บ้านเมืองของเรานั้น เอาเข้าจริงที่เป็นปัญหา ก็คือนักการเมือง..ตอนไม่มีนักการเมือง ซึ่งอยู่ในช่วงรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร..ก็นักการเมืองนั่นเองที่ออกมาพูดเรื่องประชาธิปไตย..โดยอ้างประชาชน
พอเป็นประชาธิปไตย ซึ่งนักการเมืองเป็นคนบอก..เพราะว่ามีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง..ก็กัดกันอย่างกับสุนัขแย่งชามข้าว..ส่งเสียงเห่า-แยกเขี้ยวยิงฟันใส่กัน..เป็นที่น่ารำคาญหูรำคาญตาของชาวบ้านที่นักการเมืองมักจะอ้างถึง
ปากบอกว่าจะทำเพื่อชาติเพื่อประชาชนให้อยู่ดีกินดี..แต่กลายเป็นว่า ผลประโยชน์ของนักการเมืองต้องมาก่อน..จึงแย่งตำแหน่งรัฐมนตรีเหมือนกับสุนัขแย่งชามข้ามอย่างที่กล่าว..โดยไม่สนใจว่าประชาชนหรือชาวบ้านที่ชอบอ้างกันนั้น..จะคิดอย่างไร..หรือรู้สึกสมเพชเวทนาแค่ไหน
ถ้าประชาธิปไตยเป็นแบบนี้..ผมก็คนหนึ่งที่ไม่เอาด้วย..ส่วนใครจะชอบหรือเพ้อๆ ฝันๆ..ว่ามีประชาธิปไตยแล้วประชาชนจะเป็นใหญ่..แบบ“โดยประชาชน-เพื่อประชาชน”อะไรประมาณนั้นก็ว่ากันไป
แต่สำหรับผมเห็นเช่นที่“ท่านพุทธทาสภิกขุ”ได้แสดงธรรมไว้..ว่า ประชาธิปไตยหมายถึง “ประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่”..ไม่ใช่“ประชาชนเป็นใหญ่”..ซึ่งท่านพุทธทาสกล่าวว่า “ถ้าประชาชนเป็นใหญ่ ประชาชนเห็นแก่ตัว..ประชาชนบ้าๆ บอๆ..ก็ฉิบหายหมด”
ถ้าคิดตามที่ท่านพุทธทาสแสดงธรรมไว้..นักการเมืองก็คือประชาชน..เพราะเป็นตัวแทนที่อ้างว่ามาจากการเลือกตั้งของประชาชน..ก็เข้าลักษณะ“ประชาชนที่เห็นแก่ตัว”..เป็นพวก“ประชาชนบ้าๆ บอๆ”..ซึ่งคิดแต่ประโยชน์ของตนเองเป็นหลัก..จึงทำให้ต้องกัดกันอย่างสุนัข
สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ถูกพรรคการเมืองและนักการเมืองซึ่งอ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยกล่าวหาว่าเป็น“เผด็จการ”นั้น..ในช่วงสี่ปีของรัฐบาลผสมที่มีพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำ..โดยมี พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี และอยู่จนครบวาระ..จะเห็นว่า ไม่มีปัญหาเรื่อง“สุนัขกัดกัน”เพราะ“แย่งชามข้าว”..ตั้งแต่เริ่มฟอร์มรัฐบาล
การปรับคณะรัฐมนตรีสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา..มีเพียงแค่แต่งตั้งคนใหม่เข้าไปแทนที่คนเก่าที่ลาออกใบบางตำแหน่งเท่านั้น
อีกทั้ง การปรับคณะรัฐมนตรี..ก็มีเพียงแค่แต่งตั้งคนใหม่เพิ่มเข้าไปแทนตำแหน่งที่ว่างลง..จะมีที่ปรับใหญ่ถึง 3 ตำแหน่งก็ในปลายเดือนพฤศจิกายน 2565..เพราะมีเหตุมาจากการปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า..พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร..และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์..พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ในเดือนกันยายนปี 2564..รวมทั้งการลาออกของนายนิพนธ์ บุญญามณี ที่ยื่นใบลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในปี 2565..เป็นการแต่งตั้งคนใหม่เข้าไปเพิ่มในคราวเดียวกันหลังจากนายนิพนธ์ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี
เมื่อกลับหันมามองดู ณ เวลานี้..นักการเมืองที่ประชาชนทั่วไปเห็นแล้วเกิดความรู้สึกสมเพชเวทนาที่สุด ก็คือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ..ที่ออกมาดิ้นพล่านให้ชาวบ้านเห็นอย่างล่อนจ้อน..เพราะการที่พรรคพลังประชารัฐออกแถลงการณ์ในช่วงบ่ายเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมวานนี้..เท่ากับเป็นเกมที่เหนือชั้นกว่าของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรค
จากแถลงการณ์ดังกล่าวของพรรคพลังประชารัฐ..ได้ยืนยันว่าการเสนอชื่อรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐต่อ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 20 สิงหาคม 2567 นั้น..พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้ส่งรายชื่อบุคคลตามที่พรรคเห็นชอบจำนวน 4 คน..โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งและบุคคลใดๆ..ที่เคยดำรงตำแหน่งในกระทรวงต่างๆ สมัยรัฐบาล“เศรษฐา ทวีสิน..ซึ่งก็เท่ากับว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า..ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯตามเดิมด้วย
และแถลงการณ์ของพรรคพลังประชารัฐฉบับนี้ก็สอดคล้องต้องตรงกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ที่เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวในวันที่ 21 สิงหาคมวานนี้เช่นกันว่า..พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคได้ส่งรายชื่อรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดใหม่ครบทั้งหมดแล้ว..รวมถึงพรรคพลังประชารัฐด้วย..โดยขั้นตอนต่อจากนี้..จะส่งรายชื่อทั้งหมดให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรี..ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ตรวจสอบคุณสมบัติ..เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และ ป.ป.ช.
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช กล่าวว่า “หากมีข้อสงสัยก็จะส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบอีกครั้ง..ทุกอย่างจะเป็นไปอย่างรอบคอบ..ส่วนการแต่งตั้งรัฐมนตรีก็ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี..ที่จะนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อโปรดเกล้าฯแต่งตั้งต่อไป”
ดังนั้น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เจ้าของฉายา“แป้ง”..จะได้เป็นรัฐมนตรีหรือไม่ได้เป็นรัฐมนตรี..จากการที่มีปูมหลังเรื่องเคยถูกจับกุมที่ประเทศออสเตรเลียเมื่อปี 2536..ฐานมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องกับการนำเข้าเฮโรอีนในปริมาณเพื่อการค้าเข้าไปยังประเทศออสเตรเลีย..และถูกศาลออสเตรเลียสั่งจำคุก 6 ปี..มิใช่เป็นเพราะว่าพรรคพลังประชารัฐไม่ได้เสนอชื่อ..แต่เป็นเรื่องของหน่วยงานต่างๆ ที่มีการ“ตรวจเข้ม”ว่าจะให้ผ่านหรือไม่ให้ผ่าน
แต่ถึงกระนั้น ทางฝ่าย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็ยังปล่อยข่าวออกมาหลังแถลงการณ์ของพรรคพลังประชารัฐว่า..ทางกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัสยอมหั่นโควตารัฐมนตรีเหลือ 2 เก้าอี้ คือ 1 ว่าการ กับ 1 รัฐมนตรีช่วย ..ส่วนอีก 2 เก้าอี้คือ 1 ว่าการ กับ 1 รัฐมนตรีช่วยได้แบ่งให้แก่พรรคประชาธิปัตย์ที่จะเข้าร่วมนรัฐบาลด้วย..โดยไม่มีโควตาจากกลุ่มของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แม้แต่เก้าอี้เดียว
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเรื่อง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และพรรคพลังประชารัฐ จะจบในชั้นนี้อย่างไร..ในอนาคตข้างหน้าของรัฐบาลชุดนี้..ก็ยังมีปัญหาที่จะต้องเผชิญอีกมากมายหลายเรื่อง..ลำพังเรื่องของ“ทักษิณ ชินวัตร”ที่เข้ามา“ครอบงำ-ครอบครอง”ลูกสาว คือ“แพทองธาร ชินวัตร” กับพรรคเพื่อไทยในฐานะ“คนนอก”..แบบแสดงตนเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงเสียงจริงของรัฐบาลชุดนี้ตั้งแต่วันที่ลูกสาวได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นนายกฯ..ก็หมิ่นเหม่ต่อการที่พรรคเพื่อไทยจะถูกยุบพรรค
มิหนำซ้ำ ยังจะส่งผลกระทบไปถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ“คุณหนูอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร”..ที่หลังจากได้รับโปรดเกล้าฯเป็นนายกรัฐมนตรี..สื่อต้องเขียนนิคเนมหรือชื่อเล่นว่า“อิ๊งค์”โดยมี“ทัณฑฆาต”หรือตัวการันต์กำกับอยู่บนหัว“ค.ควาย”..ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยอีกด้วย
ถ้า“ทักษิณ ชินวัตร”ยังไม่เปลี่ยน“นิสัยถาวร”ที่ชอบเข้าไปบงการทุกเรื่อง..แบบ“รู้ทุกเรื่อง-ฉลาดทุกเรื่อง-ใหญ่ทุกเรื่อง”..ลูกสาวก็จะพลอยจบเห่ไปด้วย !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี