ทันทีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป ได้ดำเนินการยุบพรรค ด้วยคะแนนเสียง เป็นเอกฉันท์ของคณะกรรมการบริหารพรรค ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับวงการเมืองไทย เป็นอย่างมาก
ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 พรรคการเมืองย่อมสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมืองเมื่อไม่แก้ไขข้อบังคับให้ถูกต้องครบถ้วนภายในเวลาที่กำหนด มีจำนวนสมาชิกเหลือไม่ถึงตามที่กำหนด มีจำนวนสาขาพรรคการเมืองหรือไม่ถึงภาคละหนึ่งสาขาเป็นระยะเวลาติดต่อกันหนึ่งปี ไม่มีการประชุมใหญ่พรรคการเมืองหรือไม่มีการดำเนินกิจกรรมใดทางการเมืองเป็นระยะเวลาติดต่อกันหนึ่งปีไม่ส่งสมาชิกลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้งทั่วไปสองครั้งติดต่อกันหรือเป็นเวลาแปดปีติดต่อกัน มีหนี้สินล้นพ้นตัวตามกฎหมายล้มละลาย เลิกตามข้อบังคับ
การยุบหรือเลิกพรรคประชาชนปฏิรูป ถือเป็นเรื่องแปลก และเป็นกรณีศึกษา เพราะเมื่อพิจารณาถึงเหตุผล เห็นว่าไม่มีเหตุสมควร หรือจำเป็นให้ต้องยุบหรือเลิกพรรค แต่ยังสู้อุตส่าห์ดำเนินการยุบหรือเลิกพรรคด้วยความสมัครใจ
ในที่สุดคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ลงมติให้ความเห็นชอบในการยุบพรรค ประชาชนปฏิรูป แต่ไม่ได้ให้ความเห็นว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป ในการคำนวณจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ
อาจเป็นเพราะ กกต. เองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะตัดสินใจอย่างไร หรือจะคำนวณ จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่ออย่างไร จึงได้ปล่อยช่วงเวลาให้เป็นสุญญากาศ เพื่อรอฟังความคิดเห็นรอบด้าน ประกอบการตัดสินใจ นับว่าเป็นท่าทีที่ปกติของกกต.อยู่แล้ว ที่จะลังเลให้ความคิดเห็นอย่างฟันธงตรงไปตรงมา
พรรคประชาชนปฏิรูป มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพียง 1 คน คือ
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ และเป็นหัวหน้าพรรค ได้รับเลือกจากคะแนนเสียงทั่วประเทศจำนวน 45,000 คะแนน
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ได้แสดงท่าทีที่ชัดเจนว่า จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ แต่พรรคยังไม่มีความเห็นว่า จะรับเข้าเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่
ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 91 ได้ให้ความคุ้มครองสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแม้ว่าพรรคการเมืองถูกยุบ ดังนั้น นายไพบูลย์ นิติตะวันจึงยังมีสภาพเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่ออยู่
แต่มาตรา 101 (10) ต้องสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองภายใน 60 วัน นับจากวันยุบพรรค มิฉะนั้นจะขาดจากสมาชิกภาพ หรือขาดจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ
การที่พรรคประชาชนปฏิรูปมีคะแนนเสียง 45,000 คะแนน และนายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ เมื่อยุบพรรคและสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคอื่น จึงเป็นประเด็นว่า จะมีผลกระทบต่อจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อโดยภาพรวมหรือไม่ เพราะตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 90 มีหลักการว่า ทุกคะแนนเสียงย่อมไม่สูญเปล่า ต้องนำมาคิดคำนวณให้ครบถ้วน
แต่มาตรา 90 และมาตราอื่นในรัฐธรรมนูญ ไม่ได้บัญญัติไว้ในกรณีที่พรรคการเมืองยุบเอง ด้วยความสมัครใจว่า จะต้องปฏิบัติอย่างไรในการคิดคำนวณจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ นับว่าเป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมายของคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ
นักวิชาการและผู้เกี่ยวข้องได้แสดงความคิดเห็นหลายประการ ส่วนใหญ่จะไปในทิศทางที่ว่า ต้องนำ คะแนนเสียง 45,000 คะแนน ของพรรคประชาชนปฏิรูป ไปรวมกับคะแนนเสียงของพรรคที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน สมัครเข้าเป็นสมาชิกใหม่ แล้วนำมาคำนวณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง ซึ่งจะมีผลกระทบต่อพรรคเล็กที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อไม่กี่คน เพราะอาจจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อบางคนต้องหมดสมาชิกภาพ หรือพ้นการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อไป
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่า นายไพบูลย์ นิติตะวัน จะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ อันดับที่เท่าไหร่ ของพรรคใหม่ หรืออาจต้องมาต่อแถวท้ายสุด และจะไม่ได้มีโอกาสเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของพรรคใหม่อีกเลย
แต่นั่นอาจไม่ใช่ประเด็นที่ นายไพบูลย์ นิติตะวันต้องการ แต่สิ่งที่ต้องการ น่าจะเป็นการสร้างแนว หรือที่เรียกว่า ไพบูลย์โมเดล แบบใหม่ ให้สั่นสะเทือนการเมืองแต่ละย่างก้าวนับว่าไม่ธรรมดา
กฎหมายเป็นเรื่องยากในการตีความ บางครั้งการกระทำบางอย่าง ถือว่าผิด เพราะกฎหมายไม่อนุญาตให้ทำได้ แต่บางครั้งไม่ถือว่าผิด เพราะกฎหมายไม่ได้ห้ามไว้ จึงสามารถทำได้
ที่ชัดเจนคือ ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งที่ผ่านมา พรรคประชาชนปฏิรูปไม่เคยแถลงนโยบายว่า เมื่อได้รับเลือกมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคแล้ว ต่อไปจะยุบพรรคด้วยความสมัครใจ
ถ้าแถลงให้ชัดเจนอย่างนี้ตั้งแต่แรก พรรคประชาชนปฏิรูป อาจไม่ได้รับคะแนนเสียงถึง 45,000คะแนน หรือได้รับคะแนนเสียงน้อยมากและไม่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อแม้แต่คนเดียว และนายไพบูลย์ นิติตะวัน ไม่ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ
ทางเลือกอีกทางหนึ่งคือ ไม่ต้องไปคำนวณจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่ออีกครั้งให้วุ่นวาย เพราะกฎหมายไม่ได้บังคับให้กระทำ ต้องยอมรับการตัดสินของประชาชนในการเลือกตั้งขณะนั้น
ประชาชนที่ตัดสินใจลงคะแนนให้กับพรรคการเมืองใด ตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ แล้วต่อมาพรรคไม่ปฏิบัติตามโยบายนั้น ถือว่า ประชาชนตัดสินใจผิด ถูกลงโทษด้วยการตัดสินใจของตนเอง
สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นคือ สีสันของประชาธิปไตย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี