วันจันทร์ ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ผู้คนไม่ค่อยจะทราบว่าการออกลอตเตอรี่ที่พัฒนามาจนมีชื่อไทยว่าสลากกินแบ่งรัฐบาลนี้มีการคิดและทำกันอย่างจริงจังภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยนายกรัฐมนตรี พระยาพหลฯ ได้นำเรื่องนี้มาเสนอต่อสภาฯในการประชุมเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2476 นับจากวันที่ตั้งรัฐบาลของท่านเพียง 11 วันเท่านั้น ดังนั้นจึงแสดงความคิดในการที่จะออกลอตเตอรี่เป็นการประจำเพื่อหาเงินมาใช้นี้ น่าจะดำเนินมาตั้งแต่รัฐบาลก่อนคือตั้งแต่รัฐบาลของพระยามโนฯ แต่ก็ถือว่าเป็นแนวคิดของคณะผู้เปลี่ยนแปลงการปกครองฯได้ เพราะถึงแม้จะนายกรัฐมนตรีคนละคนแต่ก็เป็นรัฐบาล ของคณะราษฎรที่สืบทอดต่อกันมา การออกลอตเตอรี่ในอดีตที่มีมาก่อนไม่ใช่เรื่องที่ทำกันอยู่ประจำ และเป็นเรื่องที่จะออกลอตเตอรี่ในวาระพิเศษให้แก่หน่วยงาน เช่นลอตเตอรี่สภากาชาด อันเป็นที่รู้จักกันดีพอสมควร
“เรื่องการออกสลากกินแบ่งของรัฐบาล อยากจะขออนุมัติจากสภาฯ ว่านโยบายในทางการออกสลากนี้จะสมควรหรือไม่ ถ้าไม่เข้าใจขอให้หม่อมเจ้าวรรณไวทยากร วรวรรณ ทรงอธิบาย”
ท่านก็อธิบายว่า “การออกสลากลอตเตอรี่ที่จริงเป็นหน้าที่ฝ่ายบริหารถ้าจะออกไปก็ย่อมทำได้แต่ถ้าว่าเกี่ยวกับหลักนโยบาย ซึ่งควรจะได้รับความไว้ใจของสภา… ฉะนั้นจึงเสนอมาถ้าสภาได้อนุมัติความไว้ใจในหลักนโยบายอันนี้ ทางบริหารก็จะได้ดำเนินการต่อไป คือไม่อยากทำอะไรลงไปที่ไม่ได้รับความไว้ใจของสภา” แล้วนายกฯก็ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมการผู้เป็นประธานในเรื่องนี้อธิบายน่าสนใจมากที่การออกลอตเตอรี่ซึ่งก็เป็นการเล่นการพนันโดยรัฐนี้คนอธิบายกลายเป็นเจ้ากระทรวงที่ดูแลเรื่องการศึกษาของชาติ
“ข้าพเจ้าเป็นประธานกรรมาธิการเรื่องออกสลากกินแบ่งนี้ ได้ทราบเรื่องตลอด คือการออกลอตเตอรี่นี้ จะออกเป็นเงินล้านบาท แบ่งเป็นเงินรางวัล 50% อีก 50% นั้น แบ่งเป็นค่าภาษีของรัฐเสีย 10% เป็นค่าใช้จ่าย 5% เป็นค่า Commission 5% และเหลืออีก 30% นั้นคือเงินที่ได้ไปใช้บำรุงการศึกษาการ พยาบาลและสาธารณประโยชน์อื่นๆ เป็นการช่วยแรงเงินงบประมาณของรัฐซึ่งอยู่ในยามฝืดเคืองด้วย กำหนดจะออกในต้นเดือนเมษายนในวันงานกาชาด”
หลวง บรรณกรโกวิท ถามว่า “เงินที่เหลืออีก 30% นั้นจะนับเป็นรายได้ในงบประมาณของรัฐบาลหรือว่าเพื่อทำ Charity” คำตอบนั้นคือไม่ใช่รายได้ แต่เพื่อการกุศล
สมัยนั้นสยามประเทศมีประชากร 12,000,000 คน จะออกลอตเตอรี่ขายเป็นเงิน 1,000,000 บาท ซึ่งสมัยนั้นถือว่ามากอยู่แต่เชื่อว่าจะขายได้ และรัฐก็จะมีเงินเก็บเป็นรายได้ภาษี 10% ซึ่งก็ไม่มากเลย กระนั้นยังมีผู้เสนอว่าน่าเก็บสัก 5% ดีว่าพระยามโนฯท่านบอกว่าทำไม่ได้ เพราะขัดตัวกฎหมาย ที่กำหนดไว้ และรายได้ที่เป็นกอบเป็นกำคือรายได้อีก 30% ที่กำหนดไว้ว่าจะต้องไปบำรุงการศึกษาและการสาธารณสุข
แต่เรื่องนี้ก็แปลกรัฐบาลบอกว่าเป็นเรื่องของฝ่ายบริหารแล้วก็มาเสนอต่อสภาฯเพื่อทราบและอนุญาตให้ไต่ถามได้เผื่อว่าจะได้ชี้แจง และเมื่อไปทำจะได้ไม่มีปัญหา ที่มันแปลกอย่างนี้ก็เพราะว่าเมื่อพูดกันไปได้สักพักหนึ่งประธานสภากลับสรุปดังที่บันทึกไว้ว่า
“เรื่องนี้เป็นแต่รัฐบาลได้นำเสนอให้ทราบ คือเป็นคำแถลงนโยบายเพิ่มเติมเพื่อขอความเห็นชอบจากสภาฯเพราะฉะนั้นถ้าไม่มีผู้ใดทักท้วงในหลักการนี้แล้วก็เป็นอันว่าสภาฯนี้เห็นชอบด้วยในการจะให้รัฐบาลออกลอตเตอรี่ได้ ไม่มีผู้ใดคัดค้าน ในที่สุดที่ประชุมได้อนุมัติให้รัฐบาลออกลอตเตอรี่ได้”
เรื่องการเสี่ยงโชคในการเล่นการพนันนั้น รู้ว่าคนไทยน่าจะชอบมานานแล้ว ได้มีการเล่นหวยที่มีก่อนหน้านั้นแล้ว ทั้งๆ ที่การเล่นหวยนั้นผู้ที่ออกหวยก็เป็นเอกชนนั่นเอง ไม่ใช่รัฐบาลเหมือนการออกลอตเตอรี่ ส่วนการออกลอตเตอรี่ก่อนหน้านี้ก็เคยมีมาแล้ว“เช่นลอตเตอรี่ สภากาชาด…” ที่เคยออกมาและก็ให้รางวัลเพียง 50% เช่นเดียวกันกับที่เสนอครั้งนี้
นรนิติ เศรษฐบุตร

น้ำในหลุมศักดิ์สิทธิ์ โซเชียลฮือฮา!ชาวบ้านกราบขอโชค‘กระโปกพระร่วง’
'สิริพงศ์'ฟาด'จอม-ทวี'ทำการบ้านน้อย กล่าวหา MotoGP เอื้อธุรกิจใคร
'สมชาย'ชวนจับตา! ปฏิบัติการจับ'ไทยเทา'เร็วๆนี้
สุดโรแมนติก! 'ใหม่-เต๋อ'จูงมือเข้าพิธีวิวาห์หวานราวเทพนิยาย
ผบช.ภ.4 สั่งทุกโรงพักเอกซเรย์เร่งปราบยาเสพติด-อาชญากรรมทุกรูปแบบ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี