วันจันทร์ ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / มองอย่างไท
มองอย่างไท

มองอย่างไท

ปิยะ เนตรวิเชียร
วันจันทร์ ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2568, 02.00 น.
โปรยทาน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของชาติหรือ

ดูทั้งหมด

  •  

ประเพณีโบราณของไทยอย่างหนึ่งคือการโปรยทาน ที่น่าจะเกิดขึ้นมาจากความเชื่อที่ว่า เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสละราชสมบัติแล้วออกผนวชนั้น พระองค์ไม่ปรารถนาที่จะไม่เป็นพระเจ้าแผ่นดิน จึงทรงสละทรัพย์สินเงินทองทุกสิ่งทุกอย่าง รวมทั้งสมบัติมากมายมหาศาลให้แก่ผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนแต่อย่างใด ดังนั้นการโปรยทานจึงหมายถึงการสละทรัพย์สิ่งของให้แก่ผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนเช่นกัน การโปรยทานยังเป็นการสอนให้เสียสละ โดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น

เชื่อกันว่าประเพณีโปรยทานนี้มีมานานตั้งแต่สมัยอยุธยา หรือเมื่อสามสี่ร้อยปีมาแล้ว ถือเป็นประเพณีนิยมที่ทำกันทั้งในงานมงคลและอวมงคล โดยการโปรยทานในงานมงคลนั้นได้แก่ งานบวช งานมงคลสมรส และ งานพิธีการอื่นๆ ส่วนการโปรยทานในงานอวมงคลนั้นคือ งานศพ


วิธีการโปรยทานนั้นทำได้หลายรูปแบบ โดยสิ่งของที่ใช้โปรย เท่าที่มีบันทึกไว้ ก็เช่น ลูกมะนาว เหรียญ หรือหากเป็นของใหญ่ที่นำมาโปรยทาน ซึ่งความจริงคือการให้ทานก็มักจะใช้วิธีโปรยสลากแทน แล้วนำมาแลกสิ่งของในภายหลัง

ในสมัยของรัชกาลที่ ๕ ได้มีบันทึกไว้ว่า พระองค์ทรงเคยโปรยทานด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง โดยเมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ ๒๔๓๒ พระองค์เสด็จไปยังพระราชวังบางปะอินเพื่อฉลองรูปพระเจ้าปราสาททอง และหลังเสร็จพิธีได้โปรดเกล้าให้นำไพร่หลวงจากตำบลต่างๆ แถวนั้นมารับพระราชทานฉลาก ซึ่งเปรียบเสมือนการโปรยทาน โดยของรางวัลนั้นมีมากมาย ทั้ง วัว ควายที่นา ล้อเกวียน พระ พลั่ว และอื่นๆ

นอกจากนี้ยังมีบันทึกไว้อีกว่า ทรงบริจาคพระราชทรัพย์เพื่อซื้อตั๋วลอตเตอรี่มาทรงทิ้งทานเป็นเงินตรา ๕ ชั่งเป็นตั๋ว ๑๐๐ ใบให้แก่ราษฎรที่ยากจน เพื่อจะมิให้คนจนต้องลงเงินของตนเพื่อซื้อตั๋วนั้นเลย เพราะมีพระราชประสงค์ให้ทานแก่ผู้ที่ได้ลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัล

นอกจากนี้พระองค์ยังเคยเสด็จออกพลับพลาเพื่อโปรยสลากและมะนาวแก่กงสุลต่างประเทศและชาวต่างประเทศ โดยจัดเป็นรูปแบบโปรดให้เทวดาทิ้งทานจากต้นกัลปพฤกษ์ และยังมีการพระราชทานครอบ ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นอะไร แต่น่าจะมีสิ่งของอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่ภายในครอบนั้นด้วย

ปัจจุบันนี้งานโปรยทานยังคงเป็นที่นิยมในหมู่คนไทยในชนบท นิยมทำในงานบวช งานมงคลสมรส และงานศพดังที่กล่าวไปแล้ว สิ่งที่ใช้โปรยนั้นจะเป็นเหรียญซึ่งถูกห่อเอาไว้

งานบวช การโปรยทานด้วยเหรียญ ถูกเปรียบเทียบเสมือนการที่ผู้บวชหรือนาค กำลังก้าวเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ โดยก่อนที่นาคจะเข้าโบสถ์จะทำการโปรยทานด้วยเหรียญ เปรียบเสมือนการตั้งใจที่จะสละแล้วซึ่งสินทรัพย์และกิเลสทั้งปวง เพื่อจะนำพาหัวใจอันบริสุทธิ์ ในการบวชเรียนธรรมะและเผยแพร่ศาสนาตามแนวทางของพระพุทธเจ้าต่อไป

งานมงคลสมรส ประเพณีการแต่งงานแบบไทยนั้นไม่ได้ใช้การโปรยทานด้วยเหรียญ แต่ใช้วิธีการกั้นประตูเงินประตูทอง และเปลี่ยนจากการโปรยเหรียญ ให้เป็นเงินที่อยู่ในซองมงคลสีสวยหวานแทน โดยเจ้าบ่าวจะเป็นผู้มอบให้แก่ผู้ที่มากั้นประตูเงินประตูทองนั่นเอง

งานศพ การโปรยทานในงานศพนั้น ยังมีการปฏิบัติอย่างแพร่หลาย โดยใช้เหรียญที่ห่อด้วยผ้าขาวหรือดำในการโปรย เจ้าภาพของงานจะโปรยทานในขณะที่กำลังทำพิธีเผา โดยมีความเชื่อว่าเป็นการซื้อเส้นทางให้ดวงวิญญาณนั้นได้ไปอยู่ในที่ที่ดี และได้ละหมดทุกอย่างแล้ว

งานอื่นๆที่มีการโปรยทานก็เช่นการตั้งศาล ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพิธีพราหมณ์ โดยจะโปรยทานเมื่อมีการยกศาลตั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นการซื้อพื้นที่เพื่อให้เทพและศาลได้สถิตมั่นคงอยู่ในที่นั้นๆ ถือว่าเป็นมงคลทานเช่นกัน

ก่อนการเลือกตั้งในปี พ.ศ. ๒๕๖๖ พรรคการเมืองหลายพรรคได้หาเสียงโดยนำเสนอเรื่องการแจกเงินซึ่งเป็นเรื่องประชานิยม โดยหวังว่าจะได้คะแนนเสียงจากประชาชนเพื่อให้ชนะการเลือกตั้ง ซึ่งยังเป็นวิธีการที่ได้ผลอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะ ในกลุ่มคนไทยยังอาจจะขาดวิจารณญาณว่าเรื่องใดเป็นสิ่งที่พึงกระทำ และบางกลุ่มก็มองว่าเมื่อเขาให้ก็รับไว้ ทำให้การเมืองของไทยที่ว่ากันว่าเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้น เป็นรูปแบบที่ไม่เหมือนนานาอารยประเทศ จนถูกกล่าวถึงเสมอว่าเมื่อใดที่มีการเลือกตั้ง ก็ย่อมมีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง

เมื่อพรรคที่ได้รับการเลือกตั้งและมีคะแนนเสียงมากพอเมื่อร่วมกับพรรคอื่นเข้ามาจัดตั้งรัฐบาล จึงต้องพยายามที่จะรักษาคำมั่นสัญญาในการที่จะแจกเงิน ซึ่งไม่ต่างจากการโปรยทานมากนักหากไม่หวังผลประโยชน์ส่วนตน แต่การดำเนินการดังกล่าวก็ทำให้เกิดผลกระทบทางลบกับระบบการเงินการคลังของชาติ เพียงเพื่อรักษาฐานเสียงของพรรคไว้เท่านั้น จึงมีคำถามว่าเป็นเรื่องถูกต้องหรือไม่

รัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในปัจจุบันนี้ก็เช่นกัน เมื่อสามารถรวมจัดตั้งคณะรัฐบาลเพื่อบริหารประเทศได้ ก็นำเรื่องโครงการแจกเงินมาดำเนินการเกือบจะทันที แต่เนื่องจากฐานะทางเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในสภาพตกต่ำ จึงเป็นการยากที่จะหาก้อนเงินที่มีจำนวนพอที่จะแจกให้กับประชาชนซึ่งเดิมกล่าวว่าอาจจะมีจำนวนถึง ๖๐ ล้านคนที่จะได้รับสิทธิ์ แต่ในที่สุดก็ปรับลดลงเหลือไม่เกิน ๔๕ ล้านคน และที่เคยกล่าวไว้ว่าจะแจกให้พร้อมกันทั้งหมดนั้นก็ไม่สามารถจะทำได้ แต่ก็ต้องยอมผิดคำพูด เพราะไม่อาจจะหาเงินมาแจกในคราวเดียว ซึ่งจะต้องใช้เงินถึง ๔๕๐,๐๐๐ ล้านบาทได้ใช้

ถึงแม้จะมีการทักท้วงจากผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านการเงินการคลังที่หวังดีต่อชาติ จำนวนไม่น้อยว่าการแจกเงินนั้นจะมีผลลบต่อระบบการเงินการคลังของชาติในภาพรวม แต่รัฐบาลก็ไม่ฟังเสียงทักท้วงดังกล่าว และเดินหน้าแจกเงินโดยอ้างว่า การจะทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเงินที่แจกไปนั้นอาจจะหมุนได้ ๓-๔ รอบ ทำให้มีการเพิ่มมูลค่าอย่างมหาศาลและ GDP ของประเทศจะดีขึ้นกว่าเดิม

ในที่สุดก็การแจกเงินก้อนแรกให้กับประชากรผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการประมาณ ๑๔.๕ ล้านคน ใช้เงินไปทั้งสิ้นประมาณ ๑๕๕,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งต่อมามีการรายงานผลจากกระทรวงการคลังว่าการแจกเงินที่คล้ายกับการโปรยทานครั้งแรกนี้มีผลกระตุ้นเศรษฐกิจเกิดขึ้นเพียง ๐.๓% ของ GDP

ความพยายามแจกเงิน ๑๐,๐๐๐ บาทรอบที่ ๒ ยังมีต่อไป โดยได้แจกไปเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ให้กับประชาชนกลุ่มที่อายุเกินกว่า ๖๐ ปีขึ้นไป โดยมีประชากรกลุ่มเป้าหมายประมาณ ๓ ล้านคน ใช้เงินทั้งสิ้นราว ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังรายงานว่า ทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยทำให้ GDP เพิ่มขึ้น ๐.๑% เท่านั้น

ถึงแม้จะปรากฏชัดแล้วว่าการแจกเงินที่คล้ายกับโปรยทานที่ผ่านไป ๓ รอบแล้ว ไม่ได้เกิดผลดีพอต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่การโปรยทานรอบที่ ๓ โดยกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ที่มีอายุตั้งแต่ ๑๖-๒๐ ปี ประมาณ ๒.๗ ล้านคนก็จะเกิดขึ้นต่อไป โดยจะต้องใช้เงินประมาณ ๒๗,๐๐๐ ล้านบาท และแจกในรูปแบบของ digital wallet ซึ่งรัฐบาลคิดว่าประชาชนคนรุ่นใหม่ช่วงอายุดังกล่าวจะสามารถใช้เงินก้อนนี้ไปเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจได้

เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดเกินกว่าที่จะคาดคิด จนเกิดเป็นกระแสสังคมในการจะแจกเงินเฟสที่ ๓ นี้ เนื่องจาก ไม่มีการกำหนดสินค้าต้องห้าม แต่มีการห้ามร้านค้า หรือกิจการต่างๆที่เกี่ยวกับ การขายเพชร ทอง อัญมณี สลากกินแบ่ง สุรา บุหรี่กัญชา กระท่อม สถานีน้ำมัน ธุรกิจเสริมสวย นวด บริการค่าน้ำ ไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าเทอม เข้าร่วมด้วย โดยผู้ที่มีสิทธิ์จะยังซื้อสินค้าได้จากร้านขนาดเล็ก ขายปลีก โชห่วย ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการในพื้นที่ที่มีการกำหนดไว้

การกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการโปรยทานแบบนี้ หากทำโดยใช้เงินก้อนใหญ่ และกระจายให้ทั่วในครั้งเดียว ก็น่าจะเกิดการกระตุ้นได้พอควรแต่หากโปรยเป็นงวดๆแบบนี้ไม่น่าจะเกิดประโยชน์ เหมือนการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ และอาจสร้างความเสียหายให้กับระบบการเงินการคลังของประเทศ สิ่งที่รัฐบาลต้องการให้เกิดพายุหมุนและเกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจจากเงินก้อนนี้ จึงอาจจะกลายเป็นพายุหมุน ที่กลับมากระแทกรัฐบาลให้ล้มไม่เป็นท่าก็เป็นได้

ปิยะ เนตรวิเชียร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
14:14 น. จิตวิญญาณไม่เคยหาย! ที่แท้'อดีตหัวหน้าดับเพลิง' ลุยเดี่ยวระงับเหตุเพลิงไหม้
14:09 น. กองเรือยุทธการ สั่งเตรียมพร้อม ‘เรือหลวงจักรีนฤเบศร’ งดเยี่ยมชมชั่วคราว หวั่นถูกสอดแนม
14:06 น. 'รวมไทยสร้างชาติ' รุกคืบปักธง 'กาญจนบุรี' เปิดสำนักงานตัวแทนพรรคแห่งใหม่
14:01 น. ตามล่าข้ามชาติ! ตร.สิงคโปร์บุกถึงรังรวบ2ผู้ต้องสงสัยแก๊งสแกมเมอร์ หมกตัวที่กัมพูชา-ไทย
13:55 น. ‘อภิสิทธิ์’ ชู 2 แนวทางทำนโยบาย ‘บ้านเมืองสุจริต-เศรษฐกิจโต’ ชี้ ‘สกลธี’ ชน ‘เอกนัฎ’ รับเป็นเรื่องยาก
ดูทั้งหมด
การทูตหยุดโลก 'อ.ธรณ์'ชี้ความสำคัญ ในหลวงเสด็จเยือนจีน
ยูเนสโกประกาศยกย่อง 'ในหลวงรัชกาลที่ 9' และ 'สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ'
บุกจับ2วัยรุ่นสร้างตัว เปิดเหมืองบิทคอยน์ซุก'สวนมะพร้าวบ้านแพ้ว' โกงไฟหลวงมหาศาล
แรงมากแม่! 'เพลง ชนม์ทิดา'โพสต์สตอรี่ปริศนาพูดถึงเวรกรรม
เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ทรงทำริบบิ้นสีดำถวายความอาลัย
ดูทั้งหมด
การสร้างสังคมไทยให้เป็นประชาธิปไตย โดยผ่านการปฏิรูประบบและกระบวนการกฎหมาย (1)
ห่าก๊อมขอมเก็งกอง
อาวุธเด็ดไทย อำนาจเหนือเขมร
บุคคลแนวหน้า : 17 พฤศจิกายน 2568
ไทยยืนหยัด ในสงครามล่าเมืองขึ้น ด้วย Reciprocal Tariffs
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

จิตวิญญาณไม่เคยหาย! ที่แท้'อดีตหัวหน้าดับเพลิง' ลุยเดี่ยวระงับเหตุเพลิงไหม้

ตามล่าข้ามชาติ! ตร.สิงคโปร์บุกถึงรังรวบ2ผู้ต้องสงสัยแก๊งสแกมเมอร์ หมกตัวที่กัมพูชา-ไทย

‘อภิสิทธิ์’ ชู 2 แนวทางทำนโยบาย ‘บ้านเมืองสุจริต-เศรษฐกิจโต’ ชี้ ‘สกลธี’ ชน ‘เอกนัฎ’ รับเป็นเรื่องยาก

เปิดสูจิบัตรงานเลี้ยงพระกระยาหาร พระราชดำรัส ย้ำสัมพันธ์ไทย-จีน

‘อภิสิทธิ์​‘ กระตุก ‘รัฐบาล’​ แสดงจุดยืนให้ชัด ปม​‘กัมพูชา’​​ละเมิดปฏิญญาสันติภาพ

'ชูวิทย์'ฟุ้ง แผนสกัดทักษิณ ไม่ให้ออกก่อนเลือกตั้ง

  • Breaking News
  • จิตวิญญาณไม่เคยหาย! ที่แท้\'อดีตหัวหน้าดับเพลิง\' ลุยเดี่ยวระงับเหตุเพลิงไหม้ จิตวิญญาณไม่เคยหาย! ที่แท้'อดีตหัวหน้าดับเพลิง' ลุยเดี่ยวระงับเหตุเพลิงไหม้
  • กองเรือยุทธการ สั่งเตรียมพร้อม ‘เรือหลวงจักรีนฤเบศร’ งดเยี่ยมชมชั่วคราว หวั่นถูกสอดแนม กองเรือยุทธการ สั่งเตรียมพร้อม ‘เรือหลวงจักรีนฤเบศร’ งดเยี่ยมชมชั่วคราว หวั่นถูกสอดแนม
  • \'รวมไทยสร้างชาติ\' รุกคืบปักธง \'กาญจนบุรี\' เปิดสำนักงานตัวแทนพรรคแห่งใหม่ 'รวมไทยสร้างชาติ' รุกคืบปักธง 'กาญจนบุรี' เปิดสำนักงานตัวแทนพรรคแห่งใหม่
  • ตามล่าข้ามชาติ! ตร.สิงคโปร์บุกถึงรังรวบ2ผู้ต้องสงสัยแก๊งสแกมเมอร์ หมกตัวที่กัมพูชา-ไทย ตามล่าข้ามชาติ! ตร.สิงคโปร์บุกถึงรังรวบ2ผู้ต้องสงสัยแก๊งสแกมเมอร์ หมกตัวที่กัมพูชา-ไทย
  • ‘อภิสิทธิ์’ ชู 2 แนวทางทำนโยบาย ‘บ้านเมืองสุจริต-เศรษฐกิจโต’ ชี้ ‘สกลธี’ ชน ‘เอกนัฎ’ รับเป็นเรื่องยาก ‘อภิสิทธิ์’ ชู 2 แนวทางทำนโยบาย ‘บ้านเมืองสุจริต-เศรษฐกิจโต’ ชี้ ‘สกลธี’ ชน ‘เอกนัฎ’ รับเป็นเรื่องยาก
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

เขมร ยังจะต้องไว้ใจกันอีกหรือ

เขมร ยังจะต้องไว้ใจกันอีกหรือ

17 พ.ย. 2568

จากอั้งยี่ มาสู่แก๊งสแกมเมอร์

จากอั้งยี่ มาสู่แก๊งสแกมเมอร์

10 พ.ย. 2568

พระองค์ผู้ทรงเป็นวีรสตรี มหาราชินี

พระองค์ผู้ทรงเป็นวีรสตรี มหาราชินี

3 พ.ย. 2568

ผู้บริหารบ้านเมืองต้องไม่ทุจริต คดโกง

ผู้บริหารบ้านเมืองต้องไม่ทุจริต คดโกง

27 ต.ค. 2568

จากการพนันสู่แก๊งสแกมเมอร์ อันตรายของชาติ

จากการพนันสู่แก๊งสแกมเมอร์ อันตรายของชาติ

20 ต.ค. 2568

อธิปไตย อย่าให้ใครรุกราน

อธิปไตย อย่าให้ใครรุกราน

13 ต.ค. 2568

รัฐธรรมนูญ จากปี ๒๔๗๕ ถึง ๒๕๖๐.... ยังต้องแก้อีกหรือ

รัฐธรรมนูญ จากปี ๒๔๗๕ ถึง ๒๕๖๐.... ยังต้องแก้อีกหรือ

6 ต.ค. 2568

รัฐบาลต้องมุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

รัฐบาลต้องมุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

29 ก.ย. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved