วันพฤหัสบดี ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
เปิดสภาฯ มีผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งเข้ามาร่วมในสภาแล้ว เรื่องเก่าคือเหตุแห่งการปิดสภาฯก็กลับมาเป็นเรื่องถกแถลงกันอีก ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องโดยตรงกับพระยามโนฯ แต่เป็นเรื่องของหลวงประดิษฐ์มนูธรรม ดังที่ปรากฏในการประชุมในวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2476 นายฟัก ณ สงขลา ผู้แทนราษฎรจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ลุกขึ้นเสนอต่อสภาให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ
“…เมื่อวันที่ 1 เมษายนศกนี้ รัฐบาลพระยามโนปกรณ์นิติธาดา ได้สั่งปิดสภาผู้แทนราษฎรนี้ โดยกล่าวว่า เนื่องจากรัฐมนตรีส่วนน้อยมุ่งที่จะดำเนินการปกครองไปในทำนองแบบคอมมิวนิสต์ และสภาผู้แทนราษฎรในสมัยนั้นมีสมาชิกเป็นส่วนมากไม่พยายามจะดำเนินตามญัตติของรัฐบาล คณะรัฐมนตรีส่วนมากจึงสั่งปิดสภาฯนั้นเสียต่อมาปรากฏชัดว่า การปิดสภานั้นเป็นการไม่ชอบด้วยระบอบรัฐธรรมนูญ จึ่งได้มีการปฏิวัติขึ้นใหม่และเปิดสภาฯขึ้น และเมื่อได้เปิดสภาฯนี้ขึ้นแล้ว รัฐบาลได้แถลงว่ารัฐบาลจะไม่ดำเนินการปกครองตามแบบลัทธิคอมมิวนิสต์ แต่สมาชิกในสภาฯนั้นยังไม่ทราบชัด เพราะยังไม่ได้มีการพิจารณากัน บัดนี้รัฐบาลได้เรียกตัวหลวงประดิษฐ์ฯเข้ามาร่วมการงาน … เรื่องนี้จนกระทั่งบัดนี้ยังเคลือบคลุมอยู่ ยังไม่ประจักษ์แจ้งลงไปว่า คณะรัฐมนตรีส่วนน้อยนั้นเป็นคอมมิวนิสต์หรือไม่ เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงเห็นเป็นการสมควรที่จะให้มีการพิจารณากันให้ประจักษ์แจ้งลงไปว่า มีมลทินหรือไม่การพิจารณาว่ามีมลทินหรือไม่นั้นก็อยู่ที่การพิจารณาว่า หลวงประดิษฐ์มนูธรรมเป็นคอมมิวนิสต์หรือไม่ วิธีการพิจารณานี้ ข้าพเจ้าเห็นว่าอาจทำได้ ด้วยตั้งกรรมาธิการขึ้นคณะหนึ่ง ประกอบด้วยบุคคลผู้ทรงไว้ซึ่งความยุติธรรมที่จะพิจารณาการนี้ได้ เมื่อที่ประชุมรับรองญัตติของข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะได้เสนอนามกรรมาธิการวิสามัญต่อไป”
หลังจากสภาฯมีมติให้พิจารณาเรื่องนี้แล้วนายฟัก ณ สงขลา ได้เสนอชื่อกรรมาธิการ จำนวน 3 นาย คือ หม่อมเจ้าวรรณไวทยากร วรวรรณพระยานลราชสุวัจน์ และ พระยาศรีสังกร ถึงตอนนี้ นายกรัฐมนตรีได้ลุกขึ้นกล่าวว่า ท่านไม่ขัดข้องใน 3 คนนี้แต่อยากให้มีผู้ที่เป็นกลางจริงๆโดยให้เลือกจากภายนอกด้วยก็ดี และท่านได้เสนอผู้เชี่ยวชาญสองคนคือ “เซอร์โรเบอร์ตฮอลแลนด์ คนหนึ่งกับ มองซิเออร์กียอง” นับว่าผู้เชี่ยวชาญเป็นคนนอกเลยทีเดียว
จากนั้นได้มีเสนอชื่อกันอีกหลายคน รวมทั้งชื่อพระสารสาสน์ประพันธ์ กรณีพระสารสาสน์ฯนั้น นายกรัฐมนตรีขัดข้องเพราะเป็นคนในรัฐบาล ที่ประชุมจึงลงเอยมีมติตั้ง 3 กรรมาธิการ กับ 2 ที่ปรึกษา ตามที่มีการเสนอแต่แรก คณะกรรมาธิการได้เลือกหม่อมเจ้าวรรณไวทยากร เป็นประธานและเลือกพระยานลราชสุวัจน์ เป็นเลขานุการ คณะกรรมาธิการได้ใช้เวลาประมาณ 2 เดือน จึงสรุปผลได้ และมีการประชุมกันในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2476 ซึ่งคณะกรรมาธิการได้เชิญหลวงประดิษฐ์มนูธรรมเข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อจะได้ตรวจสอบคำชี้แจงต่างๆของตัวเอง และได้มีการแก้ไขถ้อยคำให้ถูกต้องเป็นที่รับรองแล้ว จากนั้นคณะกรรมาธิการได้มีมติ ว่า “คณะกรรมาธิการลงมติเป็นเอกฉันท์ว่า หลวงประดิษฐ์ไม่มีมลทินเป็นคอมมิวนิสต์ดังที่กล่าวหานั้นเลย” ต่อมาในวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2476 สภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาในเรื่องนี้และมีมติเห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมาธิการในวันนั้นพระยาพหลฯ นายกรัฐมนตรีได้แถลงว่า
“เรื่องที่หลวงประดิษฐ์ฯ ต้องหานี้ ที่จริงข้าพเจ้ารักษาความเป็นกลางไว้ ข้าพเจ้ารู้ดีในเรื่องเหล่านี้ แต่ข้าพเจ้าไม่อยากจะแสดงออกไปให้มหาชนเห็นว่า ข้าพเจ้าเข้าข้างหลวงประดิษฐ์ฯ หรือข้าพเจ้ามีใจเอนเอียงไปในทางนั้น เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงปิดเนื้อความเอาไว้ในใจให้เป็นไปในทางที่บริสุทธิ์ดี ที่ข้าพเจ้ารู้สึกว่าความยุติธรรมหนีความยุติธรรมไม่พ้น”
เมื่อหลวงประดิษฐ์ฯ พ้นจากมลทินแล้วท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2476 แทนพระยาพหลฯ
นรนิติ เศรษฐบุตร

‘อธ.อัยการต่างประเทศ’ต้อนรับผู้แทนอัยการจีน-ขอไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมอสส.จีน-อาเซียน
ยุบสภา 12 ธันวา?! ‘อนุทิน’ลั่นพร้อมหากรอกันไม่ไหว รับ‘รบ.เสียงข้างน้อย’อภิปรายดีแค่ไหนก็แพ้
‘นายกฯ’ลั่นต้องมีคนรับผิดชอบ เหตุทหารกัมพูชาจุดประทัด ชัดแล้วใครกันแน่ละเมิดปฏิญญา
'หมอมุกกินเค้ก'โดนแล้ว! 'ติ๊กต๊อก'เพิกถอนรางวัล 'Rising Creator of the Year'
‘อนุทิน’รับยังไม่คุย‘ศุภจี’นั่งแคนดิเดต ตอก‘มาร์ค’อย่ายุ่งเรื่อง‘ภูมิใจไทย’

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี