วันพุธ ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / มองอย่างไท
มองอย่างไท

มองอย่างไท

ปิยะ เนตรวิเชียร
วันจันทร์ ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2567, 02.00 น.
การบริหารการคลัง กับวิกฤตการเงิน

ดูทั้งหมด

  •  

พระมหากษัตริย์ไทยผู้ทรงก่อตั้งอาณาจักรอยุธยาและทรงเป็นพระมหากษัตริย์ พระองค์แรกคือสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ หรือพระเจ้าอู่ทอง จากราชวงศ์สุพรรณภูมิ พระองค์ทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีในปีพุทธศักราช ๑๘๙๓ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่ง และอาณาจักรอยุธยาได้ดำรงคงอยู่มาเป็นระยะเวลา ๔๑๗ ปี

พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกที่จัดการปกครองบ้านเมืองโดยมีการจัดแบ่งโครงสร้างที่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ องค์พระบิดาแห่งประวัติศาสตร์ชาติไทยได้เรียกว่า จตุสดมภ์


เชื่อกันว่ารูปแบบการจัดการปกครองแบบจตุสดมภ์นั้น พระเจ้าอู่ทองทรงนำแบบอย่างมาจากขอม ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีอิทธิพลในดินแดนละแวกนี้มาแเต่เดิม โดยแบ่งส่วนการปกครองเป็น ๔ กรม คือกรมเวียง กรมวัง กรมคลังและกรมนา โดยผู้ที่รับผิดชอบจะมีตำแหน่งเป็นขุน คือขุนเวียง ขุนวัง ขุนคลัง และขุนนา

กรมเวียง ทำหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในราชอาณาจักร และทุกข์สุขของราษฎร ปราบโจรผู้ร้าย ตัดสินคดีความร้ายแรง

กรมวัง ทำหน้าที่ดูแลพระมหากษัตริย์และกิจการในพระราชสำนัก และพิพากษาคดีให้ราษฎร

กรมคลัง ทำหน้าที่ติดต่อการค้าขายกับต่างประเทศ การจัดเก็บภาษีอากรจากราษฎรและรายได้ของแผ่นดิน

กรมนา ทำหน้าที่ดูแลการทำมาหากิน การประกอบอาชีพของราษฎร และเก็บรักษาเสบียงอาหารเพื่อใช้ในยามศึกสงคราม

การปกครองแบบจตุสดมภ์นั้น ได้มีการใช้ต่อเนื่องมาจนถึงรัชสมัยของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์นานที่สุดในอาณาจักรอยุธยาคือ ๔๐ ปีโดยในปีพุทธศักราช ๒๐๐๖ ได้มีการปรับปรุงโดยจัดตั้งกรมใหญ่ขึ้น 2 กรม ได้แก่ กรมมหาดไทยและกรมกลาโหม

กรมมหาดไทย มีสมุหนายกเป็นอัครเสนาบดี มียศและพระราชทินนามว่า เจ้าพระยาจักรีศรีองครักษ์สมุหนายก เป็นผู้บังคับบัญชากิจการพลเรือนทุกหัวเมือง ควบคุมกรมต่างๆ ฝ่ายพลเรือนรวมทั้งกรมในจตุสดมภ์

กรมกลาโหม มีสมุหพระกลาโหมเป็นอัครเสนาบดี มียศและราชทินนามว่า เจ้าพระยามหาเสนาบดีวิริยะภักดีนรินทรสุรินทรฤาชัย มีหน้าที่ว่าราชการฝ่ายทหารทั้งในราชธานี และหัวเมืองต่างๆ ควบคุมดูแลกรมต่างๆ ที่เป็นกลุ่มฝ่ายทหาร

มีการเปลี่ยนชื่อกรมในจตุสดมภ์ทั้ง 4 กรม รวมทั้งหน้าที่รับผิดชอบดังนี้

กรมเวียง เปลี่ยนชื่อเป็นกรมพระนครบาล ทำหน้าที่ปราบโจรผู้ร้าย รักษาความสงบภายในราชอาณาจักร และตัดสินคดีความร้ายแรง มีพระยายมราชอินทราธิบดีฯเป็นเสนาบดี

กรมวัง เปลี่ยนชื่อเป็นกรมธรรมาธิกรณ์ ดูแลงานในพระราชสำนัก งานธุรการ การตัดสินคดีความ และแต่งตั้งยกกระบัตรดูแลหัวเมืองต่างๆ มีพระยาธรรมาธิบดีศรีวิริยพงษฯ หรือพระยาธรรมาาธิบดี เป็นเสนาบดีดูแล

กรมคลัง เปลี่ยนชื่อเป็นกรมโกษาธิบดี ทำหน้าที่เกี่ยวกับพระราชทรัพย์ การค้ากับต่างประเทศ บัญชีพัสดุและอาวุธของราชการ ดูแลพระคลังหลวง และรับรองทูตต่างประเทศรวมทั้งตัดสินคดีความของต่างชาติ มีพระยาศรีธรรมราชเดชาชาติอำมาตยานุชิตฯ หรือพระยาโกษาธิบดี เป็นเสนาบดี

กรมนา เปลี่ยนชื่อเป็นกรมเกษตราธิการ ทำหน้าที่ตรวจตราและส่งเสริมการทำนา เก็บข้าวไว้เป็นเสบียงยามสงคราม  ตัดสินคดีความเกี่ยวกับที่นาและออกกรรมสิทธิ์ที่นาแก่ราษฎร โดยมีพระยาพลเทพราชเสนาบดีฯ เป็นเสนาบดีรับผิดชอบกรมนี้

การเปลี่ยนรูปแบบการปกครองครั้งนี้เป็นผลมาจากเป็นช่วงที่อาณาจักรอยุธยาแผ่ขยายออกไปมากขึ้น รวมทั้งมีการผนวกอาณาจักรสุโขทัยเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยุธยาด้วยในปีพุทธศักราช ๑๙๘๑ ทำให้ต้องปฏิรูปเพื่อให้มีประสิทธิภาพและความมั่นคงยิ่งขึ้น โดยได้นำแนวความคิดของรูปแบบการปกครองจากอาณาจักรสุโขทัยมาใช้

การปกครองแบบจตุสดมภ์นี้ได้ถูกใช้บริหารราชการแผ่นดินมาอย่างต่อเนื่อง และมีการปรับปรุงเล็กน้อยในช่วงปลายสมัยอาณาจักรอยุธยา รวมทั้งในตอนต้นอาณาจักรรัตนโกสินทร์ด้วย จนกระทั่งถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงปฏิรูปการปกครองแผ่นดินอีกครั้งหนึ่งในปีพุทธศักราช ๒๔๓๕

จากเหตุและปัจจัย ๓ ประการคือการแผ่ขยายของลัทธิจักรวรรดินิยม และมีการทำสนธิสัญญาเบาว์ริง ที่ต้องมีการปรับปรุงระบบการค้าการจัดเก็บภาษีและระบบยุติธรรม การเกิดรัฐชาติคืออาณาจักรสยามขยายตัวออกไปมากขึ้น รวมทั้งความซับซ้อนทางสังคม ทำให้ภาระงานต่างๆ มีเพิ่มมากขึ้น การจัดการปกครองแบบจตุสดมภ์ไม่เพียงพอต่อการบริหารราชการแผ่นดิน พระองค์จึงทรงยกเลิกการปกครองดังกล่าวในวันที่ ๑ เมษายน ๒๔๓๕ และจัดตั้งกระทรวงจำนวน ๑๒ กระทรวงเพื่อทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน

กระทรวงทั้ง ๑๒ กระทรวงนั้นประกอบด้วยกระทรวงมหาดไทย กระทรวงนครบาล กระทรวงโยธาธิการ กระทรวงธรรมการ กระทรวงเกษตรพาณิชยการ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมุรธาธร กระทรวงยุทธนาธิการ กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และกระทรวงวัง ซึ่งเป็นที่มาของการบริหารในรูปแบบกระทรวงจนถึงปัจจุบันนี้

กระทรวงการคลังปัจจุบันนี้ มีที่มาจากกรมพระคลังมหาสมบัติ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงให้ตราพระราชบัญญัติไว้เมื่อวันที่ ๑๔ เมษายน พ.ศ.๒๔๑๘  มีการยกฐานะเป็นกระทรวงเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ ๒๔๓๓ และเปลี่ยนมาเป็นกระทรวงการคลังในวันที่ ๑ เมษายน ๒๔๓๕

กระทรวงการคลัง เป็นหน่วยงานของราชการ ทำหน้าที่เกี่ยวกับการเงินของแผ่นดิน การภาษีอากร การรัษฎากร กิจการเกี่ยวกับที่ดินราชพัสดุ กิจการอันกฎหมายบัญญัติให้เป็นการผูกขาดของรัฐ กิจการหารายได้ซึ่งรัฐมีอำนาจดำเนินการได้แต่เพียงผู้เดียวตามกฎหมาย กิจการซึ่งจะเป็นสัญญาผูกพันต่อเมื่อรัฐบาลได้ให้อำนาจหรือสัตยาบัน รวมทั้งการค้ำประกันหนี้ของส่วนราชการ องค์การรัฐ สถาบันการเงิน และรัฐวิสาหกิจ

รัฐบาลชุดปัจจุบัน ได้ประกาศนโยบายตั้งแต่การหาเสียงเลือกตั้งไว้แล้วว่า จะดำเนินการแจกเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท ให้กับประชากรประมาณ ๕๕ ล้านคน แต่เมื่อได้เข้ามาเป็นรัฐบาลแล้วก็ได้ปรับลดเหลือเพียง ๔๕ ล้านคน โดยจะให้แก่ประชากรที่อายุ ๑๖ ปีขึ้นไป มีรายได้เดือนละไม่เกิน ๗๐,๐๐๐ บาท และมีเงินฝากรวมกันไม่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท โดยอ้างว่าเพื่อเป็นการช่วยเหลือราษฎรและแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจของชาติ ซึ่งประเด็นหลังนี้มีผู้โต้แย้งเป็นจำนวนมาก โดยกระทรวงที่รับผิดชอบดำเนินการคือกระทรวงการคลัง จากเดิมที่หาเสียงไว้ว่าจะแจกเงินได้ประมาณ ๓ เดือนหลังจากเข้าปฏิบัติหน้าที่ ก็ได้เลื่อนมาตลอด เพราะมีประเด็นทั้งแหล่งเงินและกฎระเบียบตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ขณะนี้รัฐบาลได้อ้างว่ามีความพร้อมแล้วที่จะแจกเงินดังกล่าว และได้เริ่มให้ ประชาชนกลุ่มเป้าหมายแสดงความจำนงซึ่งก็คือการลงทะเบียนเพื่อจะขอรับเงินนี้ โดยผู้ที่มีโทรศัพท์มือถือสามารถลงทะเบียนผ่าน Application ซึ่งรัฐได้จ้างพัฒนาขึ้นตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคมเป็นต้นมา และจะเปิดให้ผู้ที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือ ได้ลงทะเบียนในเดือนต่อไป รวมทั้งการลงทะเบียนของร้านค้าที่จะเข้าร่วมด้วยโดยจะให้การลงทะเบียนสิ้นสุดภายในเดือนกันยายน

ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะได้ขอตั้งงบประมาณประจำปี ๒๕๖๗ เพิ่มเติมและผ่านความเห็นชอบจากสภาฯแล้วจำนวน ๑๒๒,๐๐๐ ล้านบาท แต่ตามระเบียบของการบริหารงบประมาณแผ่นดินนั้น งบของแต่ละปีจะไม่สามารถใช้ข้ามปีได้ เว้นแต่ได้มีการทำสัญญาที่เป็นการสร้างงบผูกพันไว้ก่อนสิ้นปีงบประมาณ

จึงเห็นได้ว่ารัฐบาลพยายามอย่างยิ่งที่จะเร่งรัดให้ประชาชนที่มีสิทธิลงทะเบียนให้มากที่สุดและแล้วเสร็จให้ทันปีงบประมาณคือภายในเดือนกันยายนนี้ เพื่อทำให้งบประมาณที่ขอตั้งเพิ่มเป็นงบผูกพันเพื่อนำออกมาใช้ให้ได้ทั้งหมดนั่นเอง

ได้แต่หวังว่าพายุหมุน ๔ ลูก ซึ่งโฆษกรัฐบาลได้กล่าวไว้ว่าจะทำให้เงินทั้งหมดที่ถูกจ่ายไปนั้นซึ่งไม่น่าจะถึง ๔๕๐,๐๐๐ ล้านบาท จะกระตุ้นเศรษฐกิจของชาติให้โตขึ้นกว่าเดิมได้จริง เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้น ภัยพิบัติด้านการเงินการคลังของชาติจากการมีหนี้สินจำนวนมหาศาล จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และเป็นวิกฤตการเงินที่แท้จริง แล้วใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ

ปิยะ เนตรวิเชียร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
13:24 น. สตม.โชว์ผลงาน! รวบ'ชาวจีน'หนีคดีค้ายา-แชร์ลูกโซ่
13:23 น. เชิญชมเทศกาลศิลปะ ‘พระนคร ออน โอ่งอ่าง : หันน่าเข้าคลอง’ 11-13 ก.ค.นี้
13:23 น. อำลาเจลีก!บีจีดึง'เจริญศักดิ์'คืนทัพสู้ไทยลีก
13:19 น. (คลิป) 'ณัฐวุฒิ'แซะ! ดาบในมือศาลรัฐธรรมนูญ อาจเป็นอาวุธทำลายฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง
13:19 น. 'พิธา' ของจริง หรือ ของปลอม? วิจารณ์แนวคิด'ขี้ข้าชาวตะวันตก' ไม่สอดคล้องความจริง
ดูทั้งหมด
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 กรกฎาคม 2568
‘มาครง’เผยคุย‘แพทองธาร’แล้ว ลั่นคนไทยไว้วางใจมิตรภาพจาก‘ฝรั่งเศส’ได้เสมอ
‘หม่อมปนัดดา‘ ปรากฏตัวกลางม็อบ ‘รวมพลังแผ่นดิน’ ของดให้สัมภาษณ์สื่อ
แกว่งเท้าหาเสี้ยน! ปรากฏการณ์แฉโพย‘สายส้ม’เข้มข้น-ล่อนจ้อน
'ออสเตรเลีย'ออกคำเตือนพลเมืองมา'ไทย'หลังพบวัตถุต้องสงสัยหลายเมืองท่องเที่ยวภาคใต้
ดูทั้งหมด
ต้นสนยักษ์ร่วมสมัยกับฟาโรห์
‘คลิปเขมร’เหตุอัปยศ‘แพทองธาร’
รู้ทันคอร์รัปชันด้วยวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่แค่ศีลธรรม
วาทกรรมเจ็บจี๊ด
อุ๊งอิ๊งค์ 2 ปรับ ครม. ฟอร์มาลีน
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

อำลาเจลีก!บีจีดึง'เจริญศักดิ์'คืนทัพสู้ไทยลีก

'พิธา' ของจริง หรือ ของปลอม? วิจารณ์แนวคิด'ขี้ข้าชาวตะวันตก' ไม่สอดคล้องความจริง

(คลิป) 'ณัฐวุฒิ'แซะ! ดาบในมือศาลรัฐธรรมนูญ อาจเป็นอาวุธทำลายฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง

ตำรวจพะเยาไล่ล่าแก๊งค้ายา ยิงสกัดยึดยาบ้า 1.5 แสนเม็ด คนร้ายเผ่นหนีเข้าป่า

ราชกิจจาฯ เผยแพร่ ประกาศกระทรวงมหาดไทย ขอสละสัญชาติไทย จำนวน 195 ราย

มีประโยชน์ยามเกิดภัยพิบัติ! ‘บก.ลายจุด’แนะแจก‘พาวเวอร์แบงก์’เป็นของที่ระลึก

  • Breaking News
  • สตม.โชว์ผลงาน! รวบ\'ชาวจีน\'หนีคดีค้ายา-แชร์ลูกโซ่ สตม.โชว์ผลงาน! รวบ'ชาวจีน'หนีคดีค้ายา-แชร์ลูกโซ่
  • เชิญชมเทศกาลศิลปะ ‘พระนคร ออน โอ่งอ่าง : หันน่าเข้าคลอง’ 11-13 ก.ค.นี้ เชิญชมเทศกาลศิลปะ ‘พระนคร ออน โอ่งอ่าง : หันน่าเข้าคลอง’ 11-13 ก.ค.นี้
  • อำลาเจลีก!บีจีดึง\'เจริญศักดิ์\'คืนทัพสู้ไทยลีก อำลาเจลีก!บีจีดึง'เจริญศักดิ์'คืนทัพสู้ไทยลีก
  • (คลิป) \'ณัฐวุฒิ\'แซะ! ดาบในมือศาลรัฐธรรมนูญ อาจเป็นอาวุธทำลายฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง (คลิป) 'ณัฐวุฒิ'แซะ! ดาบในมือศาลรัฐธรรมนูญ อาจเป็นอาวุธทำลายฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง
  • \'พิธา\' ของจริง หรือ ของปลอม? วิจารณ์แนวคิด\'ขี้ข้าชาวตะวันตก\' ไม่สอดคล้องความจริง 'พิธา' ของจริง หรือ ของปลอม? วิจารณ์แนวคิด'ขี้ข้าชาวตะวันตก' ไม่สอดคล้องความจริง
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

อย่าอยู่ต่อไปให้หนักแผ่นดิน

อย่าอยู่ต่อไปให้หนักแผ่นดิน

30 มิ.ย. 2568

ผู้นำอัปยศ กรรมของชาติ คนไทยยังทนได้หรือ

ผู้นำอัปยศ กรรมของชาติ คนไทยยังทนได้หรือ

23 มิ.ย. 2568

ทหาร จะปกป้องรักษาชาติ

ทหาร จะปกป้องรักษาชาติ

16 มิ.ย. 2568

แพทยสภา ต้องดำรงเกียรติ ศักดิ์ศรีและจริยธรรมแห่งวิชาชีพ

แพทยสภา ต้องดำรงเกียรติ ศักดิ์ศรีและจริยธรรมแห่งวิชาชีพ

9 มิ.ย. 2568

แผ่นดินไทย ต้องเป็นของไทย

แผ่นดินไทย ต้องเป็นของไทย

2 มิ.ย. 2568

อย่ายอมให้เขมรรุกรานแผ่นดินไทย

อย่ายอมให้เขมรรุกรานแผ่นดินไทย

26 พ.ค. 2568

ชาติจะเสียหาย หากยังฝืนทำต่อไป

ชาติจะเสียหาย หากยังฝืนทำต่อไป

19 พ.ค. 2568

แพทย์ พึงรักษาศักดิ์ศรีและจริยธรรมแห่งวิชาชีพ

แพทย์ พึงรักษาศักดิ์ศรีและจริยธรรมแห่งวิชาชีพ

12 พ.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved