วันอาทิตย์ ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / มองอย่างไท
มองอย่างไท

มองอย่างไท

ปิยะ เนตรวิเชียร
วันจันทร์ ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2567, 02.00 น.
อาวุธมีไว้ป้องกันประเทศ ไม่ใช่ปากนักการเมือง

ดูทั้งหมด

  •  

การต่อสู้เพื่อป้องกันตัวเองหรือเพื่อการเอาชนะเป็นสัญชาตญาณของสัตว์ทุกประเภท ซึ่งรวมถึงมนุษย์ ซึ่งยกตัวเองว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ ด้วยเหตุที่ว่ามีสมองที่น่าจะมีการคิดและสติปัญญาที่เหนือกว่าสัตว์อื่น จึงทำให้มีวิธีการและพัฒนาการต่อสู้มาโดยตลอด ที่สำคัญยิ่งคือการประดิษฐ์อาวุธที่ใช้ในการต่อสู้

มนุษย์ตั้งแต่ยุคสมัยหิน ก็ได้มีการประดิษฐ์อาวุธเพื่อนำมาใช้แล้ว จากหลักฐานทางโบราณคดีที่ปรากฏชัดเจนจากหลุมขุดค้นต่างๆ ที่ได้พบขวานหิน รวมทั้งแท่งหินปลายเรียวแหลมที่น่าจะเป็นหอกที่ใช้ในการต่อสู้ ที่ในอดีตอาจจะใช้ในการล่าสัตว์ด้วย ซึ่งนั่นคือยุคเริ่มต้นของการทำลายล้างชีวิต แต่เป็นไปเพื่อความอยู่รอด เพื่อนำมาเป็นอาหาร


หอก น่าจะเป็นพัฒนาการที่สำคัญในการจุดประกายให้มนุษย์ประดิษฐ์คิดค้น อาวุธที่เรียกว่ามีพิสัยในการทำลายล้าง จากการใช้ปาหรือใช้เขวี้ยงเพื่อใช้ในการ ล่าสัตว์หรือฆ่าศัตรูซึ่งนั่นก็คือปืน จนกระทั่งกลายมาเป็นจรวดพิสัยไกล ซึ่งสามารถยิงข้ามทวีปไปทำลายล้างศัตรู ที่อยู่ห่างออกไปนับเป็นระยะทางหลายๆ พันกิโลเมตรได้

พัฒนาการและการประดิษฐ์อาวุธที่เรียกโดยรวมว่าปืนนั้น เป็นผลมาจากการที่ มีการค้นพบสิ่งที่เรียกว่าดินปืนซึ่งค้นพบครั้งแรกในประเทศจีน และถูกนำมาใช้ ให้เกิดการขับเคลื่อนของกระสุน โดยปืนได้ถูกประดิษฐ์เป็นครั้งแรกในสมัยราชวงศ์ซ่ง ซึ่งถือว่าเป็นอาวุธร้ายแรง และต่อมาก็มีวิวัฒนาการมาเป็นปืนใหญ่ อันทำให้ราชวงศ์ซ่งสามารถเอาชนะสงคราม  อยู่มาได้เป็นระยะเวลามากกว่า ๑๐๐ ปี

จนมาถึงราชวงศ์หมิง ก็ได้มีการประดิษฐ์อาวุธปืนลูกซอง เพื่อใช้เป็นอาวุธประจำตัวของทหารจีนในยุคนั้น และเป็นที่มาของอาวุธที่เรียกว่าปืนไฟซึ่งกลายมาเป็นปืนเล็กยาว ในที่สุด

ปืนเล็กยาวชนิดหนึ่งที่มีการพูดถึงกันมากคือปืนเล็กยาวที่เรียกว่าปืนคาบศิลา ซึ่งมีวิวัฒนาการมาจากปืนคาบชุดซึ่งยังต้องใช้การจุดไฟให้ติดที่สายฉนวนก่อนที่จะลามมาถึงดินปืนที่อยู่ตรงก้นกระบอก  ซึ่งทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ดีหากมีความชื้นหรือฝนตกเป็นต้น การทำงานของปืนคาบศิลานั้น ใช้วิธีบรรจุดินปืนที่ตำให้เป็นผงเล็กๆ  กรอกเข้าทางปากกระบอก แล้วใช้นุ่นหรือผ้าทำเป็นหมอนเล็กๆ อัดเข้าไป ก่อนที่จะใส่ลูกปืนซึ่งมักเป็นลูกเหล็กกลมแล้วใช้หมอนเล็กๆ อุดกั้นอีกชั้นหนึ่ง  เพื่อกันไม่ให้กระสุนหลุดตกออกมา เวลาที่จะยิงจะใช้วิธีให้นกสับซึ่งส่วนปลายติดหินคาบศิลา กระแทกกับถ้วยโลหะซึ่งบรรจุดินดำไว้ที่อยู่ตรงโคนปืน ทำให้เกิดประกายไฟวิ่งเข้าไปทางรูท้ายลำกล้อง เกิดการลุกไหม้ในดินปืนและระเบิดกระสุนออกไป  ปืนชนิดนี้มีเอกสารของจีนซึ่งเขียนยืนยันไว้ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ ๑๔ ว่าได้ถูกเริ่มนำมาใช้ตั้งแต่ช่วงเวลานั้น

ในประวัติศาสตร์ของชาติไทยได้ระบุไว้ว่าปืนไฟหรือปืนคาบศิลานี้ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกเมื่อปีพุทธศักราช ๒๐๘๑ ในสมัยสมเด็จพระไชยราชาธิราช โดยในครั้งนั้นพม่าได้ยกทัพมาตีเมืองเชียงคาน ซึ่งเป็นหัวเมืองชายแดนทางทิศตะวันตกของกรุงศรีอยุธยา  สมเด็จพระไชยราชาธิราชได้ทรงยกทัพเพื่อไปตีเอาเมืองกลับคืน โดยพระองค์ได้นำทัพไปเอง และมีทหารอาสาชาวโปรตุเกสซึ่งมีความชำนาญในการใช้อาวุธปืนไปร่วมรบด้วย ทำให้ได้รับชัยชนะอย่างง่ายดาย ต่อมาในปีพุทธศักราช ๒๐๘๙ จึงมีการตั้งกองอาสาโปรตุเกส เพื่อทำหน้าที่สู้รบด้วยปืนไฟ ตลอดมา รวมทั้งมีการสอนให้ชาวสยามใช้ปืนดังกล่าวด้วย

ในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ สมัยรัชกาลที่ ๒ ได้มีการจัดซื้ออาวุธปืนคาบศิลาจากโปรตุเกสกว่า ๔๐๐ กระบอก และในสมัยรัชกาลที่ ๔ คาดว่ามีปืนคาบชุดและคาบศิลาในกองทัพไทยมากกว่า ๑,๐๐๐ กระบอก เมื่อเข้าสู่สมัยรัชกาลที่ ๕ วิวัฒนาการของปืนมีมากยิ่งขึ้น ในปีพุทธศักราช ๒๔๔๒ กระทรวงกลาโหม จึงได้จัดซื้อปืนไรเฟิลระบบลูกเลื่อนยี่ห้อเมาเซอร์และกระสุนปืนเล็กยาวเพื่อมาใช้สำหรับกองทัพไทยรุ่นใหม่  ซึ่งเน้นในการปกป้องประเทศชาติ  มากกว่าการที่จะไปรุกรานทำสงครามกับชาติอื่น

เรื่องของปืนคาบศิลานั้น มีปืนกระบอกหนึ่งที่สร้างชื่อเสียงและถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นปืนที่มีความสำคัญมาก นั่นคือพระแสงปืนต้นข้ามลำน้ำสะโตง เป็นปืนที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์ที่ ๑๘ ของอาณาจักรอยุธยา และเป็นพระมหากษัตริย์ที่เป็นมหาราชองค์ที่ ๒ ของชาติไทยได้ใช้ในการสู้รบในระหว่างที่ยกทัพกลับจากกรุงหงสาวดี โดยได้นำชาวไทย ที่ถูกกวาดต้อนไปยังพม่ากลับคืนมาด้วย และถูกกองทัพของพม่าซึ่งนำโดยแม่ทัพชื่อสุรกรรมาติดตามมา หลังจากข้ามแม่น้ำสะโตงมาแล้ว ก็ได้ให้ทำลายสะพานข้ามแม่น้ำสะโตง แต่กองทัพของพม่าก็ยังจะพยายามติดตามข้ามมา สมเด็จพระนเรศวรได้ใช้พระแสงปืนต้นซึ่งเชื่อกันว่ายาวประมาณ 9 ศอก พาดประทับบนแท่นยิงแล้วยิงข้ามแม่น้ำสะโตงซึ่งกว้างพอสมควร ถูกสุรกรรมาแม่ทัพพม่าตายบนคอช้าง หลังจากนั้นเมื่อพระนเรศวรเสด็จถึงเมืองแกลงจึงได้กระทำพิธีหลั่งทักษิโณทก เพื่อประกาศอิสรภาพว่ากรุงศรีอยุธยาไม่ขึ้นกับอาณาจักรหงสาวดีอีกต่อไป

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้มีการพิจารณาลงมติรับรองเรื่องงบประมาณแผ่นดินจำนวนประมาณ ๓.๔๘ ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นงบของปี ๒๕๖๗ ที่มีความล่าช้ายังไม่ได้นำมาใช้ อันมีผลกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินให้มีความเจริญก้าวหน้าและเสริมฐานะทางเศรษฐกิจของชาติ  เพราะงบจำนวนไม่น้อยเป็นงบที่ใช้ในการพัฒนาบ้านเมือง แต่เพราะความขัดแย้ง ของพรรคการเมืองทำให้การนำงบดังกล่าวมาใช้ต้องล่าช้าออกไปเป็นอย่างมาก ซึ่งโดยปกติงบประมาณประจำปีควรจะเริ่มใช้ได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมของทุกๆ ปี หรือถ้าจะล่าช้าไปกว่านั้นก็เป็นระยะเวลาเพียงแค่ ๑-๒ เดือนเท่านั้น

ในการประชุมดังกล่าว เห็นได้ชัดเจนว่าพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งมีพรรคของคนที่อ้างว่าเป็นคนรุ่นใหม่มีความคิดก้าวไกล ได้ตั้งหน้าตั้งตาในการที่จะคัดค้านการนำงบประมาณในหลายหมวดมาใช้เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้า โดยกล่าวอ้างว่ามีการตั้งงบไว้มากเกินไป และอาจจะเป็นช่องทางของการทุจริต ซึ่งเป็นความคิดที่คับแคบ เพราะโดยปกติแล้วการใช้งบประมาณแผ่นดินต้องไปตามกฎระเบียบที่มีอยู่หากมีการใช้ที่ไม่เป็นไปตามกฎระเบียบหรือฉ้อฉล ก็สามารถที่จะดำเนินการตามกฎหมายเพื่อเอาผิดต่อผู้ที่คิดค้นทรยศโกงกินเงินของแผ่นดินได้

พรรคฝ่ายค้านได้มีความพยายามอย่างมาก ในการใช้วาจาและอารมณ์ผสมผสานกันโต้แย้ง ไม่เห็นด้วย รวมทั้งขอตัดงบประมาณในหลายหมวด แต่ที่ชัดเจนก็คือหากเป็นงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการทหาร ก็จะถูกอภิปรายเพื่อขอตัดงบ เป็นกรณีพิเศษเสมอไป ไม่ว่าจะเป็นงบของกองทัพหรือเหล่าทัพใด รวมทั้งงบของกอ.รมน. ซึ่งมีวัตถุประสงค์ชัดเจนในการที่จะปกป้องและรักษาความสงบของชาติไม่ใช่เฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น

ส่วนหนึ่งของงบทางทหารนั้น เป็นการตั้งงบเพื่อขอใช้ในการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่ใช้ในการป้องกันประเทศ หรืออย่างน้อยที่สุดก็เพื่อแสดงศักยภาพให้กับประเทศเพื่อนบ้านได้เห็นว่า หากมีการรุกรานกองทัพไทยก็มีความพร้อมในการที่จะต่อสู้เพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน

การที่เคยมีนักการเมืองของพรรคการเมืองฝ่ายค้านบางคนออกมาพูดว่า ถ้ามีสงครามเกิดขึ้นกองทัพไทยก็ไม่มีวันสู้รบเอาชนะกองทัพของชาติใหญ่ๆ ได้ ซึ่งแน่นอนถึงแม้จะเป็นเรื่องที่อาจจะถูกต้อง แต่ก็ถือว่าเป็นการหยามเกียรติของกองทัพของประเทศชาติ ที่เป็นแผ่นดินเกิดของนักการเมืองทั้งหลายเหล่านั้น ซึ่งนิยมการใช้ปากเป็นอาวุธในการประหารใครก็ตามที่เขาไม่เห็นด้วยโดยตลอดมา

งบประมาณของกองทัพจึงถูกตัดลดออกไปเป็นจำนวนไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาวุธยุทโธปกรณ์ทั่วไป หรือยุทโธปกรณ์ขนาดใหญ่ อาทิ เรือฟริเกตซึ่งเป็นเรือที่มีความสำคัญในยุทธนาวีที่กองทัพเรือเป็นผู้เสนอขอเพียงแค่ ๑ ลำก็ถูกตัดออก อันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายยิ่ง

ทหารคือกองกำลังที่มีหน้าที่ปกป้องประเทศชาติ และเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่อดีตกาล  ชาติไทยของเราอยู่รอดมาจนถึงวันนี้ เพราะมีพระมหากษัตริย์ที่ทรงปกครองแผ่นดินโดยธรรมและกองทัพที่เข้มแข็ง ไม่ใช่อยู่รอดมาได้เพราะมีนักการเมือง โดยเฉพาะนักการเมืองส่วนหนึ่งที่มีแต่วาจาสามหาวโป้ปดมดเท็จ และวาจาทั้งหลายเหล่านั้นไม่สามารถจะใช้เป็นอาวุธในการปกป้องประเทศชาติได้เลยแม้แต่น้อย

ปิยะ เนตรวิเชียร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
07:50 น. ทุบเปรี้ยง! ‘อภิสิทธิ์’รีเทิร์น การเมืองไทยเปลี่ยนเป็น 4 ก๊ก
07:49 น. กู้ภัยช่วยระทึก! หามลงตึกชั้น5 หนุ่มป่วยหนักกว่า200กิโลฯส่งรพ.
07:45 น. แหวกฟ้าหาฝัน : The Royal Treasury Stockholm
07:34 น. ‘นิด้าโพล’ชี้‘คนไทย’ใกล้หมดความอดทน เชื่อ‘ไทย-เขมร’ขัดแย้งยืดเยื้อ แนะ‘ปิดด่าน’จริงจัง
07:30 น. ยิปซี 12 นักษัตร พยากรณ์ : ระหว่างวันที่ 19 - 25 ตุลาคม พ.ศ. 2568
ดูทั้งหมด
บุกจับ'เสี่ยบอย'พร้อมเมีย! รองหัวหน้าพรรคการเมืองดังเปิดตลาดเถื่อน ทุบของหลวงสร้างพื้นที่
‘กรรชัย’เป็นดาราไม่ใช่สื่อ ‘ใบตองแห้ง’อัด‘สัญลักษณ์ยุคตกต่ำ’
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 ตุลาคม 2568
(คลิป) ส่องแฟชั่น ภริยานายกฯ วันนี้! ผ้าสีสวยมาก ทรงผมน่ารัก แต่...นาฬิกาต้องเปลี่ยนนะคะ
จาก‘โรฮิงแยม’ถึง‘พี่อังคณา’ สะท้อนความเข้าใจ‘สิทธิมนุษยชน’
ดูทั้งหมด
ของฟรีไม่มีบนโลก มีแต่คำโกหกจากนักการเมือง
บุคคลแนวหน้า : 19 ตุลาคม 2568
ผศ.นพ.วิศิษฎ์ ฐิตวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย 2537-2568 (การปลูกถ่ายอวัยวะ)
บำเพ็ญกุศลซาก ‘ทักษิณ’
อภิสิทธิ์ come back, ประชาธิปัตย์จะ come back หรือไม่
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

กู้ภัยช่วยระทึก! หามลงตึกชั้น5 หนุ่มป่วยหนักกว่า200กิโลฯส่งรพ.

ยิปซี 12 นักษัตร พยากรณ์ : ระหว่างวันที่ 19 - 25 ตุลาคม พ.ศ. 2568

ทบ. ย้ำจุดยืนปล่อยตัวเชลยศึก กัมพูชาต้องร่วมแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง

สื่อเกาหลีขุดฉ่ำ! วีรกรรมฉาว'ซึงรี'อดีตบอยแบนด์ดัง อวย'เขมร'ประเทศดีที่สุดในเอเชียกลางดงจีนเทา

รัฐบาลยันไทยไม่ปล่อยตัว 18 เชลยศึก หากกัมพูชาไม่ทำตามข้อตกลง 4 ข้อ

'ย่าอุไรวรรณ'อวยยศ'ชมพู่ อารยา'สะใภ้สุดเพอร์เฟค ก่อนเจอ'ยายหนิง'ช็อตฟีล

  • Breaking News
  • ทุบเปรี้ยง! ‘อภิสิทธิ์’รีเทิร์น การเมืองไทยเปลี่ยนเป็น 4 ก๊ก ทุบเปรี้ยง! ‘อภิสิทธิ์’รีเทิร์น การเมืองไทยเปลี่ยนเป็น 4 ก๊ก
  • กู้ภัยช่วยระทึก! หามลงตึกชั้น5 หนุ่มป่วยหนักกว่า200กิโลฯส่งรพ. กู้ภัยช่วยระทึก! หามลงตึกชั้น5 หนุ่มป่วยหนักกว่า200กิโลฯส่งรพ.
  • แหวกฟ้าหาฝัน : The Royal Treasury Stockholm แหวกฟ้าหาฝัน : The Royal Treasury Stockholm
  • ‘นิด้าโพล’ชี้‘คนไทย’ใกล้หมดความอดทน เชื่อ‘ไทย-เขมร’ขัดแย้งยืดเยื้อ แนะ‘ปิดด่าน’จริงจัง ‘นิด้าโพล’ชี้‘คนไทย’ใกล้หมดความอดทน เชื่อ‘ไทย-เขมร’ขัดแย้งยืดเยื้อ แนะ‘ปิดด่าน’จริงจัง
  • ยิปซี 12 นักษัตร พยากรณ์ : ระหว่างวันที่ 19 - 25 ตุลาคม พ.ศ. 2568 ยิปซี 12 นักษัตร พยากรณ์ : ระหว่างวันที่ 19 - 25 ตุลาคม พ.ศ. 2568
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

อธิปไตย อย่าให้ใครรุกราน

อธิปไตย อย่าให้ใครรุกราน

13 ต.ค. 2568

รัฐธรรมนูญ จากปี ๒๔๗๕ ถึง ๒๕๖๐.... ยังต้องแก้อีกหรือ

รัฐธรรมนูญ จากปี ๒๔๗๕ ถึง ๒๕๖๐.... ยังต้องแก้อีกหรือ

6 ต.ค. 2568

รัฐบาลต้องมุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

รัฐบาลต้องมุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

29 ก.ย. 2568

รัฐบาลใหม่ต้องมุ่งรักษาอธิปไตย

รัฐบาลใหม่ต้องมุ่งรักษาอธิปไตย

22 ก.ย. 2568

ศาลดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม

ศาลดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม

15 ก.ย. 2568

แย่งชิงบ้านเมือง เพื่อใคร

แย่งชิงบ้านเมือง เพื่อใคร

8 ก.ย. 2568

ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อชาติหรือเพื่อใคร

ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อชาติหรือเพื่อใคร

1 ก.ย. 2568

ไทยจะยอมเป็นม้าอารีอีกต่อไปหรือ

ไทยจะยอมเป็นม้าอารีอีกต่อไปหรือ

18 ส.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved