วันจันทร์ ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / มองอย่างไท
มองอย่างไท

มองอย่างไท

ปิยะ เนตรวิเชียร
วันจันทร์ ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2567, 02.00 น.
อาวุธมีไว้ป้องกันประเทศ ไม่ใช่ปากนักการเมือง

ดูทั้งหมด

  •  

การต่อสู้เพื่อป้องกันตัวเองหรือเพื่อการเอาชนะเป็นสัญชาตญาณของสัตว์ทุกประเภท ซึ่งรวมถึงมนุษย์ ซึ่งยกตัวเองว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ ด้วยเหตุที่ว่ามีสมองที่น่าจะมีการคิดและสติปัญญาที่เหนือกว่าสัตว์อื่น จึงทำให้มีวิธีการและพัฒนาการต่อสู้มาโดยตลอด ที่สำคัญยิ่งคือการประดิษฐ์อาวุธที่ใช้ในการต่อสู้

มนุษย์ตั้งแต่ยุคสมัยหิน ก็ได้มีการประดิษฐ์อาวุธเพื่อนำมาใช้แล้ว จากหลักฐานทางโบราณคดีที่ปรากฏชัดเจนจากหลุมขุดค้นต่างๆ ที่ได้พบขวานหิน รวมทั้งแท่งหินปลายเรียวแหลมที่น่าจะเป็นหอกที่ใช้ในการต่อสู้ ที่ในอดีตอาจจะใช้ในการล่าสัตว์ด้วย ซึ่งนั่นคือยุคเริ่มต้นของการทำลายล้างชีวิต แต่เป็นไปเพื่อความอยู่รอด เพื่อนำมาเป็นอาหาร


หอก น่าจะเป็นพัฒนาการที่สำคัญในการจุดประกายให้มนุษย์ประดิษฐ์คิดค้น อาวุธที่เรียกว่ามีพิสัยในการทำลายล้าง จากการใช้ปาหรือใช้เขวี้ยงเพื่อใช้ในการ ล่าสัตว์หรือฆ่าศัตรูซึ่งนั่นก็คือปืน จนกระทั่งกลายมาเป็นจรวดพิสัยไกล ซึ่งสามารถยิงข้ามทวีปไปทำลายล้างศัตรู ที่อยู่ห่างออกไปนับเป็นระยะทางหลายๆ พันกิโลเมตรได้

พัฒนาการและการประดิษฐ์อาวุธที่เรียกโดยรวมว่าปืนนั้น เป็นผลมาจากการที่ มีการค้นพบสิ่งที่เรียกว่าดินปืนซึ่งค้นพบครั้งแรกในประเทศจีน และถูกนำมาใช้ ให้เกิดการขับเคลื่อนของกระสุน โดยปืนได้ถูกประดิษฐ์เป็นครั้งแรกในสมัยราชวงศ์ซ่ง ซึ่งถือว่าเป็นอาวุธร้ายแรง และต่อมาก็มีวิวัฒนาการมาเป็นปืนใหญ่ อันทำให้ราชวงศ์ซ่งสามารถเอาชนะสงคราม  อยู่มาได้เป็นระยะเวลามากกว่า ๑๐๐ ปี

จนมาถึงราชวงศ์หมิง ก็ได้มีการประดิษฐ์อาวุธปืนลูกซอง เพื่อใช้เป็นอาวุธประจำตัวของทหารจีนในยุคนั้น และเป็นที่มาของอาวุธที่เรียกว่าปืนไฟซึ่งกลายมาเป็นปืนเล็กยาว ในที่สุด

ปืนเล็กยาวชนิดหนึ่งที่มีการพูดถึงกันมากคือปืนเล็กยาวที่เรียกว่าปืนคาบศิลา ซึ่งมีวิวัฒนาการมาจากปืนคาบชุดซึ่งยังต้องใช้การจุดไฟให้ติดที่สายฉนวนก่อนที่จะลามมาถึงดินปืนที่อยู่ตรงก้นกระบอก  ซึ่งทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ดีหากมีความชื้นหรือฝนตกเป็นต้น การทำงานของปืนคาบศิลานั้น ใช้วิธีบรรจุดินปืนที่ตำให้เป็นผงเล็กๆ  กรอกเข้าทางปากกระบอก แล้วใช้นุ่นหรือผ้าทำเป็นหมอนเล็กๆ อัดเข้าไป ก่อนที่จะใส่ลูกปืนซึ่งมักเป็นลูกเหล็กกลมแล้วใช้หมอนเล็กๆ อุดกั้นอีกชั้นหนึ่ง  เพื่อกันไม่ให้กระสุนหลุดตกออกมา เวลาที่จะยิงจะใช้วิธีให้นกสับซึ่งส่วนปลายติดหินคาบศิลา กระแทกกับถ้วยโลหะซึ่งบรรจุดินดำไว้ที่อยู่ตรงโคนปืน ทำให้เกิดประกายไฟวิ่งเข้าไปทางรูท้ายลำกล้อง เกิดการลุกไหม้ในดินปืนและระเบิดกระสุนออกไป  ปืนชนิดนี้มีเอกสารของจีนซึ่งเขียนยืนยันไว้ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ ๑๔ ว่าได้ถูกเริ่มนำมาใช้ตั้งแต่ช่วงเวลานั้น

ในประวัติศาสตร์ของชาติไทยได้ระบุไว้ว่าปืนไฟหรือปืนคาบศิลานี้ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกเมื่อปีพุทธศักราช ๒๐๘๑ ในสมัยสมเด็จพระไชยราชาธิราช โดยในครั้งนั้นพม่าได้ยกทัพมาตีเมืองเชียงคาน ซึ่งเป็นหัวเมืองชายแดนทางทิศตะวันตกของกรุงศรีอยุธยา  สมเด็จพระไชยราชาธิราชได้ทรงยกทัพเพื่อไปตีเอาเมืองกลับคืน โดยพระองค์ได้นำทัพไปเอง และมีทหารอาสาชาวโปรตุเกสซึ่งมีความชำนาญในการใช้อาวุธปืนไปร่วมรบด้วย ทำให้ได้รับชัยชนะอย่างง่ายดาย ต่อมาในปีพุทธศักราช ๒๐๘๙ จึงมีการตั้งกองอาสาโปรตุเกส เพื่อทำหน้าที่สู้รบด้วยปืนไฟ ตลอดมา รวมทั้งมีการสอนให้ชาวสยามใช้ปืนดังกล่าวด้วย

ในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ สมัยรัชกาลที่ ๒ ได้มีการจัดซื้ออาวุธปืนคาบศิลาจากโปรตุเกสกว่า ๔๐๐ กระบอก และในสมัยรัชกาลที่ ๔ คาดว่ามีปืนคาบชุดและคาบศิลาในกองทัพไทยมากกว่า ๑,๐๐๐ กระบอก เมื่อเข้าสู่สมัยรัชกาลที่ ๕ วิวัฒนาการของปืนมีมากยิ่งขึ้น ในปีพุทธศักราช ๒๔๔๒ กระทรวงกลาโหม จึงได้จัดซื้อปืนไรเฟิลระบบลูกเลื่อนยี่ห้อเมาเซอร์และกระสุนปืนเล็กยาวเพื่อมาใช้สำหรับกองทัพไทยรุ่นใหม่  ซึ่งเน้นในการปกป้องประเทศชาติ  มากกว่าการที่จะไปรุกรานทำสงครามกับชาติอื่น

เรื่องของปืนคาบศิลานั้น มีปืนกระบอกหนึ่งที่สร้างชื่อเสียงและถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นปืนที่มีความสำคัญมาก นั่นคือพระแสงปืนต้นข้ามลำน้ำสะโตง เป็นปืนที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์ที่ ๑๘ ของอาณาจักรอยุธยา และเป็นพระมหากษัตริย์ที่เป็นมหาราชองค์ที่ ๒ ของชาติไทยได้ใช้ในการสู้รบในระหว่างที่ยกทัพกลับจากกรุงหงสาวดี โดยได้นำชาวไทย ที่ถูกกวาดต้อนไปยังพม่ากลับคืนมาด้วย และถูกกองทัพของพม่าซึ่งนำโดยแม่ทัพชื่อสุรกรรมาติดตามมา หลังจากข้ามแม่น้ำสะโตงมาแล้ว ก็ได้ให้ทำลายสะพานข้ามแม่น้ำสะโตง แต่กองทัพของพม่าก็ยังจะพยายามติดตามข้ามมา สมเด็จพระนเรศวรได้ใช้พระแสงปืนต้นซึ่งเชื่อกันว่ายาวประมาณ 9 ศอก พาดประทับบนแท่นยิงแล้วยิงข้ามแม่น้ำสะโตงซึ่งกว้างพอสมควร ถูกสุรกรรมาแม่ทัพพม่าตายบนคอช้าง หลังจากนั้นเมื่อพระนเรศวรเสด็จถึงเมืองแกลงจึงได้กระทำพิธีหลั่งทักษิโณทก เพื่อประกาศอิสรภาพว่ากรุงศรีอยุธยาไม่ขึ้นกับอาณาจักรหงสาวดีอีกต่อไป

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้มีการพิจารณาลงมติรับรองเรื่องงบประมาณแผ่นดินจำนวนประมาณ ๓.๔๘ ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นงบของปี ๒๕๖๗ ที่มีความล่าช้ายังไม่ได้นำมาใช้ อันมีผลกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินให้มีความเจริญก้าวหน้าและเสริมฐานะทางเศรษฐกิจของชาติ  เพราะงบจำนวนไม่น้อยเป็นงบที่ใช้ในการพัฒนาบ้านเมือง แต่เพราะความขัดแย้ง ของพรรคการเมืองทำให้การนำงบดังกล่าวมาใช้ต้องล่าช้าออกไปเป็นอย่างมาก ซึ่งโดยปกติงบประมาณประจำปีควรจะเริ่มใช้ได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมของทุกๆ ปี หรือถ้าจะล่าช้าไปกว่านั้นก็เป็นระยะเวลาเพียงแค่ ๑-๒ เดือนเท่านั้น

ในการประชุมดังกล่าว เห็นได้ชัดเจนว่าพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งมีพรรคของคนที่อ้างว่าเป็นคนรุ่นใหม่มีความคิดก้าวไกล ได้ตั้งหน้าตั้งตาในการที่จะคัดค้านการนำงบประมาณในหลายหมวดมาใช้เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้า โดยกล่าวอ้างว่ามีการตั้งงบไว้มากเกินไป และอาจจะเป็นช่องทางของการทุจริต ซึ่งเป็นความคิดที่คับแคบ เพราะโดยปกติแล้วการใช้งบประมาณแผ่นดินต้องไปตามกฎระเบียบที่มีอยู่หากมีการใช้ที่ไม่เป็นไปตามกฎระเบียบหรือฉ้อฉล ก็สามารถที่จะดำเนินการตามกฎหมายเพื่อเอาผิดต่อผู้ที่คิดค้นทรยศโกงกินเงินของแผ่นดินได้

พรรคฝ่ายค้านได้มีความพยายามอย่างมาก ในการใช้วาจาและอารมณ์ผสมผสานกันโต้แย้ง ไม่เห็นด้วย รวมทั้งขอตัดงบประมาณในหลายหมวด แต่ที่ชัดเจนก็คือหากเป็นงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการทหาร ก็จะถูกอภิปรายเพื่อขอตัดงบ เป็นกรณีพิเศษเสมอไป ไม่ว่าจะเป็นงบของกองทัพหรือเหล่าทัพใด รวมทั้งงบของกอ.รมน. ซึ่งมีวัตถุประสงค์ชัดเจนในการที่จะปกป้องและรักษาความสงบของชาติไม่ใช่เฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น

ส่วนหนึ่งของงบทางทหารนั้น เป็นการตั้งงบเพื่อขอใช้ในการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่ใช้ในการป้องกันประเทศ หรืออย่างน้อยที่สุดก็เพื่อแสดงศักยภาพให้กับประเทศเพื่อนบ้านได้เห็นว่า หากมีการรุกรานกองทัพไทยก็มีความพร้อมในการที่จะต่อสู้เพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน

การที่เคยมีนักการเมืองของพรรคการเมืองฝ่ายค้านบางคนออกมาพูดว่า ถ้ามีสงครามเกิดขึ้นกองทัพไทยก็ไม่มีวันสู้รบเอาชนะกองทัพของชาติใหญ่ๆ ได้ ซึ่งแน่นอนถึงแม้จะเป็นเรื่องที่อาจจะถูกต้อง แต่ก็ถือว่าเป็นการหยามเกียรติของกองทัพของประเทศชาติ ที่เป็นแผ่นดินเกิดของนักการเมืองทั้งหลายเหล่านั้น ซึ่งนิยมการใช้ปากเป็นอาวุธในการประหารใครก็ตามที่เขาไม่เห็นด้วยโดยตลอดมา

งบประมาณของกองทัพจึงถูกตัดลดออกไปเป็นจำนวนไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาวุธยุทโธปกรณ์ทั่วไป หรือยุทโธปกรณ์ขนาดใหญ่ อาทิ เรือฟริเกตซึ่งเป็นเรือที่มีความสำคัญในยุทธนาวีที่กองทัพเรือเป็นผู้เสนอขอเพียงแค่ ๑ ลำก็ถูกตัดออก อันเป็นเรื่องที่น่าเสียดายยิ่ง

ทหารคือกองกำลังที่มีหน้าที่ปกป้องประเทศชาติ และเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่อดีตกาล  ชาติไทยของเราอยู่รอดมาจนถึงวันนี้ เพราะมีพระมหากษัตริย์ที่ทรงปกครองแผ่นดินโดยธรรมและกองทัพที่เข้มแข็ง ไม่ใช่อยู่รอดมาได้เพราะมีนักการเมือง โดยเฉพาะนักการเมืองส่วนหนึ่งที่มีแต่วาจาสามหาวโป้ปดมดเท็จ และวาจาทั้งหลายเหล่านั้นไม่สามารถจะใช้เป็นอาวุธในการปกป้องประเทศชาติได้เลยแม้แต่น้อย

ปิยะ เนตรวิเชียร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
12:53 น. นิตยสาร Mint ฉลองครบรอบ 5 ปี ชวน‘กลัฟ-ขุนพล-เอเอ’ เปิดงานนิทรรศการ
12:51 น. ดุดัน! ไม่เกรงใจใคร Bedroom Audio โพสรูปเรียกน้ำย่อย สปอยเพลงใหม่ 'พอแล้ว'
12:49 น. 'ปันปัน-สน' ฉีกภาพลวง ซ้อนปมแค้นในซีรีส์ใหม่สุดเข้มข้น 'MAYA'
12:48 น. 'สุดารัตน์'เหน็บรัฐบาล หลังแบ่งชามข้าวเสร็จ อย่าลืมแบ่งประชาชนกิน-ใช้บ้าง
12:37 น. 'ดวงกมล ลิ่มเจริญ, เล็ก ไอศูรย์'และ'มณฑานี ตันติสุข'3 ศิลปินคุณภาพผู้สร้างสีสันให้ 'มหัศจรรย์แห่งรัก'
ดูทั้งหมด
ค้นพบ'พญาครุฑ'130ล้านปี สัตว์เลื้อยคลานบินได้ ตัวแรกของไทยในภาคอีสาน
'ญี่ปุ่น'อัปเกรดพันธมิตร! เตรียมส่ง'ยุทโธปกรณ์'เสริมเขี้ยวเล็บไทย-7ชาติ
(คลิป) เอาแล้ว! 'พล.ท.ภราดร' ฟันโช๊ะ ได้เห็นอวสาน 2 ตระกูล ปม 'ไทย-กัมพูชา' แน่ๆ
‘ยูเอ็น’ยังกังวล! รายงานชี้‘กัมพูชา’หลายเมืองกลายเป็นแหล่งซ่องสุม'โจรออนไลน์'
'กัมพูชา'สั่งลงดาบ! เพิกถอนใบอนุญาต2สำนักข่าวดัง ฐานละเมิดจริยธรรม-กฎหมายสื่อ
ดูทั้งหมด
ผู้นำอัปยศ กรรมของชาติ คนไทยยังทนได้หรือ
เฮือกสุดท้ายของ‘โมฆสตรี-แพทองธาร’
ราคาที่ต้องจ่าย
เสื่อม
จุดจบตระกูลเหลี่ยม (3)
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

'สุดารัตน์'เหน็บรัฐบาล หลังแบ่งชามข้าวเสร็จ อย่าลืมแบ่งประชาชนกิน-ใช้บ้าง

กระบะซุก41แรงงานเถื่อน แหกด่านหนีจับกุม รถติดหล่มโดนรวบยกชุด

'ภูมิธรรม'ไม่หวั่น'อิ๊งค์'โดนสว.ยื่นศาลรธน.ถอดถอน โวหลังปรับครม.รัฐบาลแกร่งกว่าเดิม

ยังไร้แต้ม! 'ก้อง-สมเกียรติ'เข้าป้ายที่18MotoGPมูเจลโล

'เสรีพิศุทธ์'ร้อง'ผบ.ตร.' เอาผิด'ฮุน เซน'ปมสั่งเก็บนักการเมืองเห็นต่างในไทย

‘ศึกอิหร่าน-อิสราเอล’ลามปิดช่องแคบ‘ฮอร์มุซ’ โลกสะท้าน เตรียมรับมือ‘ราคาน้ำมัน’พุ่ง

  • Breaking News
  • นิตยสาร Mint ฉลองครบรอบ 5 ปี ชวน‘กลัฟ-ขุนพล-เอเอ’ เปิดงานนิทรรศการ นิตยสาร Mint ฉลองครบรอบ 5 ปี ชวน‘กลัฟ-ขุนพล-เอเอ’ เปิดงานนิทรรศการ
  • ดุดัน! ไม่เกรงใจใคร Bedroom Audio โพสรูปเรียกน้ำย่อย สปอยเพลงใหม่ \'พอแล้ว\' ดุดัน! ไม่เกรงใจใคร Bedroom Audio โพสรูปเรียกน้ำย่อย สปอยเพลงใหม่ 'พอแล้ว'
  • \'ปันปัน-สน\' ฉีกภาพลวง ซ้อนปมแค้นในซีรีส์ใหม่สุดเข้มข้น \'MAYA\' 'ปันปัน-สน' ฉีกภาพลวง ซ้อนปมแค้นในซีรีส์ใหม่สุดเข้มข้น 'MAYA'
  • \'สุดารัตน์\'เหน็บรัฐบาล หลังแบ่งชามข้าวเสร็จ อย่าลืมแบ่งประชาชนกิน-ใช้บ้าง 'สุดารัตน์'เหน็บรัฐบาล หลังแบ่งชามข้าวเสร็จ อย่าลืมแบ่งประชาชนกิน-ใช้บ้าง
  • \'ดวงกมล ลิ่มเจริญ, เล็ก ไอศูรย์\'และ\'มณฑานี ตันติสุข\'3 ศิลปินคุณภาพผู้สร้างสีสันให้ \'มหัศจรรย์แห่งรัก\' 'ดวงกมล ลิ่มเจริญ, เล็ก ไอศูรย์'และ'มณฑานี ตันติสุข'3 ศิลปินคุณภาพผู้สร้างสีสันให้ 'มหัศจรรย์แห่งรัก'
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

ผู้นำอัปยศ กรรมของชาติ คนไทยยังทนได้หรือ

ผู้นำอัปยศ กรรมของชาติ คนไทยยังทนได้หรือ

23 มิ.ย. 2568

ทหาร จะปกป้องรักษาชาติ

ทหาร จะปกป้องรักษาชาติ

16 มิ.ย. 2568

แพทยสภา ต้องดำรงเกียรติ ศักดิ์ศรีและจริยธรรมแห่งวิชาชีพ

แพทยสภา ต้องดำรงเกียรติ ศักดิ์ศรีและจริยธรรมแห่งวิชาชีพ

9 มิ.ย. 2568

แผ่นดินไทย ต้องเป็นของไทย

แผ่นดินไทย ต้องเป็นของไทย

2 มิ.ย. 2568

อย่ายอมให้เขมรรุกรานแผ่นดินไทย

อย่ายอมให้เขมรรุกรานแผ่นดินไทย

26 พ.ค. 2568

ชาติจะเสียหาย หากยังฝืนทำต่อไป

ชาติจะเสียหาย หากยังฝืนทำต่อไป

19 พ.ค. 2568

แพทย์ พึงรักษาศักดิ์ศรีและจริยธรรมแห่งวิชาชีพ

แพทย์ พึงรักษาศักดิ์ศรีและจริยธรรมแห่งวิชาชีพ

12 พ.ค. 2568

เศรษฐกิจไทย จะล่มสลายหรือไม่

เศรษฐกิจไทย จะล่มสลายหรือไม่

5 พ.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved