วันศุกร์ ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / มองอย่างไท
มองอย่างไท

มองอย่างไท

ปิยะ เนตรวิเชียร
วันจันทร์ ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2567, 02.00 น.
ไทยจะไม่มีวันยอม ให้เขมรมารุกราน

ดูทั้งหมด

  •  

ประวัติศาสตร์ของชาติไทยนั้น ได้กล่าวถึงการรุกรานของเขมรที่กระทำต่อชาติไทยหลายครั้งด้วยกัน โดยในช่วงอาณาจักรอยุธยานั้น เขมรได้เริ่มรุกรานไทยในรัชสมัยของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิหลังจากการเกิดสงครามช้างเผือก ระหว่างไทยกับพม่า พระยาละแวกกษัตริย์เขมรเห็นว่ากองทัพไทยน่าจะอ่อนแอ จึงยกทัพเข้ามาทางปราจีนบุรี แล้วกวาดต้อนผู้คนกลับไปยังเขมร สมเด็จพระมหาจักรพรรดิจึงรับสั่งให้ทัพไทยยกไปตีเมืองพระตะบองและเมืองละแวก พระยาละแวกเห็นว่าจะพ่ายแพ้ จึงมีราชสาส์นและเครื่องราชบรรณาการมาถวาย โดยรับปากว่าจะเป็นข้าพระบาทตราบชั่วกัลปาวสาน

แต่เหตุการณ์หาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะหลังจากไทยได้เสียอิสรภาพให้กับพม่าเพียงแค่ปีเดียว พระยาละแวกก็ได้ถือโอกาสส่งทัพเข้ามาปล้นและตีเมืองที่อยู่ภายใต้กรุงศรีอยุธยา กวาดต้อนผู้คนแถวจันทบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา รวมทั้งโจมตี เมืองธนบุรีและนนทบุรี นำชาวไทยไปเป็นเชลยเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อจะเข้าตีกรุงศรีอยุธยา โดยยกกำลังเข้ามาถึงบางกระทุ่มและเลยต่อมาจนถึงวัดกุฎีทอง ก็ถูกทัพของกรุงศรีอยุธยาตีแตกจนหนีกลับไป


ในรัชสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาที่ขึ้นครองราชย์ต่อจากสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ เขมรก็ยังยกทัพมารุกรานเมืองต่างๆ ของไทยอยู่เป็นระยะๆ โดยในครั้งหนึ่งได้ให้พระยาจีนจันตุยกทัพเข้ามาหวังจะตีกรุงศรีอยุธยาอีก แต่ก็ไม่สามารถจะเอาชนะทัพของไทยได้  และพระยาจีนจันตุที่นำทัพมาก็ยอมสวามิภักดิ์ สมัครเข้ารับราชการกับสมเด็จพระมหาธรรมราชา ซึ่งพระองค์ก็คิดว่าอาจจะเป็นประโยชน์ จึงรับไว้อุปการะชุบเลี้ยงเป็นอย่างดี แต่ในที่สุดก็คิดคดทรยศ แต่งกองเรือจำนวนหนึ่งเพื่อจะหนีออกจากกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระนเรศวรทรงทราบจึงยกกองเรือออกไปไล่ตามกองเรือของพระยาจีนจันตุจนถึงบางกอก ใกล้ปากแม่น้ำเจ้าพระยา พระยาจีนจันตุจึงอาศัยความมืดหนีออกไปได้

ต่อมาไม่นาน พระยาละแวกก็ยังยกทัพมาอีก โดยคราวนี้เป็นทัพใหญ่มีกำลังพลถึง ๗๐,๐๐๐ คน ยกเข้ามาทางเมืองเพชรบุรี กองทัพของเมืองเพชรบุรีพยายามต่อสู้สุดความสามารถ แต่ก็สู้อยู่ได้เพียง 3 วันก็พ่ายแพ้ เพราะกำลังพลน้อยกว่ากันมาก ทำให้ทัพของพระยาละแวกกวาดผู้คนเมืองเพชรบุรีกลับไปเป็นจำนวนมาก

ต่อมาเมื่อสมเด็จพระนเรศวรได้ประกาศอิสรภาพไม่ขึ้นกับพม่าอีกต่อไปในครั้งที่ยกทัพเพื่อออกไปช่วยทัพของอาณาจักรหงสาวดีที่จะยกไปตีกรุงอังวะ แต่ทรงทราบข่าวที่จะถูกลอบปลงพระชนม์ รวมทั้งได้กวาดต้อนคนไทยกลับคืนมาสู่กรุงศรีอยุธยา โดยขณะที่ยกกำลังข้ามแม่น้ำ
สะโตง พม่าได้ยกทัพติดตามมาโดยมีสุรกรรมาเป็นนายทัพ สมเด็จพระนเรศวรได้ใช้พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง ยิงถูกสุรกรรมาจนเสียชีวิต ก่อนที่จะยกทัพกลับมายังกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เขมรเกรงกลัวต่อพระบารมีของสมเด็จพระนเรศวรเป็นอันมาก และประกาศว่าจะสวามิภักดิ์ตลอดไปอีกครั้งหนึ่ง

ในส่วนของพม่านั้น ยังคงคิดที่จะเอาอาณาจักรอยุธยากลับมาเป็นเมืองขึ้นให้ได้  จึงได้ยกทัพใหญ่มาตีกรุงศรีอยุธยาอีกครั้ง ฝ่ายพระยาละแวกก็เห็นว่าเพิ่งจะประกาศสวามิภักดิ์กับกรุงศรีอยุธยา จึงยกทัพจำนวน ๑๐,๐๐๐ คนมาช่วยไทยรบ แต่พระศรีธรรมาธิราชอนุชาของพระยาละแวกที่นำทัพมานั้น ได้แสดงท่าทีที่ไม่เคารพต่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยขณะที่กองเรือของสมเด็จพระนเรศวรที่พระองค์ประทับอยู่ด้วยนั้นเสด็จผ่านเรือของน้องชายของพระยาละแวกที่จอดพักอยู่บริเวณค่ายโพธิ์สามต้น น้องชายพระยาละแวกไม่ได้ปฏิบัติตามราชประเพณี โดยไม่ทำการถวายบังคมสมเด็จพระนเรศวร เนื่องจากคิดว่าตัวเองมียศศักดิ์สูงกว่า เมื่อสมเด็จพระนเรศวรเสด็จกลับถึงค่าย จึงสั่งให้ตัดหัวทหารเชลยที่มีความผิดของทัพของน้องชายของพระยาละแวก แล้วเอาไปปักไว้ที่เรือของน้องชายของพระยาละแวก ซึ่งทำให้เกิดความกริ้วโกรธและอับอายเป็นอย่างมาก

เมื่อน้องชายของพระยาละแวกยกทัพกลับไปถึงเขมร และได้รายงานเรื่องนี้ให้พระยาละแวกทราบ ทำให้พระยาละแวกเกิดโทสะโมโหโกรธาเป็นอย่างยิ่ง และประกาศตัดราชไมตรีกับกรุงศรีอยุธยาตั้งแต่นั้น โดยทางกรุงศรีอยุธยามิได้รับทราบเรื่องนี้แต่อย่างใด

ส่วนพระเจ้านันทบุเรงแห่งอาณาจักรหงสาวดี ได้ให้ยกทัพใหญ่กลับมาตีกรุงศรีอยุธยาอีกครั้งหนึ่ง โดยล้อมกรุงศรีอยุธยาอยู่ถึง ๖ เดือน ทำให้ทางกรุงศรีอยุธยาต้องระดมผู้คนเพื่อต่อสู้ในการรบ เมื่อทางเขมรทราบเรื่องนี้ก็ได้จัดทัพ ออกมารุกรานเมืองปราจีนบุรีและหัวเมืองชายฝั่งตะวันออกของกรุงศรีอยุธยา เพื่อให้กรุงศรีอยุธยาระส่ำระสายที่จะต้องสู้รบกับศัตรูหลายด้าน ในที่สุดเมื่อเรื่องนี้ทราบถึงสมเด็จพระมหาธรรมราชา จึงเห็นว่าไม่อาจจะไว้วางใจเขมรได้อีกต่อไปแล้ว โดยสมเด็จพระนเรศวรเองก็ได้กราบทูลสมเด็จพระราชบิดาว่า เขมรนั้นมิได้ จงรักภักดีและมีราชไมตรีต่อเราแล้ว เล่นแง่ และคอยแต่จะซ้ำเติมเราอยู่ตลอดเวลา ความแค้นของข้าพระบาทดั่งต้องปืนพิษ จึงทูลขอให้พระราชบิดามีรับสั่งให้จัดทัพโดยมีแม่ทัพ ๒ คน คือ พระยาศรีไสยณรงค์และพระยาสีหราชเดโช พร้อมกำลังพล ๕,๐๐๐ คน ออกไปโจมตีทัพของพระยาละแวกจนพ่ายแพ้ไปอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อพ่ายแพ้ไปอีกครั้ง พระยาละแวกก็กลับมาใช้วิธีการเดิม คือขอเข้ามาสวามิภักดิ์ต่อสมเด็จพระนเรศวรเหมือนดังที่เคยปฏิบัติมา

เมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชขึ้นครองราชย์ต่อจากสมเด็จพระราชบิดา พระยาละแวกก็ยังส่งกองทหารขนาดเล็กเข้ามารุกราน  กวาดต้อนผู้คนในเขตเมืองชายแดนของไทยอยู่ตลอดเวลา ทำให้สมเด็จพระนเรศวรทรงเห็นว่ากษัตริย์ที่ปกครองเขมรนั้นตระบัดสัตย์ ไม่อาจจะเชื่อถือได้อีกต่อไปแล้ว จำเป็นที่จะต้องยกทัพไปปราบให้ราบคาบ

แต่ก่อนที่พระองค์จะเสด็จไปโจมตีกรุงกัมพูชาธิบดีนั้น ก็ได้เกิดสงครามยุทธหัตถีขึ้นเสียก่อน โดยพม่าได้ยกทัพใหญ่นำโดยพระมหาอุปราชามังสามเกียด ราชบุตรของพระเจ้านันทบุเรงเข้ามาเพื่อหมายรบเอาชนะอาณาจักรอยุธยาให้จงได้ แต่ในที่สุดพระมหาอุปราชาก็พ่ายแพ้ในการกระทำยุทธหัตถีกับสมเด็จพระนเรศวร โดยถูกสมเด็จพระนเรศวรฟันด้วยพระแสงของ้าว สิ้นพระชนม์อยู่บนคอช้าง

หลังเสร็จศึกสงครามยุทธหัตถี  สมเด็จพระนเรศวรทรงยกทัพใหญ่มีกำลังนับแสนคนเพื่อไปโจมตีกรุงกัมพูชาธิบดีของพระยาละแวก  โดยทัพของพระองค์ได้มีชัยชนะต่อเมืองพระตะบองและเมืองโพธิสัตว์ และได้ตั้งทัพล้อมกรุงกัมพูชาธิบดี อยู่ระยะหนึ่ง จนเสบียงร่อยหรอลง จำเป็นต้องยกทัพกลับ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็ยกทัพใหญ่ไปอีกครั้งหนึ่ง และในครั้งนี้ก็สามารถรบชนะยึดกรุงกัมพูชาธิบดีได้ รวมทั้งจับตัวพระยาละแวกได้สำเร็จ และได้ประกอบพิธีปฐมกรรมคือการตัดศีรษะของพระยาละแวก เพื่อเอาพระโลหิตมาล้างพระบาทของพระองค์

จะเห็นว่าในอดีตที่ผ่านมานั้น เขมรไม่เคยภักดีต่อไทยอย่างแท้จริง หากมีโอกาสเมื่อใดก็คิดที่จะรุกราน กวาดต้อนผู้คน และพร้อมที่จะหาผลประโยชน์หรือยึดแผ่นดินไทยเมื่อมีโอกาส โดยพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ก็ได้ต่อสู้ปกป้องบ้านเมืองจากเขมรอย่างเข้มแข็งและมีชัยชนะเสมอมา

จึงถือว่าเป็นบทเรียนที่รัฐบาลชุดปัจจุบันจะต้องศึกษาประวัติศาสตร์ และไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะที่อาจจะต้องทำให้ชาติไทยอันเป็นที่รักของพวกเราต้องเสียดินแดนแม้แต่กระเบียดนิ้วให้กับเขมร ผู้นำรัฐบาลจะต้องไม่ยอมให้อดีตนักการเมืองผู้ใดก็ตาม ที่มีสายสัมพันธ์อยู่กับรัฐบาลของเขมรในปัจจุบัน  และคิดว่าตัวเองมีอำนาจล้นฟ้า จะสามารถสั่งการหรือบริหารราชการแผ่นดินอยู่เบื้องหลัง ได้กระทำการใดๆ ที่จะให้ชาติไทยต้องเสียดินแดน  โดยเฉพาะในบางพื้นที่ซึ่งมีทรัพยากรที่มีค่าเช่นน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอยู่อย่างมหาศาล ในบริเวณเขตรอยต่อระหว่างดินแดนของประเทศซึ่งความจริงนั้นอยู่ในอาณาเขตของชาติไทยตามที่มีบันทึกข้อตกลงไว้

ผู้นำรัฐบาลจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรักชาติยิ่งชีวิต และละทิ้งอย่างสิ้นเชิงใน
ผลประโยชน์ส่วนบุคคลที่อาจจะได้รับจากการที่ชาติจะต้องเสียดินแดนบางส่วนไป ขอให้มุ่งมั่นในการรักษาชาติและผลประโยชน์ของชาติไว้ให้จงได้ เหมือนอย่างที่อดีตพระมหากษัตริย์ไทยได้ทรงต่อสู้ป้องกันและรักษาชาติด้วยเลือดเนื้อและชีวิตมาโดยตลอด

ปิยะ เนตรวิเชียร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
15:41 น. แอดมิทด่วน! 'เอ๊ะ จิรากร'เล่าประสบการณ์หัวใจเต้นผิดปกติ
15:40 น. 'อนุสรณ์'แนะเปิดใจรับฟังเหตุผลงบรีโนเวตสภาฯ ไม่ใช่ตัดสินไปก่อน
15:35 น. สองผัวเมียอารมณ์ดี! ‘ขายหอยครก 6 ราง’ ทำขายแทบไม่ทัน-ลูกค้าเพียบ
15:20 น. ป่วนใต้หลายจุด! จุดไฟเผากล้อง-แขวนป้าย-วางวัตถุต้องสงสัย 3 อำเภอในยะลา
15:14 น. 'ทวี'เผย'กกต.'ประสาน'ดีเอสไอ'แปะหมายเรียกหน้าบ้าน 6 สว. คดีฮั้ว
ดูทั้งหมด
ภาพอบอุ่นใจความรักที่งดงามของ 'กษัตริย์จิกมี-สมเด็จพระราชินี-เจ้าชาย-พระธิดา' ในยามค่ำคืนของทะเลทรายโกบี
(คลิป) 'ฐปณีย์' เละคาบ้าน! ด้อยค่าคนไม่เห็นด้วย 'เมียจ่าปืน' ออกโรงตอกกลับไม่ใช่ IO
‘ลาออก’ไปเถอะ! ฉะ‘นายกฯ’มีสติปัญญาแค่นี้ แผ่นเสียงตกร่องชู‘กาสิโน’แก้เศรษฐกิจ
มาแล้ว! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 4-10 พ.ค.68
หยามเกียรติธงชาติไทย! ทนายแจ้งเอาผิด โพสต์เฟสบุ๊คดูหมิ่น'ธงคือผ้าเช็ดเท้า'
ดูทั้งหมด
อวสาน‘ทักษิณ’คุกรออยู่
ความต่างของ สิงคโปร์ กับ ไทย
คุกนรก (1)
นักการเมือง ‘ส้มสารพิษ’
บุคคลแนวหน้า : 9 พฤษภาคม 2568
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

'อนุสรณ์'แนะเปิดใจรับฟังเหตุผลงบรีโนเวตสภาฯ ไม่ใช่ตัดสินไปก่อน

แอดมิทด่วน! 'เอ๊ะ จิรากร'เล่าประสบการณ์หัวใจเต้นผิดปกติ

เศร้า! ช้างป่ากุยบุรีขาเจ็บล้มแล้ว สะเทือนใจผลชันสูตร

ปตท. ลงนามสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติส่วนเพิ่มแหล่งอาทิตย์เสริมความมั่นคงพลังงานไทย

'ทวี'เผย'กกต.'ประสาน'ดีเอสไอ'แปะหมายเรียกหน้าบ้าน 6 สว. คดีฮั้ว

วัฒนธรรมโบราณ! พิธีล้างพระธาตุศรีสองรัก สักขีพยานสัมพันธไมตรีสองแผ่นดิน 465 ปี

  • Breaking News
  • แอดมิทด่วน! \'เอ๊ะ จิรากร\'เล่าประสบการณ์หัวใจเต้นผิดปกติ แอดมิทด่วน! 'เอ๊ะ จิรากร'เล่าประสบการณ์หัวใจเต้นผิดปกติ
  • \'อนุสรณ์\'แนะเปิดใจรับฟังเหตุผลงบรีโนเวตสภาฯ ไม่ใช่ตัดสินไปก่อน 'อนุสรณ์'แนะเปิดใจรับฟังเหตุผลงบรีโนเวตสภาฯ ไม่ใช่ตัดสินไปก่อน
  • สองผัวเมียอารมณ์ดี! ‘ขายหอยครก 6 ราง’ ทำขายแทบไม่ทัน-ลูกค้าเพียบ สองผัวเมียอารมณ์ดี! ‘ขายหอยครก 6 ราง’ ทำขายแทบไม่ทัน-ลูกค้าเพียบ
  • ป่วนใต้หลายจุด! จุดไฟเผากล้อง-แขวนป้าย-วางวัตถุต้องสงสัย  3 อำเภอในยะลา ป่วนใต้หลายจุด! จุดไฟเผากล้อง-แขวนป้าย-วางวัตถุต้องสงสัย 3 อำเภอในยะลา
  • \'ทวี\'เผย\'กกต.\'ประสาน\'ดีเอสไอ\'แปะหมายเรียกหน้าบ้าน 6 สว. คดีฮั้ว 'ทวี'เผย'กกต.'ประสาน'ดีเอสไอ'แปะหมายเรียกหน้าบ้าน 6 สว. คดีฮั้ว
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

เศรษฐกิจไทย จะล่มสลายหรือไม่

เศรษฐกิจไทย จะล่มสลายหรือไม่

5 พ.ค. 2568

รัฐบาลที่รุกรบไม่เป็น ก็ยอมแพ้เถอะ

รัฐบาลที่รุกรบไม่เป็น ก็ยอมแพ้เถอะ

28 เม.ย. 2568

ไทย ต้องไม่ทำตัวเป็นประเทศราช

ไทย ต้องไม่ทำตัวเป็นประเทศราช

21 เม.ย. 2568

ของขวัญปีใหม่ไทย ต้องไม่ใช่บ่อนกาสิโน

ของขวัญปีใหม่ไทย ต้องไม่ใช่บ่อนกาสิโน

13 เม.ย. 2568

แผ่นดินไหว ลางร้ายของรัฐบาลหรือ

แผ่นดินไหว ลางร้ายของรัฐบาลหรือ

7 เม.ย. 2568

รัฐบาลที่ดี ต้องสร้างความไว้วางใจให้ประชาชน

รัฐบาลที่ดี ต้องสร้างความไว้วางใจให้ประชาชน

31 มี.ค. 2568

คนไหนสร้างหนี้ คนนั้นก็ต้องใช้หนี้

คนไหนสร้างหนี้ คนนั้นก็ต้องใช้หนี้

24 มี.ค. 2568

โปรยทาน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของชาติหรือ

โปรยทาน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของชาติหรือ

17 มี.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved