วันอาทิตย์ ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / มองอย่างไท
มองอย่างไท

มองอย่างไท

ปิยะ เนตรวิเชียร
วันจันทร์ ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2568, 02.00 น.
บ่อนการพนัน ผีชั่วร้ายของแผ่นดิน

ดูทั้งหมด

  •  

หลักฐานทางประวัติศาสตร์ระบุว่าการพนันมีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน ในช่วงประมาณ ๑๐๐ ปีก่อนคริสต์ศักราช ก่อนที่จะมีการเผยแพร่ไปยังอินเดีย บาบิโลน และประเทศตะวันตก สำหรับในประเทศไทยนั้นเชื่อกันว่าการพนันถูกนำเข้ามาโดยพ่อค้าชาวจีน บ้างก็บอกว่ามาจากชาวอินเดียที่นำศาสนาพุทธมาเผยแพร่ในสมัยที่กรุงสุโขทัยเป็นราชธานี

การเติบโตของการพนันจากสมัยอาณาจักรสุโขทัยมายังสมัยอาณาจักรอยุธยาได้มีหลักฐานปรากฏอยู่ในกฎหมาย ๒ ฉบับ คือ “กฎหมายลักษณะพยาน” ในสมัยพระเจ้าอู่ทอง ผู้ก่อตั้งอาณาจักรอยุธยาว่า ห้ามมิให้ฟังคำคนเล่นเบี้ยบ่อนเป็นพยาน เว้นแต่ความยินยอม อีกฉบับหนึ่งคือ “พระธรรมนูญ” สมัยพระเจ้าทรงธรรมที่กล่าวว่า พระยาราชภักดีมีหน้าที่ออกตราปักษาวายุภักษ์ กำกับเจ้าจำนวนตั้งนายอากรบ่อนเบี้ย แต่เรื่องนี้สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ยังมิทรงเชื่อว่าเป็นเช่นนั้น


หลักฐานอีกชิ้นหนึ่งที่ปรากฏอยู่ใน “หมวดพระราชกำหนดเก่า” สมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ กล่าวถึงการที่มีผู้ยื่นเรื่องกราบบังคมทูลขอตั้งบ่อนเบี้ยที่เมืองราชบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรปราการ เพื่อแลกกับการได้ภาษีอากร ปรากฏว่า พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ทรงพระพิโรธเป็นอย่างมาก เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องผิดธรรมเนียมแต่โบราณกาลและจะทำให้ราษฎรเดือดร้อน ให้มีการลงพระราชอาญาผู้ที่ทูลเกล้าฯถวายเรื่องนี้

บันทึกของเอกอัครราชทูตพิเศษฝรั่งเศส “มองสิเออร์ เดอ ลา ลูแบร์” ที่เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ในพ.ศ.๒๒๓๐ ว่า “ชาวสยามค่อนข้างรักการเล่นการพนันเสียเหลือเกิน จนยอมผลาญตัวเองให้ฉิบหายได้ ทั้งเสียอิสรภาพความต้องการของตัวเองหรือลูกเต้า เมืองนี้ใครไม่มีเงินพอจะใช้เจ้าหนี้ก็ต้องขายลูกใช้หนี้สิน แม้ถึงเช่นนี้แล้วก็ยังมิพอเพียง ตัวเองก็ต้องตายตกเป็นทาส....”

หลักฐานในปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาช่วงปี พ.ศ.๒๒๓๑-๒๒๗๕ กล่าวว่ามีการเล่นการพนันชนิดหนึ่งเรียกว่ากำตัด คล้ายคลึงกับการเล่นกำถั่วของจีน เป็นการละเล่นแบบเดิมพันที่ใช้เม็ดถั่ว เม็ดมะขาม หรือเม็ดพืชที่มีลักษณะกลมๆ เป็นตัวกลาง ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนมาใช้เป็นลูกปัด ส่วนการพนันอื่นๆ ที่นิยมเล่นกัน ได้แก่ การกัดปลา กัดจิ้งหรีด ชนไก่ วิ่งวัว วิ่งควาย แข่งเรือ ไพ่งา

ในเรื่องของการเปิดบ่อนเพื่อเล่นการพนันนั้น น่าจะเกิดขึ้นในช่วงสมัยอยุธยาตอนปลาย โดยการเปิดบ่อนเบี้ยนี้เกิดขึ้นจากกลุ่มชุมชนชาวจีน โดยต้องได้รับอนุญาต ที่นิยมเล่นกันคือการเล่นถั่วโป และผู้ที่ขอตั้งบ่อนและเล่นการพนันนี้จะต้องเสียเงินเข้าท้องพระคลัง เรียกว่าค่าอากรบ่อนเบี้ยการอนุญาตให้คนไทย สามารถเข้าไปเล่นถั่วโปได้ เกิดขึ้นในสมัยกรุงธนบุรี ซึ่งเป็นช่วงที่มีการศึกสงครามเยอะ การอนุญาตนั้นจึงเป็นการผ่อนปรนเพื่อให้ไพร่พลทหารทั้งหลาย ได้เล่นเพื่อเป็นการผ่อนคลาย

ในสมัยรัชกาลที่ ๒ ได้มีการแบ่งแขวงของอากรบ่อนเบี้ย เนื่องจากได้มีบ่อนเบี้ยแพร่หลายออกไปตามหัวเมืองต่างๆ มากขึ้น และเป็นรายได้ส่วนหนึ่งที่ถูกจัดเก็บเข้ามา และสืบเนื่องมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ ๓

ในสมัยรัชกาลที่ ๔ มีการกำหนดค่าอากรการพนันขึ้น โดยมีการกำหนดประเภทการพนันที่จะต้องเสียภาษีอากรบ่อนเบี้ย ถึงแม้จะมีรายได้เกิดขึ้น แต่ก็เริ่มเกิดปัญหาทางสังคมพอประมาณ เริ่มเกิดคดีลักทรัพย์แม้แต่ในเขตพระราชฐาน ที่เป็นผลมาจากการเล่นการพนันและเป็นหนี้สินกันเกิดขึ้น ทำให้มีพระราชโองการว่า “ห้ามมิให้พระองค์เจ้า หม่อมเจ้าเจ้าจอม หม่อมพนักงาน ท้าวนางจ่าโขลน ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย แลข้าเจ้าบ่าวนายที่อยู่ในพระบวรราชวังคบหากันตั้งบ่อนโป บ่อนถั่ว บ่อนกำตัด บ่อนเล่นแปดเก้า แทงหวย แลเล่นการพนันต่างๆ ซึ่งจะให้เสียทรัพย์สิ่งสินแก่กัน หากมีการจับได้ก็ให้ปรับไหมผู้ที่เป็นนายบ่อนคนละ ๑๐ ตำลึง ผู้ที่เล่นด้วยกันคนละ ๕ ตำลึง แล้วนำความกราบบังคมทูลให้ทรงทราบใต้ละอองธุลีพระบาท จะได้โปรดเกล้าฯให้ลงพระราชอาญาแก่ผู้กระทำผิดให้สาหัส”

ในตอนต้นสมัยรัชกาลที่ ๕ บ่อนเฟื่องฟูถึงขนาดที่มีการจัดทำ “ปี้” เอามาใช้แทนเงินสด ซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าได้ โดยทำจากกระเบื้องสีสันลวดลายสวยงาม เริ่มมีการใช้ชีวิตกินนอนในบ่อน โดยใช้ปี้ซื้อของกินตามร้านรวงต่างๆ ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าก็รับไว้เพราะใช้ง่าย แลกคืนเมื่อไรก็ได้ และเริ่มเผยแพร่ออกมานอกวงนักพนัน จนรัฐบาลต้องสั่งห้ามทำปี้นี้เพราะกระทบระบบการเงินของประเทศ

ในคราวหนึ่งที่รัชกาลที่ ๕ ได้เสด็จประพาสยุโรป และมีโอกาสเข้าไปในบ่อนการพนันที่มอนติคาโล ทำให้พระองค์ทรงเห็นปัญหา จึงได้มีจดหมายถึงสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพว่า 

“ถึงกรมดำรง ฉัน....

ได้เรียนตำราเล่นเบี้ยอย่างฝรั่งเข้าใจแล้ว ข้อซึ่งเข้าใจกันว่าเล่นไม่น่าสนุกนั้น ไม่จริงเลย สนุกยิ่งกว่าอะไรๆ หมด ถ้าชาวบางกอกรู้ได้ไปเล่นแล้ว ชิบหายกันไม่เหลือ ถ้าหากว่าไปถึงเมืองเราเข้าเมื่อไร จะรอช้าแต่สักวันเดียวก็ไม่ควร ต้องห้ามทันที ถ้ารู้ถึงผู้ดีเล่นเบี้ยของเราน่ากลัวอย่างยิ่งจะดื่มไม่เงย แต่ฉันเป็นคนไม่เล่นเบี้ยเลย ยังนึกรู้สึกสนุกได้.....

สยามินทร์”

เมื่อเสด็จกลับถึงเมืองไทย ได้โปรดให้ลดจำนวนบ่อนเบี้ยตั้งแต่พ.ศ. ๒๔๓๑ เป็นต้นมา โดยค่อยๆลดลงเรื่อยๆ ในปี พ.ศ. ๒๔๔๙ ให้เลิกบ่อนเบี้ยที่อยู่ตามหัวเมืองทั้งหมด และลดจำนวนบ่อนเบี้ยในกรุงเทพฯลงต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๕๙ ทรงพระกรุณาโปรดให้เลิกหวยและบ่อนเบี้ยทั้งหมด และทรงตั้งพระราชบัญญัติห้ามเล่นหวยเล่นถั่วโปในพระราชอาณาจักร โดยมีพระราชประสงค์ให้ไพร่บ้านพลเมือง ได้มีเงินไว้ประกอบการทำมาหาเลี้ยงชีพให้เป็นประโยชน์แก่ตน

ตั้งแต่นั้นมาการเปิดบ่อนซึ่งก็คือการเปิดโอกาสให้ประชาชนเล่นการพนันอย่างถูกกฎหมาย ถึงแม้ว่าอาจจะสร้างรายได้ให้กับรัฐได้ แต่ก็สร้างปัญหาสังคม ติดตามมาอย่างมากมาย ส่งผลกระทบตั้งแต่ระดับบุคคล ระดับครอบครัว สังคมโดยส่วนรวม และอาจจะกระทบต่อประเทศชาติด้วยแต่โดยลักษณะนิสัยของคนไทย จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าการเล่นการพนัน ไม่ได้หายไปจากสังคมไทย ยังมีการเปิดบ่อนที่เรียกว่าบ่อนเถื่อน โดยส่วนใหญ่มักจะมีผู้มีอำนาจหรืออิทธิพลในราชการ ให้การคุ้มครอง โดยการแบ่งผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน ทำให้การปลอดบ่อนไม่สำเร็จเด็ดขาด และยังมีการเล่นพนันแบบออนไลน์และอื่นๆ อีกด้วย

ก็ชัดเจนแล้วว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ได้มีความพยายามอย่างยิ่งในการที่จะให้มีการเปิดบ่อนอย่างถูกกฎหมายอีกครั้งหนึ่ง โดยเลี่ยงว่าจะเปิด Entertainment Complex โดยเน้นให้ชาวต่างชาติซึ่งเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยเป็นจำนวนมากใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ โดยใน Complex นี้ จะมีทั้งศูนย์การค้า ศูนย์ประชุม โรงแรม โรงภาพยนตร์ สวนน้ำ การขายสินค้าประเภท OTOP หรืออื่นๆ และที่ต้องมีแน่นอนคือกาสิโน ซึ่งก็คือ บ่อนการพนันนั่นเอง

คงจะมีคำถามว่ารัฐบาลนี้ขาดความสามารถในการที่จะหาเงินเข้าประเทศ และสร้างเศรษฐกิจโดยการปรับโครงสร้างทางด้านเศรษฐกิจ เพื่อให้ประเทศไทยมีความเจริญและก้าวหน้าทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนด้วยวิธีอื่นไม่ได้แล้วหรืออย่างไร จึงโพนทะนาว่าการสร้าง Entertainment Complex นี้ จะทำให้เกิดการสร้างรายได้ให้แก่ประเทศอย่างมากมาย ซึ่งรัฐบาลก็ได้นำเสนอร่างกฎหมาย ผ่านการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบในหลักการไปแล้ว เพียงแต่ต้องดำเนินการขั้นตอนของรัฐสภาต่อไป เพื่อออกเป็นพระราชบัญญัติให้มีผลบังคับใช้ในเร็วๆนี้

มีกระแสต่อต้านทางสังคมเกิดขึ้นอย่างมากมาย แต่ดูเหมือนว่ารัฐบาลจะไม่ได้ฟังเสียงเหล่านี้ ยังคงอ้างเรื่องของการสร้างรายได้ให้ประเทศจากนักท่องเที่ยว ซึ่งโดยความเป็นจริงแล้ว นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยคงไม่ได้เข้ามาเพื่อมาเล่นการพนันในบ่อน หรือหาความสุขใน Entertainment Complex อย่างแน่นอน และเมื่อไปดูในร่างกฎหมายที่นำเสนอก็จะเห็นว่าการที่ใครจะขอสร้าง Complex นี้ได้นั้น จะต้องใช้เงินทั้งในการขออนุญาต และการลงทุนอย่างมากมาย ซึ่งในทุกขั้นตอนของการดำเนินการดังกล่าว ล้วนเป็นช่องทางเปิดที่จะทำให้เกิดการทุจริตประพฤติมิชอบและโกงกินได้ในเกือบทุกขั้นตอน

ประชาชนคนไทยคงอยากเห็นและได้รัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศเพื่อความเจริญก้าวหน้า ทำให้ฐานะทางเศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นซึ่งหมายถึงประชาชน จะมีฐานะและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่านี้ โดยไม่ต้องอาศัยเงินหรือรายได้ของรัฐที่มาจากเงินบาป และหากเงินแบบนั้นทำให้ฐานะของพรรคการเมือง หรือผู้ที่อยู่ในพรรคการเมืองใดๆ ก็ตามได้รับผลประโยชน์ส่วนตัวตามไปด้วย ก็เป็นเรื่องที่ไม่พึงจะกระทำเป็นอันขาดอย่าได้ย้อนรอยประวัติศาสตร์การโกงกินของผู้บริหารรัฐบาลในอดีต ที่ถือว่าเป็นเรื่องที่เลวร้ายและต้องถูกสาปแช่งอย่างที่สุด

ปิยะ เนตรวิเชียร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
17:01 น. มาแล้ว! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 2-8 พ.ย.68
16:54 น. มิสยูนิเวิร์สกัมพูชา ถึงไทยโดยสวัสดิภาพ ขอบคุณการต้อนรับอบอุ่น
16:51 น. พสกนิกรทั่วสารทิศเข้าถวายสักการะพระบรมศพ พร้อมลงนามถวายความอาลัย‘สมเด็จพระพันปีหลวง’
16:25 น. งานวันบุรพาจารย์ และพิธีมุทิตาสักการะ พระราชนันทวัชรบัณฑิต ประจำปี 2568
16:23 น. โซเชียลลุกเป็นไฟ ! 'ไผ่ ลิกค์' Vs 'ไอซ์ รักชนก' แลกกันหมัดต่อหมัด
ดูทั้งหมด
พร้อมกันหรือยัง!!! เปิดภาพพยากรณ์อากาศ 12-13 พ.ย. อุณหภูมิเย็นลงอีกครั้ง
มิติใหม่! 'หน้าเหมือนองค์หญิงมาก องค์หญิงจ๊ะ' สมเด็จเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี ทรงไลฟ์สดแต่งพระพักตร์ครั้งแรก (ชมคลิป)
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568
มาแล้ว!!! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 28 ต.ค.-3 พ.ย.68
'พี่ดี้'ถึงกับห่อเหี่ยวอดสู เห็นประกาศรับสมัครครูปฐมวัย เงินเดือน6,000บาท
ดูทั้งหมด
กองทัพไทยกับการสนับสนุนจากประชาชน
บุคคลแนวหน้า : 2 พฤศจิกายน 2568
อะไรที่ทุกคนต้องเรียน
‘พ่อ’ ลาออก ‘ลูก’ ขึ้นหัวหน้า
สส.ไทยมีประวัติ (เลว) กันทั้งนั้น!!!
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

มาแล้ว! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 2-8 พ.ย.68

มิสยูนิเวิร์สกัมพูชา ถึงไทยโดยสวัสดิภาพ ขอบคุณการต้อนรับอบอุ่น

ยอดนักกีฬาพาเหรด!ชิงนักกรีฑาแห่งปี

แฉแผนชั่ว BRN จ้องเอาชีวิตจนท.-สั่งเยาวชนทำลาย CCTV-หาข่าว จี้‘มทภ.4’ปรับแผนรับมือ

‘ดร.สติธร’ชี้เวทีอาเซียน–เอเปค จุดเปลี่ยนไทยบนเวทีโลก ‘อนุทิน’คืนความเชื่อมั่นประเทศ

ทลายปาร์ตี้ชายรักชาย! รวบ 29 ราย มั่วสุมโรงแรมหรูกลางกรุง

  • Breaking News
  • มาแล้ว! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 2-8 พ.ย.68 มาแล้ว! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 2-8 พ.ย.68
  • มิสยูนิเวิร์สกัมพูชา ถึงไทยโดยสวัสดิภาพ ขอบคุณการต้อนรับอบอุ่น มิสยูนิเวิร์สกัมพูชา ถึงไทยโดยสวัสดิภาพ ขอบคุณการต้อนรับอบอุ่น
  • พสกนิกรทั่วสารทิศเข้าถวายสักการะพระบรมศพ พร้อมลงนามถวายความอาลัย‘สมเด็จพระพันปีหลวง’ พสกนิกรทั่วสารทิศเข้าถวายสักการะพระบรมศพ พร้อมลงนามถวายความอาลัย‘สมเด็จพระพันปีหลวง’
  • งานวันบุรพาจารย์ และพิธีมุทิตาสักการะ พระราชนันทวัชรบัณฑิต ประจำปี 2568 งานวันบุรพาจารย์ และพิธีมุทิตาสักการะ พระราชนันทวัชรบัณฑิต ประจำปี 2568
  • โซเชียลลุกเป็นไฟ ! \'ไผ่ ลิกค์\' Vs \'ไอซ์ รักชนก\' แลกกันหมัดต่อหมัด โซเชียลลุกเป็นไฟ ! 'ไผ่ ลิกค์' Vs 'ไอซ์ รักชนก' แลกกันหมัดต่อหมัด
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

ผู้บริหารบ้านเมืองต้องไม่ทุจริต คดโกง

ผู้บริหารบ้านเมืองต้องไม่ทุจริต คดโกง

27 ต.ค. 2568

จากการพนันสู่แก๊งสแกมเมอร์ อันตรายของชาติ

จากการพนันสู่แก๊งสแกมเมอร์ อันตรายของชาติ

20 ต.ค. 2568

อธิปไตย อย่าให้ใครรุกราน

อธิปไตย อย่าให้ใครรุกราน

13 ต.ค. 2568

รัฐธรรมนูญ จากปี ๒๔๗๕ ถึง ๒๕๖๐.... ยังต้องแก้อีกหรือ

รัฐธรรมนูญ จากปี ๒๔๗๕ ถึง ๒๕๖๐.... ยังต้องแก้อีกหรือ

6 ต.ค. 2568

รัฐบาลต้องมุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

รัฐบาลต้องมุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

29 ก.ย. 2568

รัฐบาลใหม่ต้องมุ่งรักษาอธิปไตย

รัฐบาลใหม่ต้องมุ่งรักษาอธิปไตย

22 ก.ย. 2568

ศาลดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม

ศาลดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม

15 ก.ย. 2568

แย่งชิงบ้านเมือง เพื่อใคร

แย่งชิงบ้านเมือง เพื่อใคร

8 ก.ย. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved