วันจันทร์ ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / เส้นใต้บรรทัด
เส้นใต้บรรทัด

เส้นใต้บรรทัด

จิตกร บุษบา
วันพุธ ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568, 02.00 น.
‘ปิยบุตร’ ปฐมพยาบาลพรรคส้ม!!

ดูทั้งหมด

  •  

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความหัวข้อ “บ้านใหญ่” คืออะไร? มีรายละเอียดดังนี้ ในช่วงเวลานี้ มีการถกเถียงกันเรื่อง “บ้านใหญ่” กันจำนวนมาก ฝ่ายหนึ่ง เห็นว่า การเมืองแบบบ้านใหญ่เป็นส่วนหนึ่งของการเมืองแบบเครือข่ายอุปถัมภ์ เล่นพรรคพวก สืบทอดอำนาจผ่านทางสายโลหิต ส่งผลกระทบต่อการทุจริตคอร์รัปชั่นและคุณภาพประชาธิปไตย อีกฝ่ายหนึ่งเห็นว่าการเมืองแบบบ้านใหญ่เป็นวัฒนธรรมการเมืองแบบไทยโดยเฉพาะ การพุ่งเป้าโจมตีบ้านใหญ่ อาจส่งผลให้เกิดการต่อต้านประชาธิปไตย และไม่เคารพเจตจำนงของประชาชน และดูถูกเสียงของประชาชนที่เลือกมา

ก่อนจะถกเถียงกันในประเด็นดังกล่าว จำเป็นต้องนิยามคำว่า “บ้านใหญ่” เสียก่อน


ใครจะเป็น “บ้านใหญ่” ไม่อาจพิจารณาได้เพียงนามสกุล หรือ สายโลหิต บุคคลไม่สามารถเลือกเกิดได้ว่าจะออกจากครรภ์มารดาของคนนามสกุลใด และมาจากการผสมพันธุ์ระหว่างใครกับใคร หากเราตีขลุมไปหมดว่าคนที่นามสกุลเดียวกันกับนักการเมือง คนที่เป็นลูกหลานนักการเมืองประจำจังหวัด เท่ากับเป็น “บ้านใหญ่” ทั้งหมด ย่อมไม่เป็นธรรม เพราะ คนที่เป็นลูกหลานนักการเมืองอาจมีความประพฤติ อุดมการณ์ แนวคิดต่างกันกับพ่อ แม่ พี่ น้อง หรือนักการเมืองในตระกูลตนเองก็ได้ การใช้วิธีการเหมารวมไปหมดว่า “นามสกุลของนักการเมืองคนหนึ่ง = บ้านใหญ่” แล้ว ย่อมทำให้การวิเคราะห์คลาดเคลื่อน และไม่เกิดความเจริญทางปัญญา แต่ลดทอนการถกเถียงให้เหลือแต่เพียง “มึงด่ากูว่าบ้านใหญ่ มึงก็บ้านใหญ่เหมือนกัน”

หลักเกณฑ์ในการจัดให้เป็น “บ้านใหญ่”มี 3 ประการ

ประการแรก การสร้างฐานทางการเมืองและทำงานทางการเมืองแบบ “แบ่งสัมปทานอำนาจรัฐ”

การเมืองแบบแบ่งสัมปทานอำนาจรัฐ คือ การใช้เงินของครอบครัวตนเอง การใช้อำนาจ อิทธิพล เครือข่ายของตนเอง เข้าไปดูแลประชาชนในพื้นที่เลือกตั้ง (เช่น ทำบุญ บริจาค แจกสิ่งของ จัดบริการสาธารณะให้เอง โดยไม่ผ่านอำนาจรัฐ ไม่รอหน่วยงาน ไม่ใช้งบประมาณแผ่นดิน เป็นต้น) หรือใช้อิทธิพลของตนในการทำให้คนที่อยู่ในเครือข่ายตนเองได้เปรียบ (เช่น ฝากเข้าโรงเรียน แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ อำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ เลี้ยงดูเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ เลี้ยงดูหัวคะแนน เป็นต้น) จนสร้างเครือข่าย อิทธิพล และเกิดเป็น “หนี้บุญคุณ” ต่อกัน ทั้งหมด เพื่อหวังผลตอบแทนกลับมา คือ การได้รับเลือกตั้ง
หรือเข้าไปดำรงตำแหน่งแบบ “ผูกขาด” เมื่อมีโอกาสบริ
หารราชการแผ่นดินและใช้งบประมาณแผ่นดิน ก็จะหาวิธีการเบียดบังเอางบประมาณเหล่านั้นเข้ากระเป๋าตนเอง สร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจให้กับตระกูลตนเอง และแบ่งเอาเงินและทรัพยากรเหล่านั้นบางส่วนมาเป็น “ทุน” ในการทำการเมืองต่อไป วนเวียนแบบนี้เป็นวัฏจักรซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนฝังรากลึกลงไป

ประการที่สอง การถ่ายโอนอำนาจการเมืองผ่านการสืบทอดทางสายโลหิต

การคัดเลือกคนไปดำรงตำแหน่งหรือลงสมัครรับเลือกตั้ง ไม่ได้พิจารณาจากความรู้ความสามารถ ไม่ได้พิจารณาจากแนวคิด ไม่ได้พิจารณาจากการคัดสรรตามกระบวนการของพรรคที่เปิดโอกาสให้คนอื่นได้เข้าแข่งขัน แต่คิดจากสายโลหิต เหมือนเป็นธุรกิจหรือกงสีในครอบครัว อาจมีคนเข้ามาทำงาน มีมืออาชีพมาช่วยบริหาร แต่เจ้าของต้องเป็นคนในตระกูลตนเอง การดำรงตำแหน่งใหญ่ต้องเป็นคนของตระกูลตนเอง

จริงอยู่ ในบางตำแหน่ง ระบบการเลือกตั้งจะบังคับว่า ต่อให้ “บ้านใหญ่” ส่งคนในบ้าน คนในสายโลหิตตนเอง มาลง ก็ไม่ได้ดำรงตำแหน่งโดยอัตโนมัติ แต่เขาต้องชนะเลือกตั้งให้ได้เสียก่อน แต่ทว่าการทำการเมืองแบบบ้านใหญ่ที่มุ่งสร้างอิทธิพลเครือข่ายในพื้นที่ ก็จะเป็นปัจจัยหนุนเสริมให้บ้านใหญ่ส่งคนในครอบครัวตนเองมาลงก็ย่อมมีโอกาสชนะ

การใช้วิธีการสืบสายโลหิตแบบนี้ คือ การเอาเรื่อง “ครอบครัว” ซึ่งเป็นแดนเอกชน มาปะปนกับเรื่อง “การเมือง” แทนที่การเมืองซึ่งเป็นเรื่องส่วนรวม ตัดสินใจ
ร่วมก
ันเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม/ส่วนใหญ่ การบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งต้องเป็นเรื่องส่วนรวม ก็จะมีเรื่องส่วนตัว เข้ามาเป็นมูลเหตุจูงใจในการตัดสินใจ การทำโครงการของส่วนรวม แทนที่จะคิดว่าส่วนรวมได้อะไร ก็ต้องคิดว่าครอบครัวตนได้อะไรบ้าง หรือถ้าส่วนรวมได้ด้วย ครอบครัวตนเองก็ต้องได้ด้วย

ในการบริหารราชการแผ่นดินหรือการทำงานการเมือง หัวหน้าบ้านใหญ่ก็ต้องคอยคิดว่าลูกหลานของตนคนไหนที่เรียนจบแล้ว อายุถึงเกณฑ์แล้ว ควรเข้ามารับไม้ต่อ เข้าครองอำนาจโดยไม่ต้องพิสูจน์ผลงาน แซงคิวคนจำนวนมากที่อุทิศตนทำงานมาก่อน และคนในเครือข่ายทุกคน ต่อให้เก่งมาจากไหน ก็ต้องเคารพ สวามิภักดิ์ “ทายาทผู้สืบสันดาน” อย่างราบคาบเพียงเพราะว่า คนที่เป็นทายาทมี “ตราประจำตระกูล”

ประการที่สาม การสวามิภักดิ์อำนาจนิยมที่อยู่เหนือกว่าตนเอง

การเมืองแบบบ้านใหญ่ต้องการสร้างอิทธิพลและบารมีในอาณาเขตของตนเอง เช่น ในจังหวัด หรือในหลายจังหวัดใกล้เคียงกัน แต่จะไม่ท้าทายกับอำนาจที่อยู่เหนือกว่าตนเอง พวกเขาตีกรอบแดนอาณาเขตไว้ ไม่ยุ่งกับแดนอื่น และป้องกันไม่ให้คนอื่น กลุ่มอื่น มารุกล้ำแดนตนเอง หากตนเองเป็นบ้านใหญ่ในจังหวัดตนเอง ก็ไม่ไปยุ่งกับจังหวัดอื่น พวกเขาต้องสวามิภักดิ์กับ “ลูกพี่” ที่มีอำนาจคุมโซนพื้นที่ในหลายจังหวัด และสวามิภักดิ์ต่อกับอำนาจที่เหนือกว่าเป็นลำดับชั้นขึ้นไป จากบ้านใหญ่ประจำจังหวัด ไปสู่ลูกพี่ใหญ่ที่คุมโซนหลายจังหวัด ไปถึงหัวหน้ามุ้งการเมืองผู้สนับสนุนทุนและแจกเงินเดือน ดูแลลูกมุ้ง
ไปจนถึงรัฐมนตรีที่เป็นตัวแทนมุ้ง
 มาตามโควตามุ้ง

อาจมีกรณี “บ้านใหญ่” ท้าทายอำนาจที่อยู่เหนือกว่าตนเองอยู่บ้าง หากบ้านใหญ่หลังนั้นคิดแล้วว่าอำนาจที่อยู่เหนือกว่าตนเองเริ่มเสื่อมถอยลงไป จนตนเองน่าจะท้าชิงล้มอำนาจเดิมได้ เมื่อโค่นล้มอำนาจเดิมได้ ก็สถาปนาบ้านใหญ่ตนเองขึ้นควบคุมอาณาเขตที่กว้างกว่าเดิมออกไป และควบคุมมิให้บ้านใหญ่อื่นต่อต้าน ท้าทาย

ในส่วนของการเมืองระดับชาตินั้น แกนนำพรรคหรือเจ้าของพรรคที่อาศัยพลังของบ้านใหญ่หลายๆ บ้านรวมกันเป็นตัวเลขจำนวน สส. สนับสนุนให้ตนเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ต้องมีวิธีบริหารจัดการบ้านใหญ่เหล่านี้ ผ่านทั้งพระเดชและพระคุณ นายกรัฐมนตรีที่อาศัยพลังของบ้านใหญ่ ต้องจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีให้กับบ้านใหญ่ตามสมควร ถ้าจัดสรรกันได้ลงตัว แบ่ง “สัมปทาน” การทำมาหากินในกระทรวงต่างๆ ได้ลงตัว ก็แดนใครแดนมันไม่ยุ่งต่อกัน บรรดาบ้านใหญ่ต่างๆ ก็พร้อมสวามิภักดิ์นายกรัฐมนตรีคนนั้นต่อไป

อัตราความสวามิภักดิ์ของบ้านใหญ่ต่อนายกรัฐมนตรี ผกผันตามคุณลักษณะและสถานะของนายกรัฐมนตรีแต่ละคนด้วย ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีได้รับความนิยมสูง มีกระแสสนับสนุนจากประชาชนมาก มีภาวะผู้นำสูงสถานะเข้มแข็ง อำนาจต่อรองของบ้านใหญ่ก็ลดน้อยถอยลง เพราะบ้านใหญ่ต้องใช้ “ยี่ห้อ” ของนายกรัฐมนตรีและพรรค ในการลงสนามเลือกตั้ง และการอยู่ร่วมชายคา “ยี่ห้อ” เดียวกัน ก็มีโอกาสได้รับโควตารัฐมนตรี

แต่ถ้าเมื่อไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีกระแสตก คนไม่นิยม ถูกกลไกนิติสงครามปิดล้อม ไม่สามารถทะยานเป็นนายกรัฐมนตรีเข้มแข็งได้แบบเดิม ถูกอำนาจนอกระบบรัฐประหาร ล้มรัฐบาล หรือกองทัพ/คณะรัฐประหาร เข้ามามีบทบาทควบคุมการเมืองและการเลือกตั้ง หากสถานการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น เหล่าบรรดาบ้านใหญ่ ก็พร้อมละทิ้งค่ายที่ตนเคยสังกัด และหันไป “จิ้มก้อง/สวามิภักดิ์” กลุ่มอำนาจใหม่แทน

กล่าวให้ถึงที่สุด บ้านใหญ่ทั้งหลายจะสวามิภักดิ์อำนาจนิยมที่เหนือกว่าตนเอง ตราบเท่าที่กลุ่มอำนาจนิยมนั้นยังเรืองอำนาจและให้คุณให้โทษบ้านใหญ่ได้

ดังนั้น การเมืองแบบบ้านใหญ่จึงตั้งอยู่บนพื้นฐานของการต่อสู้เพื่อบ้านใหญ่ ต่อสู้เพื่อตนเอง เพื่อให้บ้านใหญ่มีอำนาจ มีโอกาสแสวงหาอำนาจ แสวงหาค่าเช่าทางเศรษฐกิจการเมือง รักษาอำนาจความเป็นบ้านใหญ่ต่อไปมากกว่าการต่อสู้เพื่อประชาชน พัฒนาคุณภาพการเมือง หรือประชาธิปไตย

จึงไม่น่าแปลกใจว่า เราหา “บ้านใหญ่” ที่สู้กับรัฐประหาร สู้กับอำนาจนอกระบบ สู้เพื่อเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ปฏิรูประบบศาล กองทัพ องค์กรอิสระให้ดีขึ้น
ได้ยาก อาจมีอยู่
บ้าง ที่เคยสู้ แต่แล้วก็คิดได้ว่า สู้กับพวกเขาไปก็เท่านั้น สู้เป็นพวกกับเขาจะดีเสียกว่า

ไม่มีทางที่การเมืองแบบบ้านใหญ่จะเกิดจิตสำนึกเปลี่ยนแปลงแบบก้าวหน้าได้ด้วยตนเอง ตราบใดที่พวกเขายังได้ประโยชน์จากโครงสร้างอำนาจแบบนี้ ต่อให้พวกเขาฉุกคิดได้ ก็เป็นเพียงแค่ฉุกคิดชั่ววูบชั่วคราว บ่นคุยกันตามวงข้าววงเหล้า แต่ให้เปลี่ยนเอง พวกเขาไม่ทำ

มีแต่ต้องอาศัยพลังใหม่เปลี่ยนแปลง เข้ายึดกุมสังคมและประชาชนแบบเบ็ดเสร็จ จนบีบบ้านใหญ่ให้เข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนแปลง

โดยสรุป : ปิยบุตรกำลังปฐมพยาบาล กำลัง “เยียวยา” ความรู้สึก “พ่ายแพ้” และหาทาง“ฝังความคิด” เรื่อง “พลังใหม่เปลี่ยนแปลง” ใส่ลงไปในหัวคน-แค่นั้นเอง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
13:57 น. วันเสาร์ไม่มีเหงา!รวมหนังผีไทยสุดปัง4เรื่อง4อารมณ์ที่ทรูโฟร์ยูช่อง 24
13:52 น. เปิดปมปริศนา 'เจ้าคุณอาชว์' อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพฯลาสิกขาด่วนก่อนหลบเข้าลาว
13:50 น. นายกฯ สรุปผลสืบสวน 3 เดือนตึก สตง.ถล่ม เผยออกแบบ-ก่อสร้างผิดกฎหมาย
13:50 น. 'Rocket Fitness'(ร็อคเก็ต ฟิตเนส) จับมือ 'Mister International Thailand 2025'
13:45 น. 'ต่อ ธนภพ'เปิดใจครั้งแรกถึงวินาทีที่ต้องเริ่มต้นใหม่ ผมเหมือนคนอกหัก!
ดูทั้งหมด
นักวิชาการลงชื่อ‘ถวายฎีกา’ ขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยแก้ไขปัญหาวิกฤติชาติบ้านเมือง
วอน'ญี่ปุ่น'ช่วยหย่าศึก! 'ฮุน เซน'ขอร้องให้ช่วยพูดกับไทย จี้ให้ศาลโลกช่วยตัดสินปมพื้นที่พิพาท
‘มาครง’เผยคุย‘แพทองธาร’แล้ว ลั่นคนไทยไว้วางใจมิตรภาพจาก‘ฝรั่งเศส’ได้เสมอ
สจ.ปทุมฯลวง'สจ.สาว' อ้างพาส่งที่พัก เลี้ยวเข้าโรงแรม หวังย่ำยี
‘อ.ไชยันต์’บอกใบ้! อะไรทำสัมพันธ์‘ทักษิณ-ฮุนเซน’ต้องหักสะบั้น
ดูทั้งหมด
บุคคลแนวหน้า : 29 มิถุนายน 2568
ในภาวะที่ข่าวสารมีบทบาทในสังคมมาก ต้องใช้ปัญญานำ สร้างสังคม
เดชขอมเฒ่า (2)
ชูวิทย์ กลับมาเพื่อใคร? ฮุนเซน(และทักษิณ) ต้องการอะไร ที่ประเทศไทยให้ไม่ได้?
คิลลิ่งโซนแพทองธาร
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

นายกฯ สรุปผลสืบสวน 3 เดือนตึก สตง.ถล่ม เผยออกแบบ-ก่อสร้างผิดกฎหมาย

แซ่บไม่สร่าง! 'กบ ปภัสรา'อวดหุ่นเป๊ะในชุดว่ายน้ำในวัย 55 กะรัต

ด่วน! ไฟไหม้โรงงานกระดาษทิชชู 'สระบุรี' มีคนติดในอาคารเพียบ

'นิพิฏฐ์'ชี้รัฐล้มเหลวดูได้จากราคามังคุด ซัดถ้าปชช.ต้องพึ่งตนเอง แล้วจะมีรัฐบาลไว้ทำไม

'หมู'ไม่พลาด! ตีตั๋วสอยคิวโลก'บริติชโอเพ่น'

800คนร่วมแข่ง! ชิงชัยเจ้าสระ'ธรรมศาสตร์91ปี'

  • Breaking News
  • วันเสาร์ไม่มีเหงา!รวมหนังผีไทยสุดปัง4เรื่อง4อารมณ์ที่ทรูโฟร์ยูช่อง 24 วันเสาร์ไม่มีเหงา!รวมหนังผีไทยสุดปัง4เรื่อง4อารมณ์ที่ทรูโฟร์ยูช่อง 24
  • เปิดปมปริศนา \'เจ้าคุณอาชว์\' อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพฯลาสิกขาด่วนก่อนหลบเข้าลาว เปิดปมปริศนา 'เจ้าคุณอาชว์' อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพฯลาสิกขาด่วนก่อนหลบเข้าลาว
  • นายกฯ สรุปผลสืบสวน 3 เดือนตึก สตง.ถล่ม เผยออกแบบ-ก่อสร้างผิดกฎหมาย นายกฯ สรุปผลสืบสวน 3 เดือนตึก สตง.ถล่ม เผยออกแบบ-ก่อสร้างผิดกฎหมาย
  • \'Rocket Fitness\'(ร็อคเก็ต ฟิตเนส) จับมือ \'Mister International Thailand 2025\' 'Rocket Fitness'(ร็อคเก็ต ฟิตเนส) จับมือ 'Mister International Thailand 2025'
  • \'ต่อ ธนภพ\'เปิดใจครั้งแรกถึงวินาทีที่ต้องเริ่มต้นใหม่ ผมเหมือนคนอกหัก! 'ต่อ ธนภพ'เปิดใจครั้งแรกถึงวินาทีที่ต้องเริ่มต้นใหม่ ผมเหมือนคนอกหัก!
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

ปฏิบัติการ ‘แก้ผ้าตัวเอง’ ของ ‘ฮุนเซน’

ปฏิบัติการ ‘แก้ผ้าตัวเอง’ ของ ‘ฮุนเซน’

29 มิ.ย. 2568

รอพิกุลทองร่วงจากปาก ‘พีระพันธุ์

รอพิกุลทองร่วงจากปาก ‘พีระพันธุ์

25 มิ.ย. 2568

‘พ่อ’ นายกฯ

‘พ่อ’ นายกฯ

22 มิ.ย. 2568

‘หนี้’ ที่ไทยต้องทวง ‘กัมพูชา’

‘หนี้’ ที่ไทยต้องทวง ‘กัมพูชา’

18 มิ.ย. 2568

ประตู ‘คุก’ ยังเปิดรอ...นะพ่อนะ

ประตู ‘คุก’ ยังเปิดรอ...นะพ่อนะ

15 มิ.ย. 2568

ไม่ขึ้นศาลโลก ไม่เสียดินแดน

ไม่ขึ้นศาลโลก ไม่เสียดินแดน

11 มิ.ย. 2568

รัฐบาลไทย ‘หัวใจเขมร’

รัฐบาลไทย ‘หัวใจเขมร’

8 มิ.ย. 2568

รัฐบาลยังเดินหน้า ‘กาสิโน’

รัฐบาลยังเดินหน้า ‘กาสิโน’

4 มิ.ย. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved