วันอาทิตย์ ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / มองอย่างไท
มองอย่างไท

มองอย่างไท

ปิยะ เนตรวิเชียร
วันจันทร์ ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2568, 02.00 น.
โปรยทาน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของชาติหรือ

ดูทั้งหมด

  •  

ประเพณีโบราณของไทยอย่างหนึ่งคือการโปรยทาน ที่น่าจะเกิดขึ้นมาจากความเชื่อที่ว่า เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสละราชสมบัติแล้วออกผนวชนั้น พระองค์ไม่ปรารถนาที่จะไม่เป็นพระเจ้าแผ่นดิน จึงทรงสละทรัพย์สินเงินทองทุกสิ่งทุกอย่าง รวมทั้งสมบัติมากมายมหาศาลให้แก่ผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนแต่อย่างใด ดังนั้นการโปรยทานจึงหมายถึงการสละทรัพย์สิ่งของให้แก่ผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนเช่นกัน การโปรยทานยังเป็นการสอนให้เสียสละ โดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น

เชื่อกันว่าประเพณีโปรยทานนี้มีมานานตั้งแต่สมัยอยุธยา หรือเมื่อสามสี่ร้อยปีมาแล้ว ถือเป็นประเพณีนิยมที่ทำกันทั้งในงานมงคลและอวมงคล โดยการโปรยทานในงานมงคลนั้นได้แก่ งานบวช งานมงคลสมรส และ งานพิธีการอื่นๆ ส่วนการโปรยทานในงานอวมงคลนั้นคือ งานศพ


วิธีการโปรยทานนั้นทำได้หลายรูปแบบ โดยสิ่งของที่ใช้โปรย เท่าที่มีบันทึกไว้ ก็เช่น ลูกมะนาว เหรียญ หรือหากเป็นของใหญ่ที่นำมาโปรยทาน ซึ่งความจริงคือการให้ทานก็มักจะใช้วิธีโปรยสลากแทน แล้วนำมาแลกสิ่งของในภายหลัง

ในสมัยของรัชกาลที่ ๕ ได้มีบันทึกไว้ว่า พระองค์ทรงเคยโปรยทานด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง โดยเมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม พ.ศ ๒๔๓๒ พระองค์เสด็จไปยังพระราชวังบางปะอินเพื่อฉลองรูปพระเจ้าปราสาททอง และหลังเสร็จพิธีได้โปรดเกล้าให้นำไพร่หลวงจากตำบลต่างๆ แถวนั้นมารับพระราชทานฉลาก ซึ่งเปรียบเสมือนการโปรยทาน โดยของรางวัลนั้นมีมากมาย ทั้ง วัว ควายที่นา ล้อเกวียน พระ พลั่ว และอื่นๆ

นอกจากนี้ยังมีบันทึกไว้อีกว่า ทรงบริจาคพระราชทรัพย์เพื่อซื้อตั๋วลอตเตอรี่มาทรงทิ้งทานเป็นเงินตรา ๕ ชั่งเป็นตั๋ว ๑๐๐ ใบให้แก่ราษฎรที่ยากจน เพื่อจะมิให้คนจนต้องลงเงินของตนเพื่อซื้อตั๋วนั้นเลย เพราะมีพระราชประสงค์ให้ทานแก่ผู้ที่ได้ลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัล

นอกจากนี้พระองค์ยังเคยเสด็จออกพลับพลาเพื่อโปรยสลากและมะนาวแก่กงสุลต่างประเทศและชาวต่างประเทศ โดยจัดเป็นรูปแบบโปรดให้เทวดาทิ้งทานจากต้นกัลปพฤกษ์ และยังมีการพระราชทานครอบ ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นอะไร แต่น่าจะมีสิ่งของอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่ภายในครอบนั้นด้วย

ปัจจุบันนี้งานโปรยทานยังคงเป็นที่นิยมในหมู่คนไทยในชนบท นิยมทำในงานบวช งานมงคลสมรส และงานศพดังที่กล่าวไปแล้ว สิ่งที่ใช้โปรยนั้นจะเป็นเหรียญซึ่งถูกห่อเอาไว้

งานบวช การโปรยทานด้วยเหรียญ ถูกเปรียบเทียบเสมือนการที่ผู้บวชหรือนาค กำลังก้าวเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ โดยก่อนที่นาคจะเข้าโบสถ์จะทำการโปรยทานด้วยเหรียญ เปรียบเสมือนการตั้งใจที่จะสละแล้วซึ่งสินทรัพย์และกิเลสทั้งปวง เพื่อจะนำพาหัวใจอันบริสุทธิ์ ในการบวชเรียนธรรมะและเผยแพร่ศาสนาตามแนวทางของพระพุทธเจ้าต่อไป

งานมงคลสมรส ประเพณีการแต่งงานแบบไทยนั้นไม่ได้ใช้การโปรยทานด้วยเหรียญ แต่ใช้วิธีการกั้นประตูเงินประตูทอง และเปลี่ยนจากการโปรยเหรียญ ให้เป็นเงินที่อยู่ในซองมงคลสีสวยหวานแทน โดยเจ้าบ่าวจะเป็นผู้มอบให้แก่ผู้ที่มากั้นประตูเงินประตูทองนั่นเอง

งานศพ การโปรยทานในงานศพนั้น ยังมีการปฏิบัติอย่างแพร่หลาย โดยใช้เหรียญที่ห่อด้วยผ้าขาวหรือดำในการโปรย เจ้าภาพของงานจะโปรยทานในขณะที่กำลังทำพิธีเผา โดยมีความเชื่อว่าเป็นการซื้อเส้นทางให้ดวงวิญญาณนั้นได้ไปอยู่ในที่ที่ดี และได้ละหมดทุกอย่างแล้ว

งานอื่นๆที่มีการโปรยทานก็เช่นการตั้งศาล ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพิธีพราหมณ์ โดยจะโปรยทานเมื่อมีการยกศาลตั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นการซื้อพื้นที่เพื่อให้เทพและศาลได้สถิตมั่นคงอยู่ในที่นั้นๆ ถือว่าเป็นมงคลทานเช่นกัน

ก่อนการเลือกตั้งในปี พ.ศ. ๒๕๖๖ พรรคการเมืองหลายพรรคได้หาเสียงโดยนำเสนอเรื่องการแจกเงินซึ่งเป็นเรื่องประชานิยม โดยหวังว่าจะได้คะแนนเสียงจากประชาชนเพื่อให้ชนะการเลือกตั้ง ซึ่งยังเป็นวิธีการที่ได้ผลอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะ ในกลุ่มคนไทยยังอาจจะขาดวิจารณญาณว่าเรื่องใดเป็นสิ่งที่พึงกระทำ และบางกลุ่มก็มองว่าเมื่อเขาให้ก็รับไว้ ทำให้การเมืองของไทยที่ว่ากันว่าเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้น เป็นรูปแบบที่ไม่เหมือนนานาอารยประเทศ จนถูกกล่าวถึงเสมอว่าเมื่อใดที่มีการเลือกตั้ง ก็ย่อมมีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง

เมื่อพรรคที่ได้รับการเลือกตั้งและมีคะแนนเสียงมากพอเมื่อร่วมกับพรรคอื่นเข้ามาจัดตั้งรัฐบาล จึงต้องพยายามที่จะรักษาคำมั่นสัญญาในการที่จะแจกเงิน ซึ่งไม่ต่างจากการโปรยทานมากนักหากไม่หวังผลประโยชน์ส่วนตน แต่การดำเนินการดังกล่าวก็ทำให้เกิดผลกระทบทางลบกับระบบการเงินการคลังของชาติ เพียงเพื่อรักษาฐานเสียงของพรรคไว้เท่านั้น จึงมีคำถามว่าเป็นเรื่องถูกต้องหรือไม่

รัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในปัจจุบันนี้ก็เช่นกัน เมื่อสามารถรวมจัดตั้งคณะรัฐบาลเพื่อบริหารประเทศได้ ก็นำเรื่องโครงการแจกเงินมาดำเนินการเกือบจะทันที แต่เนื่องจากฐานะทางเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในสภาพตกต่ำ จึงเป็นการยากที่จะหาก้อนเงินที่มีจำนวนพอที่จะแจกให้กับประชาชนซึ่งเดิมกล่าวว่าอาจจะมีจำนวนถึง ๖๐ ล้านคนที่จะได้รับสิทธิ์ แต่ในที่สุดก็ปรับลดลงเหลือไม่เกิน ๔๕ ล้านคน และที่เคยกล่าวไว้ว่าจะแจกให้พร้อมกันทั้งหมดนั้นก็ไม่สามารถจะทำได้ แต่ก็ต้องยอมผิดคำพูด เพราะไม่อาจจะหาเงินมาแจกในคราวเดียว ซึ่งจะต้องใช้เงินถึง ๔๕๐,๐๐๐ ล้านบาทได้ใช้

ถึงแม้จะมีการทักท้วงจากผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านการเงินการคลังที่หวังดีต่อชาติ จำนวนไม่น้อยว่าการแจกเงินนั้นจะมีผลลบต่อระบบการเงินการคลังของชาติในภาพรวม แต่รัฐบาลก็ไม่ฟังเสียงทักท้วงดังกล่าว และเดินหน้าแจกเงินโดยอ้างว่า การจะทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเงินที่แจกไปนั้นอาจจะหมุนได้ ๓-๔ รอบ ทำให้มีการเพิ่มมูลค่าอย่างมหาศาลและ GDP ของประเทศจะดีขึ้นกว่าเดิม

ในที่สุดก็การแจกเงินก้อนแรกให้กับประชากรผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการประมาณ ๑๔.๕ ล้านคน ใช้เงินไปทั้งสิ้นประมาณ ๑๕๕,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งต่อมามีการรายงานผลจากกระทรวงการคลังว่าการแจกเงินที่คล้ายกับการโปรยทานครั้งแรกนี้มีผลกระตุ้นเศรษฐกิจเกิดขึ้นเพียง ๐.๓% ของ GDP

ความพยายามแจกเงิน ๑๐,๐๐๐ บาทรอบที่ ๒ ยังมีต่อไป โดยได้แจกไปเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ให้กับประชาชนกลุ่มที่อายุเกินกว่า ๖๐ ปีขึ้นไป โดยมีประชากรกลุ่มเป้าหมายประมาณ ๓ ล้านคน ใช้เงินทั้งสิ้นราว ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังรายงานว่า ทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยทำให้ GDP เพิ่มขึ้น ๐.๑% เท่านั้น

ถึงแม้จะปรากฏชัดแล้วว่าการแจกเงินที่คล้ายกับโปรยทานที่ผ่านไป ๓ รอบแล้ว ไม่ได้เกิดผลดีพอต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่การโปรยทานรอบที่ ๓ โดยกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ที่มีอายุตั้งแต่ ๑๖-๒๐ ปี ประมาณ ๒.๗ ล้านคนก็จะเกิดขึ้นต่อไป โดยจะต้องใช้เงินประมาณ ๒๗,๐๐๐ ล้านบาท และแจกในรูปแบบของ digital wallet ซึ่งรัฐบาลคิดว่าประชาชนคนรุ่นใหม่ช่วงอายุดังกล่าวจะสามารถใช้เงินก้อนนี้ไปเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจได้

เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดเกินกว่าที่จะคาดคิด จนเกิดเป็นกระแสสังคมในการจะแจกเงินเฟสที่ ๓ นี้ เนื่องจาก ไม่มีการกำหนดสินค้าต้องห้าม แต่มีการห้ามร้านค้า หรือกิจการต่างๆที่เกี่ยวกับ การขายเพชร ทอง อัญมณี สลากกินแบ่ง สุรา บุหรี่กัญชา กระท่อม สถานีน้ำมัน ธุรกิจเสริมสวย นวด บริการค่าน้ำ ไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าเทอม เข้าร่วมด้วย โดยผู้ที่มีสิทธิ์จะยังซื้อสินค้าได้จากร้านขนาดเล็ก ขายปลีก โชห่วย ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการในพื้นที่ที่มีการกำหนดไว้

การกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการโปรยทานแบบนี้ หากทำโดยใช้เงินก้อนใหญ่ และกระจายให้ทั่วในครั้งเดียว ก็น่าจะเกิดการกระตุ้นได้พอควรแต่หากโปรยเป็นงวดๆแบบนี้ไม่น่าจะเกิดประโยชน์ เหมือนการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ และอาจสร้างความเสียหายให้กับระบบการเงินการคลังของประเทศ สิ่งที่รัฐบาลต้องการให้เกิดพายุหมุนและเกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจจากเงินก้อนนี้ จึงอาจจะกลายเป็นพายุหมุน ที่กลับมากระแทกรัฐบาลให้ล้มไม่เป็นท่าก็เป็นได้

ปิยะ เนตรวิเชียร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
21:55 น. เสียงกรี๊ดสนั่นโดม! แม่ทัพภาคที่ 2 ขวัญใจโซเชียล พบปะนักเรียนชายแดน อย่างเป็นกันเอง
21:32 น. (ว่าที่)สะใภ้นายกฯกริบ! 'เพลง ชนม์ทิดา'อัพสตอรีออกกำลังกาย ไร้โมเมนต์อวยพรวันเกิด'อนุทิน'
21:29 น. หนึ่งเดียวในเอเชีย! 'บิว'ทะยานรอบรองกรีฑาโลก (ชมคลิป)
21:16 น. ชื่นมื่น!!! แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ร่วมเบิร์ธเดย์ 59 ปี 'อนุทิน' อวยพรเป็นนายกฯอีก 4 ปี
20:51 น. 'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' ชี้ 'เนปาลโมเดล' คือบทเรียนความวุ่นวาย จากการแทรกแซงของตะวันตก
ดูทั้งหมด
โพสต์เด็ด! 'อาร์ต พศุตม์'พูดถึง'ทักษิณ'หลังศาลสั่งจำคุก 1 ปี
เกิดอะไรขึ้น? 'เปิ้ล นาคร'ออกประกาศร่อนจดหมายปลดพนักงาน
น้ำตาคลอทั้งโซเชียล! 'เกลือ'ตั้งคำถาม'ทำไมทหารพรานต้องใส่ชุดดำ' ได้คำตอบสุดสะเทือนใจ
'เป๊ก-เพลง'ไปต่อหรือพอแค่นี้? วงในเมาท์แรงหลังจัดตั้งครม. รู้เรื่อง!
เช็คที่นี่!เปิด 32 รายชื่อ‘โผครม.อนุทิน1’ส่งตรวจคุณสมบัติ คาดสัปดาห์นี้นำขึ้นทูลเกล้าฯ
ดูทั้งหมด
เพ้อพล่ามตามแบบคนสอนหนังสือที่เลื่อนลอย
บุคคลแนวหน้า : 14 กันยายน 2568
อาหารทะเลกับสารอาหารต่างๆ
ว่าด้วยเรื่อง ‘เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา’
ไทยแพ้เกมกัมพูชาในเชิงการทูต
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เสียงกรี๊ดสนั่นโดม! แม่ทัพภาคที่ 2 ขวัญใจโซเชียล พบปะนักเรียนชายแดน อย่างเป็นกันเอง

(ว่าที่)สะใภ้นายกฯกริบ! 'เพลง ชนม์ทิดา'อัพสตอรีออกกำลังกาย ไร้โมเมนต์อวยพรวันเกิด'อนุทิน'

หนึ่งเดียวในเอเชีย! 'บิว'ทะยานรอบรองกรีฑาโลก (ชมคลิป)

ดาราดัง'โอ๊ต วรวุฒิ'พูดตรงๆหาเงินใช้หนี้ ประกาศขายที่ดิน3ไร่ที่ชะอำ

ปืนโหด!ถล่มเจ้าป่ายับ3-0ขึ้นฝูงชั่วคราว

'ภท.'คึกคักช่วงเย็น! 'นิพนธ์'กระซิบอวยพร 'อนุทิน' ส่งโค้ดลับ 4+4 นั่งนายกฯ 4 เดือน + 4 ปี

  • Breaking News
  • เสียงกรี๊ดสนั่นโดม! แม่ทัพภาคที่ 2 ขวัญใจโซเชียล พบปะนักเรียนชายแดน อย่างเป็นกันเอง เสียงกรี๊ดสนั่นโดม! แม่ทัพภาคที่ 2 ขวัญใจโซเชียล พบปะนักเรียนชายแดน อย่างเป็นกันเอง
  • (ว่าที่)สะใภ้นายกฯกริบ! \'เพลง ชนม์ทิดา\'อัพสตอรีออกกำลังกาย ไร้โมเมนต์อวยพรวันเกิด\'อนุทิน\' (ว่าที่)สะใภ้นายกฯกริบ! 'เพลง ชนม์ทิดา'อัพสตอรีออกกำลังกาย ไร้โมเมนต์อวยพรวันเกิด'อนุทิน'
  • หนึ่งเดียวในเอเชีย! \'บิว\'ทะยานรอบรองกรีฑาโลก (ชมคลิป) หนึ่งเดียวในเอเชีย! 'บิว'ทะยานรอบรองกรีฑาโลก (ชมคลิป)
  • ชื่นมื่น!!! แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ร่วมเบิร์ธเดย์ 59 ปี \'อนุทิน\' อวยพรเป็นนายกฯอีก 4 ปี ชื่นมื่น!!! แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ร่วมเบิร์ธเดย์ 59 ปี 'อนุทิน' อวยพรเป็นนายกฯอีก 4 ปี
  • \'อดีตบิ๊กข่าวกรอง\' ชี้ \'เนปาลโมเดล\' คือบทเรียนความวุ่นวาย จากการแทรกแซงของตะวันตก 'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' ชี้ 'เนปาลโมเดล' คือบทเรียนความวุ่นวาย จากการแทรกแซงของตะวันตก
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

แย่งชิงบ้านเมือง เพื่อใคร

แย่งชิงบ้านเมือง เพื่อใคร

8 ก.ย. 2568

ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อชาติหรือเพื่อใคร

ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อชาติหรือเพื่อใคร

1 ก.ย. 2568

ไทยจะยอมเป็นม้าอารีอีกต่อไปหรือ

ไทยจะยอมเป็นม้าอารีอีกต่อไปหรือ

18 ส.ค. 2568

พันท้ายนรสิงห์ กับนักการเมืองในปัจจุบัน

พันท้ายนรสิงห์ กับนักการเมืองในปัจจุบัน

11 ส.ค. 2568

ทหาร ผู้ปกป้องและรักษาชาติ

ทหาร ผู้ปกป้องและรักษาชาติ

4 ส.ค. 2568

หรือไทยจะต้องพิชิตศึกละแวกอีกครั้ง

หรือไทยจะต้องพิชิตศึกละแวกอีกครั้ง

28 ก.ค. 2568

คนไทยจะไม่ยอมให้ใครรุกรานดินแดน

คนไทยจะไม่ยอมให้ใครรุกรานดินแดน

21 ก.ค. 2568

นิรโทษกรรมทำเพื่อใคร

นิรโทษกรรมทำเพื่อใคร

14 ก.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved