วันจันทร์ ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / มองอย่างไท
มองอย่างไท

มองอย่างไท

ปิยะ เนตรวิเชียร
วันจันทร์ ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 02.00 น.
เงินดิจิทัล หายนะทางสังคม

ดูทั้งหมด

  •  

การค้าขายที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้มีมานานกว่า ๖,๐๐๐ ปีก่อนคริสต์ศักราชแล้ว โดยการค้าขายในยุคแรกๆ นั้นไม่ได้ใช้เงินในการซื้อขาย แต่ใช้การแลกเปลี่ยนสินค้าที่เรียกกันว่า Barter Trade เช่น เอาข้าวไปแลกกับเนื้อสัตว์เอาผลไม้ไปแลกกับเกลือ หรือเอาเครื่องปั้นดินเผาไปแลกกับผ้า เป็นต้น

ประมาณ ๑,๐๐๐ ปีก่อนคริสตกาล ในประเทศจีนเริ่มมีการใช้เงินที่ทำจากโลหะเป็นรูปมีดและจอบ ทำจากทองแดงและทองเหลือง ในช่วงของราชวงศ์โจวเป็นครั้งแรก และในอีก ๓๐๐ ปีต่อมาคือประมาณ ๗๐๐ ปีก่อนคริสตกาล ก็เริ่มมีการใช้เงิน ในรูปแบบของเหรียญ ที่มีการผลิตเป็นมาตรฐาน โดยเหรียญเหล่านี้ทำจากโลหะผสม ในอาณาจักรลิเดียซึ่งปัจจุบันนี้คือประเทศตุรกี


เงินกระดาษเริ่มเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในปีคริสต์ศักราช ๗๐๐ โดยชาวจีนเป็นผู้คิดค้นขึ้นในสมัยราชวงศ์ถัง เป็นลักษณะตั๋วแลกเงินสำหรับพ่อค้าและข้าราชการ และมีวิวัฒนาการมาแบบต่อเนื่อง

ในปี ค.ศ.๑๖๖๑ เริ่มมีการใช้ธนบัตรกระดาษเป็นครั้งแรกในยุโรป ที่ประเทศสวีเดน โดยธนาคารสตอกโฮล์มบังโก้เป็นผู้ออกธนบัตรฉบับแรก โดยมีข้อดีมากกว่าเหรียญโลหะเพราะเบากว่าและพกพาสะดวก จึงได้รับความนิยมมากขึ้น และยังใช้แลกเปลี่ยนเป็นทองคำได้ จึงแพร่กระจายไปในหลายประเทศในทวีปยุโรป และกลายเป็นพื้นฐานของระบบการเงินสมัยใหม่

ในปี ค.ศ.๑๙๔๖ มีการสร้างระบบ Charge-It โดยนาย John C. Biggins ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นต้นแบบของบัตรเครดิต ใช้สำหรับทำธุรกรรม ในพื้นที่จำกัด ถือเป็นก้าวแรกของการเงินระบบใช้บัตร ซึ่งมีความสะดวกซื้อก่อนจ่ายทีหลัง ลดความเสี่ยงต่อการโจรกรรม ไม่ต้องพกเงินมาก มีการบันทึกการใช้จ่ายซึ่งติดตามได้ ซึ่งในที่สุดก็มีการใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก

ในส่วนของประวัติศาสตร์ชาติไทยนั้น หากเริ่มต้นนับจากราชอาณาจักรสุโขทัยที่เริ่มเรืองอำนาจขึ้นพบว่า เริ่มมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนขึ้น พบว่ามีการผลิตเงินตราที่ทำจากโลหะเงิน มีสัณฐานกลมเรียกว่าเงินพดด้วงออกใช้ และสืบทอดมาจนถึงอาณาจักรศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และรัตนโกสินทร์ มีการใช้เงินพดด้วงเป็นเงินตราประจำชาตินานกว่า ๖๐๐ ปี ก่อนที่จะมีการผลิตเหรียญกษาปณ์ออกมาใช้

รูปแบบของเงินพดด้วงที่ทำด้วยเงินนั้นจะมีปลายขางอเข้าหากันเป็นปลายแหลม มีรูขนาดใหญ่ระหว่างขา มีตราประทับเพื่อแสดงแหล่งผลิต ตั้งแต่ ๑ จนถึง ๗ ตรา ได้แก่ ตราราชสีห์
ช้าง หอยสังข์ ธรรมจักร บัว กระต่าย และราชวัตร นอกจากทำด้วยเงินแล้วที่ทำด้วยดีบุกและตะกั่วก็มี

เงินพดด้วงในสมัยอยุธยาจะมีขนาดเล็กลง ปลายขาสั้น และไม่ชิดกัน มีตราประทับ ๒ ตรา ด้านบน คือตราจักร อันเป็นตราประจำแผ่นดิน ส่วนด้านหน้าเป็นตราประจำรัชกาลลักษณะต่างๆ เช่น ตราพุ่มข้าวบิณฑ์ตราพระมหานครินทร์ ตราช่อดอกไม้ จะช่ออุทุมพรตราราชวัตร ตราช้าง และตราสังข์ เป็นต้น

ในสมัยกรุงธนบุรี ยังคงมีการใช้เงินพดด้วงอยู่ ซึ่งต่อมาได้ผลิตโดยมีตราประจำรัชกาลประทับอยู่ด้วย เป็นตราพระแสงจักร ซึ่งเป็นตราประจำแผ่นดิน ส่วนตราประจำรัชกาลนั้นใช้ตราตรีศูลและตราทวิวุธ

ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เงินพดด้วงที่ใช้นั้นมีการเปลี่ยนแปลงเพียงแค่ตราเท่านั้น โดยในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ใช้ตราบัวอุณาโลมเป็นเครื่องหมายประจำรัชกาล และตราพระแสงจักรเป็นตราประจำแผ่นดิน และเริ่มมีราคาของเงินพดด้วง เป็นตำลึง บาท สลึงและเฟื้อง

ถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ การค้าขายระหว่างไทยกับต่างประเทศขยายตัวอย่างรวดเร็ว ในส่วนราชการยังใช้เงินพดด้วงในการแลกเปลี่ยน แต่เริ่มมีปัญหาเรื่องผลิตไม่ทันต่อความต้องการ และมีผู้ทำปลอมกันมาก จึงโปรดให้มีการปิดเงินกระดาษเรียกว่าหมาย ซึ่งยังเป็นการพิมพ์แบบง่ายๆ ใช้คู่กับเงินพดด้วง แต่ไม่ได้รับความนิยม จนเริ่มมีการผลิตเหรียญกลมแบนขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.๒๔๐๐ โดยเครื่องจักรที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระราชินีวิคตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร แล้วต่อมาก็มีการสั่งเครื่องจักร ผลิตเหรียญกษาปณ์แรงดันไอน้ำมาใช้ รวมทั้งตั้งโรงงานให้ชื่อว่า โรงกษาปณ์สิทธิการ โดยเหรียญกษาปณ์นี้ยังคงใช้คู่กับเงินพดด้วง แต่ไม่ให้มีการผลิตเงินพดด้วงเพิ่มมากขึ้น

ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้มีการผลิตเหรียญดีบุก โดยด้านหน้าเป็นตราพระเกี้ยว หรือที่เรียกว่าตราพระจุลมงกุฎอันเป็นตราประจำรัชกาล ส่วนด้านหลังเป็นรูปช้างในวงจักร มีการสร้างโรงกษาปณ์ใหม่ขึ้นพร้อมติดตั้งเครื่องจักรที่ทันสมัย ผลิตเหรียญเงินตราพระบรมรูป และตราแผ่นดิน เป็นเหรียญรุ่นแรกที่มีพระบรมรูปพระมหากษัตริย์บนหน้าเหรียญ ตามแบบสากลนิยม และได้ถือปฏิบัติมาจนถึงรัชกาลปัจจุบัน รวมทั้งได้ประกาศยกเลิกการใช้เงินพดด้วงทั้งหมด ได้มีการเปลี่ยนหน่วยเรียกของเงินแบบเดิมซึ่งมี ทด ชั่ง ตำลึง บาท สลึง เฟื้อง อัฐ โสฬส เหล่านี้ เพราะยากต่อการคำนวณ มาเป็นระบบทศนิยมแบบสากล คือหน่วยเงินบาทและสตางค์ อันเป็นมาตรฐานของเงินตราไทยตลอดมา

เมื่อโลกก้าวสู่ยุคของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีวิวัฒนาการอย่างรวดเร็ว มีระบบอินเตอร์เนตที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารได้ทั่วทุกมุมโลก และระบบนี้ได้ถูกนำเอามาใช้ในเรื่องการเงินการคลังด้วย จนทำให้เกิดระบบการเงินใหม่ที่เรียกว่า Cryptocurrency เป็นสกุลเงินเข้ารหัส เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่สามารถจับต้องได้ ใช้เป็นสื่อกลางในการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ โดยมูลค่าขึ้นกับความพึงพอใจระหว่างผู้ใช้

มี blockchain เป็นเครือข่ายการเก็บข้อมูล โดยถูกเก็บอยู่ในแต่ละบล็อก เชื่อมโยงกันบนเครือข่ายเหมือนกับเป็นห่วงโซ่ โดยเทคโนโลยีนี้จะคอยบันทึกและส่งข้อมูลให้ทุกคนที่เข้าระบบสามารถเข้าถึงและตรวจสอบได้ เชื่อว่าทำให้มีความโปร่งใส ปลอดภัยสูง ปลอมแปลงยาก เพราะทุกคนสามารถดูประวัติการทำธุรกรรมได้ หากต้องการเปลี่ยนแปลง ต้องแก้ทุกสำเนาที่ทุกคนในระบบถืออยู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้

มี coin เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าในตัวเอง ถูกสร้างเพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการต่างๆ มีเครือข่ายบล็อกเชนของตัวเอง

Cryptocurrency มีหลายกลุ่ม แต่ที่คนไทยรู้จักกันดีคือ bitcoin เป็นคริปโตแบบรักษามูลค่า เป็นเหรียญที่มีจำนวนจำกัดไม่มีการเพิ่มเติมอีกมีอยู่เท่าใดก็บันทึกไว้เท่านั้น ทำให้มูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อ demand เพิ่มมากขึ้น เป็นที่นิยมในประเทศไทยพอสมควร

อีกประเภทหนึ่งคือ stable Coin เป็นเหรียญที่ตรึงมูลค่าเข้ากับสกุลเงินหลักของโลก เช่นดอลลาร์ ยูโร หรือสินค้าโภคภัณฑ์ หนุนหลัง เช่นทองคำ น้ำมันดิบ ในอัตรา ๑ ต่อ ๑ ผู้ที่อยากจะเข้ามาเทรดต้องใช้เงินจริงซื้อ ในอัตรา ๑ ต่อ ๑ แล้วจึงนำไปซื้อคริปโตอื่นๆ ต่อไปได้ เป็นที่นิยมมากในประเทศจีน ซึ่งธนาคารกลางของจีนเพิ่งออกประกาศมาเมื่อไม่กี่วันนี้ว่าจะทำการกวาดล้างและปราบปรามเงินดิจิทัลนี้ ซึ่งเป็นเงินที่ไม่มีสถานะทางกฎหมาย เพราะมีการนำไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย โดยมีการปั่นราคา เก็งกำไร อันเป็นความเสี่ยงต่อระบบการเงินของประเทศ โดยถือว่าเป็นเงินเสมือนจริง จึงไม่ควรจะนำมาใช้ในการซื้อขาย และยังเป็นช่องทางในการฟอกเงิน การโอนเงินข้ามแดน ก่อปัญหาอาชญากรรม มีผลกระทบต่อสังคม

ปปง. ของไทยได้ดำเนินการตามกฎหมายโดยเข้าจับกุมดำเนินคดีกับบุคคลทั้งสัญชาติจีนและไทย ซึ่งเป็นเครือข่ายอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่เรียกว่าแก๊งสแกมเมอร์เมื่อ ๓-๔ วันที่ผ่านมานี้โดยถือว่าเป็นองค์กรข้ามชาติที่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อประเทศและประชาชนรวม ๔ ราย ได้ยึดและอายัดทรัพย์และสิ่งของอื่นๆ เป็นมูลค่ารวมกันประมาณ ๑๐,๑๖๕ ล้านบาท โดยรายแรกคือนายเฉิน จื้อ เป็นคนสนิทของนายฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีของเขมร ในข้อหาค้ามนุษย์ หลอกลวง ฟอกเงิน ผ่านเงินดิจิทัล มีฐานใหญ่ในเขมร รายที่ ๒ เป็นนายก๊ก อาน มีฐานในเขมรและสนิทกับฮุนเซนเช่นกัน เชื่อมโยงกับศูนย์สแกมเมอร์หลายแห่ง ฉ้อโกงโดยใช้บัญชีม้าในการทำธุรกรรม รายที่ ๓ ใช้ชื่อว่านางแตงไทย เป็นตัวแทนนายเลียก ยิม ผู้มีอิทธิพลในเขมร มีการโอนเงินผิดกฎหมายผ่านบริษัทต่างๆ เฉพาะรายนี้มีการยึดทรัพย์มากกว่า ๙,๐๐๐ ล้านบาท รายสุดท้ายคือนายเอื้ออังกูร สันติรักษ์โยธิน ชักชวนผู้เสียหายให้ลงทุน และถูกหลอกเอาเงินนั้นไปสู่กระเป๋าเงินดิจิทัล ของกลุ่มอาชญากรรมสัญชาติเขมรเช่นกัน

เงินดิจิทัลถูกกล่าวขวัญมากขึ้นเมื่อถูกนำมาใช้ในขบวนการอาชญากรรมทางการเงินข้ามชาติของกลุ่มแก๊งสีเทาทั้งหลาย ทั้งในการโกงเงิน การฟอกเงิน โยงไปถึงการค้ามนุษย์ อันก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมอย่างมากในหลายประเทศ จึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งจัดการอย่างจริงจังและเด็ดขาด ไม่เห็นแก่หน้าผู้ใดรวมทั้งนักการเมืองไทยบางคนซึ่งอาจจะส่วนร่วมอยู่ด้วย เพื่อขจัดภัยร้ายที่คุกคามชาติให้หมดไปโดยเร็วอย่างที่สุด

ปิยะ เนตรวิเชียร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
10:00 น. เอาให้จบ! ‘อดีตบิ๊กข่าวกรอง’ฮึ่ม! รอบนี้อย่าเจรจา รบรุกรวดเร็ว ทำลายศักยภาพให้สิ้นซาก
09:52 น. ส่องปัจจัยเสื่อม'ตระกูลฮุน' ก่อนเปิดสงครามกับไทย รอบ 2
09:47 น. ใช้สันดานเดิมอีกแล้ว! เขมรยิง BM-21 ลงพื้นที่พลเรือน บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์
09:45 น. ‘กองทัพภาคที่2’เตือนหน่วยงาน‘ยกระดับ’มาตรการรักษาความปลอดภัยอาคารสถานที่ราชการ
09:39 น. การละครมาแล้ว! ฮุน เซน ยกเลิกภารกิจทั้งหมด พร้อมนั่งบัญชาการรบเอง
ดูทั้งหมด
เปิดประวัติ นานา ไรบีนา พี่ใหญ่แห่งแก๊งนางฟ้า ตัวแม่ตัวมัมของเมืองไทย
ทรงเป็นแบบอย่าง! สมเด็จพระราชินี เก็บขยะเกาะราชาใหญ่ หลังแข่งคิงส์คัพรีกัตต้า (คลิป)
เปิดประวัติ เวย์ ไทยเทเนี่ยม แร็ปเปอร์ดังคู่ชีวิตดาราสาว นานา ไรบีนา
มาแล้ว! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 5-11 ธ.ค.68
จับตา พายุลูกใหม่ กำลังก่อตัวช่วง 8-10 ธ.ค. บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง
ดูทั้งหมด
การสร้างสังคมไทยให้เป็นประชาธิปไตย โดยผ่านการปฏิรูประบบและกระบวนการกฎหมาย (4)
ไทยรบเขมรอีกครั้งแน่?
รัฐอันธพาลวางทุ่นระเบิดใหม่ ดื้อด้าน ปากแข็ง รัฐผู้เสียหายมีความชอบธรรมที่จะใช้อาวุธโต้ตอบ
บุคคลแนวหน้า : 8 ธันวาคม 2568
ทำอย่างไรให้คนทำงานดี ได้ทำงานต่อ?
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

‘กองทัพภาคที่2’เตือนหน่วยงาน‘ยกระดับ’มาตรการรักษาความปลอดภัยอาคารสถานที่ราชการ

กลุ่มคนเขมร 15-20 คน รุมทำร้ายคนไทย 4 คน ที่เกาหลีใต้ ก่อนเผ่นแน่บ

เอาให้จบ! ‘อดีตบิ๊กข่าวกรอง’ฮึ่ม! รอบนี้อย่าเจรจา รบรุกรวดเร็ว ทำลายศักยภาพให้สิ้นซาก

ไทม์ไลน์เดือด! กางพื้นที่‘กัมพูชา’เปิดฉากยิงป่วนไทยช่วงเช้ามืดหลายจุด

ใช้สันดานเดิมอีกแล้ว! เขมรยิง BM-21 ลงพื้นที่พลเรือน บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์

รบตลอดแนว! ‘ทบ.’แจ้งพื้นที่ปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา

  • Breaking News
  • เอาให้จบ! ‘อดีตบิ๊กข่าวกรอง’ฮึ่ม! รอบนี้อย่าเจรจา รบรุกรวดเร็ว ทำลายศักยภาพให้สิ้นซาก เอาให้จบ! ‘อดีตบิ๊กข่าวกรอง’ฮึ่ม! รอบนี้อย่าเจรจา รบรุกรวดเร็ว ทำลายศักยภาพให้สิ้นซาก
  • ส่องปัจจัยเสื่อม\'ตระกูลฮุน\' ก่อนเปิดสงครามกับไทย รอบ 2 ส่องปัจจัยเสื่อม'ตระกูลฮุน' ก่อนเปิดสงครามกับไทย รอบ 2
  • ใช้สันดานเดิมอีกแล้ว! เขมรยิง BM-21 ลงพื้นที่พลเรือน บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ใช้สันดานเดิมอีกแล้ว! เขมรยิง BM-21 ลงพื้นที่พลเรือน บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์
  • ‘กองทัพภาคที่2’เตือนหน่วยงาน‘ยกระดับ’มาตรการรักษาความปลอดภัยอาคารสถานที่ราชการ ‘กองทัพภาคที่2’เตือนหน่วยงาน‘ยกระดับ’มาตรการรักษาความปลอดภัยอาคารสถานที่ราชการ
  • การละครมาแล้ว! ฮุน เซน ยกเลิกภารกิจทั้งหมด พร้อมนั่งบัญชาการรบเอง การละครมาแล้ว! ฮุน เซน ยกเลิกภารกิจทั้งหมด พร้อมนั่งบัญชาการรบเอง
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

เงินดิจิทัล หายนะทางสังคม

เงินดิจิทัล หายนะทางสังคม

8 ธ.ค. 2568

คุณและโทษของน้ำ มนุษย์จะจัดการอย่างไร

คุณและโทษของน้ำ มนุษย์จะจัดการอย่างไร

1 ธ.ค. 2568

ความสัมพันธ์ไทย-จีน‘เราเป็นครอบครัวเดียวกัน’

ความสัมพันธ์ไทย-จีน‘เราเป็นครอบครัวเดียวกัน’

24 พ.ย. 2568

เขมร ยังจะต้องไว้ใจกันอีกหรือ

เขมร ยังจะต้องไว้ใจกันอีกหรือ

17 พ.ย. 2568

จากอั้งยี่ มาสู่แก๊งสแกมเมอร์

จากอั้งยี่ มาสู่แก๊งสแกมเมอร์

10 พ.ย. 2568

พระองค์ผู้ทรงเป็นวีรสตรี มหาราชินี

พระองค์ผู้ทรงเป็นวีรสตรี มหาราชินี

3 พ.ย. 2568

ผู้บริหารบ้านเมืองต้องไม่ทุจริต คดโกง

ผู้บริหารบ้านเมืองต้องไม่ทุจริต คดโกง

27 ต.ค. 2568

จากการพนันสู่แก๊งสแกมเมอร์ อันตรายของชาติ

จากการพนันสู่แก๊งสแกมเมอร์ อันตรายของชาติ

20 ต.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved