ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติหลั่งไหลมาเที่ยวประเทศไทย ล่าสุด จ่อทะลุ 34 ล้านคนก่อนสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน
ตั้งแต่ 1 ม.ค. – 15 ธ.ค. นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาไทยแล้ว 33.4 ล้านคน
เพราะฉะนั้น ก่อนสิ้นปี 2567 เหลือเวลาอีก 15 วัน เฉลี่ยจะเดินทางเข้ามาไม่ต่ำกว่าวันละ 1 แสนคน
แน่นอนว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาปีนี้ มีโอกาสจะทะลุ 35 ล้านคน !!!
เป็นข่าวดีสำหรับประเทศไทย และเศรษฐกิจไทย
1. คาดว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติ 35 ล้านคนนั้น จะสร้างรายได้รวมกับคนไทยเที่ยวในประเทศแล้ว ประมาณ 2.8 -2.9 ล้านล้านบาท
โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติอันดับหนึ่ง จากประเทศจีน
อันดับสอง คือ มาเลเซีย
อันดับ 3-5 คือ อินเดีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย ตามลำดับ
2. ภาคธุรกิจการท่องเที่ยว โรงแรม ฟื้นตัว และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในช่วงปี 2567-2569
วิจัยกรุงศรี คาดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะฟื้นตัวกลับมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อน COVID-19 (38-40 ล้านคน) ได้ในปี 2568
ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวไทย คาดว่าน่าจะมีโอกาสถึงระดับ 200ล้านทริปได้ในปี 2568
ปัจจัยสนับสนุน ได้แก่
1) การทยอยกลับมาของนักท่องเที่ยวตลาดหลัก แม้ว่าตลาดจีนจะยังฟื้นตัวช้าจากภาวะซบเซาทางเศรษฐกิจทำให้นักท่องเที่ยวจีนยังเน้นการท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก กอปรกับจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศของจีนยังไม่เพิ่มขึ้นเท่าปี 2562 ทำให้จำนวนที่นั่ง (Airline Capacity) ของเที่ยวบินจากจีนมาไทยยังไม่กลับมาเท่าภาวะปกติ
2) สถานการณ์ด้านการบินระหว่างประเทศที่คาดว่าจะกลับมาเป็นปกติในปีนี้ 2567
3) มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวจากภาครัฐ ที่สำคัญ ได้แก่ (1) การยกเว้นวีซ่า (Visa Free) เป็นการถาวรสำหรับนักท่องเที่ยวจีน เริ่มตั้งแต่ 1 มีนาคม 2567 (2) การยกเว้นวีซ่านักท่องเที่ยวอินเดียและไต้หวัน (มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 10 พฤศจิกายน 2566 - 15 พฤษภาคม 2567) (3) การขยายระยะเวลายกเว้นวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวคาซัคสถานออกไปอีก 6 เดือน จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2567 (จากเดิมที่สิ้นสุด 29 กุมภาพันธ์ 2567) แม้นักท่องเที่ยวคาซัคสถานจะมาไทยน้อยมาก (สัดส่วน <1%) แต่มีแนวโน้มเติบโตดีและมีกำลังซื้อสูง (4) การขยายเวลาวีซ่าฟรีแก่นักท่องเที่ยวรัสเซียจากเดิม 30 วันเป็น 90 วัน (มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2566 - 30 เมษายน 2567) และ (5) การโรดโชว์ที่มีเป้าหมายขยายตลาดใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง
ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อภาวะการท่องเที่ยวในช่วงปี 2567-2569 ได้แก่
1) ความขัดแย้งระหว่างประเทศ จากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical Conflict) มีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อการเดินทางระหว่างประเทศทั่วโลก ได้แก่ สงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสในพื้นที่ฉนวนกาซา (Gaza Strip) สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ประเด็นไต้หวันที่ยังต้องจับตามอง อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและตลาดท่องเที่ยวต่างชาติ โดยราคาน้ำมันที่อาจทรงตัวสูงจะเพิ่มต้นทุนการเดินทาง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวระยะไกลอย่างตลาดยุโรปและสหรัฐฯ เป็นต้น
2) นักท่องเที่ยวจีน อาจยังเน้นการท่องเที่ยวในประเทศจีนเป็นหลักหากภาวะเศรษฐกิจของประเทศยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ รวมถึงความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยต่อการท่องเที่ยวในไทยที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากความปลอดภัยเป็นปัจจัยที่อ่อนไหวต่อนักท่องเที่ยวจีน (และประเทศอื่นในเอเชียตะวันออก) มากกว่าประเทศอื่นๆ
3) นักท่องเที่ยวไทยมีแนวโน้มจะยังคงระมัดระวังค่าใช้จ่ายด้านการเดินทาง ผลจากค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่ยังสูงซ้ำเติมกำลังซื้อที่ยังอ่อนแอจากภาระหนี้ครัวเรือนที่ทรงตัวสูง
3. มาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย นอกจากสร้างรายได้ให้ประเทศไทยแล้ว ยังเป็นตัวช่วยรักษาเสน่ห์ของประเทศไทยด้วย
เป็นมาตรการหนึ่งที่ควรสนับสนุนและดำเนินการต่อเนื่อง
สำหรับรายได้จากการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทย ปี 2567 มีจำนวน 9 เรื่อง วงเงินลงทุน 2,241 ล้านบาท
ปี 2566 ถ่ายทำ 14 เรื่อง วงเงิน 3,813 ล้านบาท
และปี 2565 จำนวน 12 เรื่อง เงินลงทุน 2,499 ล้านบาท
โดย 7 ปีย้อนหลัง ตั้งแต่ปี 2560-2567 มีภาพยนตร์ต่างประเทศเข้าร่วมการส่งเสริมการถ่ายทำในไทย จำนวน 72 เรื่อง วงเงินลงทุน 16,102 ล้านบาท
เรามีมาตรการสนับสนุนส่งเสริม โดยพิจารณาคืนเงินแล้ว 52 เรื่อง ลงทุน 9,669 ล้านบาท คืนเงิน 1,534 ล้านบาท
ในส่วนปี 2566-67 มีจำนวน 20 เรื่อง เงินลงทุน 6,433 ล้านบาทคืนเงิน 1,310 ล้านบาท
ล่าสุด ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบทบทวนมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย
โดยการปรับเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขมาตรการส่งเสริม 2 ส่วน ได้แก่
ส่วนที่ 1 ปรับอัตราการคืนเงิน (Cash Rebate) จากเดิม 15-20% เป็น 15-30% โดยสิทธิประโยชน์หลักอยู่ที่ 15% เมื่อมีการลงทุนในประเทศไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท ส่วนสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมรวมแล้วไม่เกิน 15%
หลังจากนี้ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะดำเนินการปรับปรุง ประกาศกรมการท่องเที่ยวในส่วนของเงื่อนไขการรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมดังกล่าว จะส่งผลต่อการฟื้นฟูกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย กระจายรายได้สู่เมืองรอง การเพิ่มการจ้างงานคนไทย การเพิ่มมูลค่า ค่าใช้จ่ายในประเทศ ซึ่งเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนและประชาชนโดยตรง ส่งเสริม Soft Power ของไทยไปยังต่างประเทศ
ส่วนที่ 2 ยกเว้นการจำกัดวงเงินคืนต่อเรื่อง เพื่อเป็นการรองรับกับแนวโน้มที่คณะถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ ที่เข้ามาในไทยเป็นผู้สร้างรายใหญ่ เงินทุนสูง เพิ่มความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ต่างประเทศ
เหตุที่ต้องเพิ่มเติมแรงจูงใจ เพราะว่า ปัจจุบัน ประเทศต่างๆ เห็นประโยชน์จากธุรกิจถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ จึงได้ออกมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำในรูปแบบการคืนเงิน (Cash Rebate) หรือคืนภาษี (Tax Rebate/Tax Credit) เพื่อดึงดูดผู้สร้างภาพยนตร์ให้เข้าไปถ่ายทำในประเทศตนอย่างต่อเนื่อง
ด้วยเหตุนี้ ไทยเองก็ต้องปรับเกณฑ์และเงื่อนไขให้สอดคล้องกับสภาพการณ์และการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงไป
4. มาตรการส่งเสริมสนับสนุนดึงดูดกองถ่ายต่างชาติเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยนั้น มีมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลลุงตู่
ได้เคยยกให้เป็นนโยบาย “กุ้งฝอย” ตกเอาปลากะพง (กองถ่ายหนังต่างประเทศ)!!!
คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
มารัฐบาลปัจจุบัน ยังดำเนินการต่อเนื่อง และเพิ่มแรงจูงใจ เพื่อแข่งขันกับต่างชาติ จึงขอสนับสนุนเต็มที่
การส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย โดยให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้สร้างภาพยนตร์ที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ในรูปแบบการคืนเงิน (Cash Rebate) ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยดึงดูดกองถ่ายต่างชาติ
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมภาพยนตร์โลกมีการแข่งขันสูงมาก ผู้สร้างภาพยนตร์มีทางเลือกหลากหลายมากขึ้น หลายประเทศมีมาตรการทางการเงินและมาตรการทางภาษีเพื่อดึงดูดให้เกิดการลงทุนสร้างภาพยนตร์ในประเทศตน
ทางการไทยก็ต้องทบทวน ปรับเพิ่ม เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
เพราะเงินกองถ่าย ถูกใช้จ่ายหมุนเวียนในบ้านเรา
ผลงานหลังการถ่าย ก็ยังมีส่วนช่วยดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาใช้เงินในบ้านเราอีกด้วย
เพียงแต่ต้องระวัง คือ อย่าให้เกิดกรณีเหมือนกองถ่ายหนังในอดีตที่ไปถ่ายทำที่อ่าวมาหยา แล้วสร้างความเสียหาย หรือถ่ายทำแล้วสร้างผลเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยร้ายแรง เป็นต้น
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี