เมื่อผมได้อ่านหนังสือ “ดิฉัน....ชื่อ นงเยาว์ ชัยเสรี” หน้า ๖๔-๖๖ ในหัวข้อ “You ไม่ใช่ University เป็นได้แค่ College of Social Science เท่านั้น”
คุณหญิงนงเยาว์ได้เล่าว่า.....เมื่อทำหน้าที่อธิการบดี สิ่งแรกที่ท่านนึกถึง คือคำพูดของอาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่งอธิการบดี ในเรื่องที่ “เราจะต้องไปรังสิตให้ได้” ทำให้ท่านตระหนักถึงพันธกิจโครงการแรก คือ การวางแผนงานขยายมหาวิทยาลัยไปรังสิต ประจวบกับช่วงเวลานั้น....เวลาได้เดินทางไปต่างประเทศ เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั้งในสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ได้เคยนำเสนอผู้บริหารมหาวิทยาลัยในต่างประเทศว่า
“เราเป็น University อันดับต้นๆ ของไทย” แต่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยเหล่านั้นก็วิจารณ์กลับอย่างตรงไปตรงมาว่าอย่างกรณีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั้น
“......You ไม่ใช่ University เป็นได้แค่ College of Social Science เท่านั้น เพราะมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไม่มีสาขาในด้านวิทยาศาสตร์ ไม่มีสาขาวิศวกรรมศาสตร์ ไม่มีคณะแพทยศาสตร์ ไม่มีคณะที่หลากหลายสาขาหรือศาสตร์ที่แตกต่างกัน....”
ปัจจุบันมีครบสมบูรณ์แล้ว ตามเจตนาของอาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ และคุณหญิง นงเยาว์ ชัยเสรี ครับ
อย่างไรก็ตาม คำวิจารณ์ดังกล่าว ทำให้ผมต้องไปทบทวนถึงแคนดิเดต 3 ท่านที่เสนอตัวลงชิงตำแหน่งอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ขณะนี้กำลังอยู่ในกระบวนการสรรหา ซึ่งมาจากคณะนิติศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี อันเป็น 3 ใน 4 คณะแรกดั้งเดิมถ้ารวมคณะเศรษฐศาสตร์ไปด้วย
สามท่านนั้นล้วนเป็นอาจารย์จากคณะที่ท่าพระจันทร์แต่เดิม ตั้งแต่ยังไม่ขยายมาที่รังสิตและปัจจุบันก็ยังคงเป็นคณะจากเดิมที่ท่าพระจันทร์นั่นเอง จะด้วยข้อจำกัดอะไรไม่อาจทราบได้ จึงไม่มีอาจารย์จากคณะใหม่ๆ ทางด้านแพทยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีหรือวิศวกรรมศาสตร์จากที่รังสิตมาสมัครเป็นอธิการบดี
ตรงนี้จะถือว่าเป็นประเพณีที่ถือปฏิบัติกันมาก็ไม่อาจสรุปได้เช่นนั้น เพราะถึงแม้ปรัชญาการจัดการการศึกษาขั้นรากฐานของการจัดตั้งมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองวางเข็มอยู่ที่การผลิตกำลังคนที่มีความรู้กว้างขวาง หลากหลายและมีความรู้รอบตัวสูง อันเป็นลักษณะของวิชาทางด้านสังคมศาสตร์ และมาตรา ๔ พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง พ.ศ.๒๔๗๖ ก็ระบุว่า “ให้จัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นมหาวิทยาลัยหนึ่งเรียกว่า “มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง” มีหน้าที่จัดการศึกษาวิชากฎหมายวิชาการเมือง วิชาเศรษฐการและบรรดาวิชาอื่นๆอันเกี่ยวกับวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง”
ไม่ต่างจากมหาวิทยาลัยในตะวันตกที่มีชื่อเสียงและเน้นการเรียนการสอนทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์อย่าง MIT ก็มีประเพณีปฏิบัติคล้ายกันนี้ คือตลอดระยะเวลา 156 ปีของสถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสซาชูเซตส์ (MIT) อดีตอธิการบดี 17 คน รวมถึงคนที่ 18 ในปัจจุบัน ล้วนแล้วแต่มีพื้นฐานการศึกษามาจากทางด้านวิศวกรรม เทคโนโลยีหรือวิทยาศาสตร์ในสาขาต่างๆ ทั้งนั้น แม้ MIT ได้เปิดให้มีการเรียนการสอนวิชาด้านสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์มานานหลายสิบปีแล้วก็ตาม
ส่วนมหาวิทยาลัยคู่แข่งในรัฐเดียวกันอย่าง ฮาร์วาร์ด ก็พึ่งเริ่มเปิดกว้างในตำแหน่งอธิการบดีเมื่อปี 2550 นี้เองเมื่อคณะกรรมการสรรหาได้เลือก Drew Gilpin Faust ที่ไม่ได้เป็นลูกหม้อเก่าแก่ดั้งเดิม หรือผ่านการศึกษาจากฮาร์วาร์ดไม่ว่าระดับไหน ขึ้นดำรงเป็นอธิการบดีหญิงคนแรกของมหาวิทยาลัยที่มีอายุ 387 ปีแห่งนี้ และปีที่แล้วประชาคมฮาร์วาร์ดได้เลือก Claudine Gay เป็นอธิการบดีหญิงผิวดำคนแรกในประวัติศาสตร์ของฮาร์วาร์ด
ขณะที่ข้อจำกัดอย่างหนึ่งของกระบวนการสรรหาอธิการบดีของธรรมศาสตร์ที่ทราบคือ คณะกรรมการสรรหาไม่มีอำนาจเสนอชื่ออาจารย์ในคณะต่างๆ ที่เห็นว่าเป็นผู้เหมาะสมเพิ่มเติมเข้ามาเป็นผู้สมัครได้ ถ้าท่านนั้นไม่สมัครเข้ามาเอง หรือไม่ได้รับการเสนอชื่อจากประชาคมชาวธรรมศาสตร์
อันต่างกับมหาวิทยาลัยอายุกว่า 800 ปีอย่างเคมบริดจ์ที่เมื่อมีนาคมปีที่แล้ว คณะกรรมการสรรหาได้ไปทาบทาม Debbie Prentice อธิการบดีของมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน สหรัฐอเมริกา ให้มารับตำแหน่งรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการที่เคมบริดจ์ ซึ่งเธอก็ตอบตกลง หรือ Lawrence Bacow อดีตอธิการบดี ฮาร์วาร์ด คนก่อนหน้า Claudine Gay ก็เป็นอธิการบดี มหาวิทยาลัยทัฟส์ มาก่อนที่จะได้รับการทาบทามจากกรรมการสรรหาของฮาร์วาร์ดให้มาดำรงแหน่งอธิการบดี คนที่ 29 และก่อนหน้านั้น Bacow ก็เป็นนายกสภาฯ ของ MIT มาก่อน
ตรงนี้จะเห็นได้ว่าตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัยในตะวันตกส่วนใหญ่แล้ว ไม่ได้ถูกผูกขาดอยู่แต่เฉพาะบุคคลที่เป็นลูกหม้อ ศิษย์เก่าหรือจากคณะดั้งเดิม คณะกรรมการสรรหาสามารถเฟ้นหาบุคคลที่มีความเหมาะสมทั้งจากภายในและข้างนอก แล้วทาบทามให้เข้ามาร่วมเป็นแคนดิเดต เพื่อผ่านกระบวนการคัดสรรในขั้นตอนต่อไป เช่นในกรณีของ Drew Gilpin Faust, Debbie Prentice หรือ Lawrence Bacow
เมื่อวานนี้ ขณะที่ผมกำลังเขียนบทความนี้อยู่ (๒๒ ก.พ.) เป็นวันที่ประชาคมธรรมศาสตร์กำลังใช้สิทธิเสนอชื่อผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดี ซึ่งวันนี้ก็คงทราบกันแล้วว่า นอกจากแคนดิเดต 3 ท่านจากคณะดั้งเดิมที่ท่าพระจันทร์แล้ว จะมีแคนดิเดตจากคณะใหม่ๆ ที่รังสิตหรือไม่ แล้วถ้าไม่มี.....
คณะกรรมการสรรหาสามารถขยายเวลาต่อไปอีกได้ไหม สามารถทาบทามอาจารย์ในคณะใหม่ๆ ที่รังสิตเข้ามาเป็นแคนดิเดตอธิการบดีได้ไหม
ถ้าทำไม่ได้......อธิการบดีคนใหม่ก็จะหนีไม่พ้นสามท่านนั้น ครับ และขออภัยที่เราก็ยังเป็น College of Social Science เหมือนเดิมเพราะตำแหน่งอธิการบดี ไม่ใช่เพราะมีคณะใหม่ๆ ทางด้านวิทยาศาสตร์ การแพทย์หรือวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีที่รังสิตแต่อย่างใด
ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ปรีชา สุวรรณทัต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี