานศพพ่อ (วงวาร)
- แก้ไข ไม่ได้ล้มเลิก ม.112
- วาด (ก๊อบ) รูปแม่ลูกเดินเล่นชานเมืองปารีสเพื่อช่วยการกุศล
- แปรอักษรจตุรมิตร 2 ครั้ง (?)
- “ตามรอยพระยุคลบาท” ตอนเรียนฮาร์วาร์ด (อันนี้น่าจะถอนไปแล้วเพราะเสียลุค)
- ยายเคยอยู่วังที่พระตะบอง
- ไม่เคยสนับสนุนกัญชาเสรี
- ไม่เคยยุยงปลุกปั่นเยาวชน
- ติดต่อรุ่นพี่ที่ก่อตั้งไฟเซอร์เพื่อขอแลกวัคซีน แอสตร้า 3 แลกไฟเซอร์ 1
- ติดต่อ Taylor Swift ให้มาจัดคอนเสิร์ตที่ไทย
- โทรหาทูตอิสราเอลเพื่อเจรจาช่วยคนไทย
- ไปเรียนต่อนิวซีแลนด์ อายุ 11 ปี (หรือ 16 ปีกันแน่?)
- กลับมาล้างหนี้ 100 ล้านให้ครอบครัว
- สนับสนุน LGBT
- เรียนได้ปริญญา 2 ใบจาก มธ. และ Texas
ตกอะไรไปอีกไหมครับ ... น่าจะกลับมาเติมได้เรื่อยๆ แค่เขียนยังเหนื่อยเลย คนเล่ามันไม่เหนื่อยหรือไงไม่รู้นะครับ!”
ช่างเหลือเชื่อ... ที่คนแบบนี้ จะยังได้รับการยกยกปอปั้น คลั่งไคล้หลงใหลจากลิ่วล้อบริวารการเมืองอยู่อีก!!!
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี