ช่วงต้นเดือนตุลาคม พ.ศ. 2564 คนส่วนมากจะได้ยินคำว่า “แพนโดรา เปเปอร์ส” (Pandora Papers) ซึ่งเป็นเอกสารลับชุดใหม่ที่ถูกเปิดเผยโดยสมาคม
ผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนนานาชาติ (International Consortium of Investigative Journalists - ICIJ) เป็นการเปิดโปงถึงผู้นำ นักการเมือง ผู้ทรงอิทธิพลเจ้าหน้าที่ของรัฐ มหาเศรษฐีหลายประเทศทั่วโลก ที่ได้ซุกซ่อนทรัพย์สินจำนวนมหาศาล มีการหลีกเลี่ยงภาษีทั้งยังฟอกเงินที่มาจากการทุจริตคอร์รัปชั่น
เอกสารส่วนมากมาจากบริษัทนอกประเทศ ที่ทำหน้าที่บริหารจัดการทรัพย์สิน หรือบริษัทออฟชอร์ (Off Shore Company) ของบุคคลดังกล่าว บริษัทออฟชอร์เหล่านี้ ส่วนมากตั้งอยู่ในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนสวรรค์แห่งการหลบเลี่ยงภาษี (Tax Haven)
มีการเปิดเผยถึงทรัพย์สินของประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ที่ซุกซ่อนไว้ในประเทศโมนาโก
ประธานาธิบดีอิลฮัม อาลิเยฟ แห่งอาเซอร์ไบจานถูกเปิดเผยว่า ลักลอบซื้ออสังหาริมทรัพย์ในสหราชอาณาจักรที่มีมูลค่า 542 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และสามารถขายต่อโดยทำกำไรได้ถึง 42 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
มีการเปิดเผยว่า กษัตริย์อับดุลลาห์ที่สองแห่งจอร์แดน ทรงเก็บสะสมทรัพย์สินที่มีมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างลับๆ ในรูปของอสังหาริมทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร นับแต่ขึ้นครองราชย์เมื่อปีพ.ศ.2542 ทรงซื้อพระตำหนัก15 แห่ง ที่ตั้งอยู่ในหาดมาลิบู รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ในกรุงลอนดอน และเมืองแอสคอตแห่งสหราชอาณาจักร
แพนโดรา เปเปอร์ส มาจากแหล่งที่มาของข้อมูล 14 แห่ง ความจุรวม 2.94 เทระไบต์ (1,000 กิกะไบต์ = 1 เทระไบต์) มี 11,903,676 ไฟล์ เป็นไฟล์เอกสาร 6,406,119 ไฟล์ รูปภาพ 2,937,513 ไฟล์ อีเมล 1,205,716 ไฟล์ สเปรตชีต 467,405 ไฟล์ อื่นๆ 886,923 ไฟล์
เมื่อปีพ.ศ. 2559 สมาคมผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนนานาชาติ ได้เปิดเผยถึงเอกสารหลุดลักษณะนี้เช่นกัน ชื่อ “ปานามา เปเปอร์ส” (Panama Papers) ที่หลุดมาจากสำนักงาน ทนายความ “มอสแซ็ก ฟอนเซกา” (Mossack Fonseca) ในประเทศปานามา เป็นบริษัทกฎหมายที่มีสำนักงานตั้งอยู่ใน 35 ประเทศทั่วโลกสร้างความตกตะลึงให้กับชาวโลก โดยมีข้อมูล 2.64 เทระไบต์
ช่วงที่มีการนำเสนอข่าวปานามา เปเปอร์ส อดีตนักการเมือง นักการเมืองไทยในเวลานั้น ต่างคงขวัญหนีดีฝ่อ เพราะมีการนำเสนอว่ามีคนไทยเกี่ยวข้อง 21 คน
ในอดีต ประเทศไทยเคยมีอดีตนักการเมือง ผู้ทรงอิทธิพล นำเงินไปฝากไว้ที่ธนาคารในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เช่นเดียวกับนักการเมืองหลายคนจากต่างประเทศ ในยุคนั้น การฝากเงินดังกล่าว การถอนเงินไม่ได้ถือตามตัวบุคคลและตัวอย่าง ลายเซ็นหรือลายมือชื่อ ที่ให้ไว้ แต่จะถือตามรหัส หรือ Code (สมัยนี้จะเรียกว่า รหัส หรือ Password) ตามที่ตกลงไว้กับธนาคาร ที่ใครจะมาถอนก็ได้ เพียงแต่ต้องแสดงรหัส หรือ Code ที่ถูกต้องเท่านั้น
เงินที่นักการเมือง ผู้ทรงอิทธิพลจากประเทศไทยและประเทศอื่น ที่ฝากไว้ที่ธนาคาร ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ส่วนมากจะเป็นเงินที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และได้มาโดยไม่ชอบ ผู้ที่ฝากไว้ ส่วนมากจะหวงแหน ทั้งยังไม่ยอมบอกรหัสหรือ Code ให้กับผู้อื่น แม้แต่ลูกหลานตัวเอง เมื่อเสียชีวิตโดยกะทันหัน จะไม่มีบุคคลอื่นเบิกเงินจากบัญชีได้ เพราะไม่ทราบรหัสหรือ Code กลายเป็นผลประโยชน์ของธนาคารในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ไปโดยสภาพ ที่ไม่สามารถประเมินมูลค่าหรือราคาได้ แต่เชื่อได้ว่าเป็นจำนวนเงินมหาศาล
ปัจจุบันในประเทศไทย มีพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ที่กำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ต้องเปิดเผยรายการทรัพย์สิน ที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินไม่เพียงแต่ของตัวเอง แต่ยังต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะตามที่มีอยู่จริงในวันที่ยื่นบัญชีดังกล่าวต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทุกครั้งที่เข้ารับตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่ง
นอกจากนี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ยังมีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบ ทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐได้
เป็นที่น่าสังเกตว่า การยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน มีผลบังคับใช้ได้แต่ทรัพย์สินในประเทศไทยเท่านั้น
ส่วนการที่ใครจะมีบัญชีเงินฝากหรือทรัพย์สินในต่างประเทศ กฎหมายไทยเอื้อมไปไม่ถึง การจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนเพื่อให้ หรือเอื้อประโยชน์ให้อย่างใดอย่างหนึ่ง อาจทำได้โดยการโอนเข้าบัญชีในต่างประเทศ แม้แต่ประเทศที่อยู่ใกล้ เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ ที่เดินทางไป-มาแสนสะดวก กฎหมายไทยไม่สามารถเอื้อมถึงได้
นอกจากนี้การเปิดบัญชีเงินฝากในต่างประเทศไม่ใช่เรื่องยากลำบาก ธนาคารหรือสถาบันการเงินในต่างประเทศ ไม่ถามจุกจิกกวนใจถึงที่มาของเงินรวมถึงสามารถให้บุคคลอื่นเป็นผู้เปิดบัญชีแทนเจ้าของบัญชีในตอนแรกได้
แม้การมีทรัพย์สินอยู่ในบริษัทต่างชาติ ธนาคาร สถาบันการเงินในต่างประเทศ จะไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายในตัวของมันเอง แต่เอกสารลับที่ถูกเปิดเผยนี้ อาจสามารถใช้เป็นหลักฐานเชื่อมโยง เปิดโปงการเลี่ยงภาษี การฟอกเงิน การค้ายาเสพติด ตลอดจนอาชญากรรมในรูปแบบอื่นๆ ได้
เมื่อมีการนำเสนอข่าวเอกสารหลุด ผู้ที่เกี่ยวข้องต่างออกมายืนยันความบริสุทธิ์ เช่น ไม่ได้ถือหุ้น หรือมีกองทุนนอกประเทศ รวมทั้งยืนยันว่า ตนเอง ภรรยา และบุตร ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ จากกองทุนนอกประเทศ
กฎหมายไทยใช้ได้ในระดับหนึ่งในประเทศไทยเท่านั้นเอง คงต้องรอให้บรรดารายงานหรือเปเปอร์สทั้งหลายเปิดเผยชื่อคนไทย ออกมาเอง ถึงจะตรวจสอบได้
จะมีรายชื่อคนไทยอยู่ในรายงานหรือเปเปอร์สทั้ง 2 ฉบับนี้หรือไม่ ? เป็นเรื่องที่เราต้องไปค้นหาและติดตามเอง ว่าใครเป็นใคร?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี