ในการประชุมครั้งที่ 10 ของ WHO Strategic and Technical Advisory Group for Neglected Tropical Diseases – NTDs (คณะกรรมการที่ปรึกษาทางด้านยุทธศาสตร์และเทคนิคขององค์การอนามัยโลกทางด้านโรคเขตร้อนที่ถูกลืม) เมื่อเดือนมีนาคม 2017 ที่ Geneva ที่ประชุมได้เสนอ WHO ให้บรรจุเรื่องการถูกงูพิษกัด (snakebite envenoming) เข้าไปอยู่ในcategory A ซึ่งต่อมาในการประชุมครั้งที่ 71 ของWorld Health Assembly เมื่อพฤษภาคม 2018 WHO ได้ออกมาตรการการแก้ปัญหาของการถูกงูพิษกัดต่อสมาชิกจากทุกๆ ประเทศ เนื่องจากว่าในแต่ละปีมีประชาชนชาวโลกถูกงูกัดถึง 5.4 ล้านคน ทำให้มีการเสียชีวิต 81,000 – 138,000คนต่อปี และยังทำให้ชาวโลกมีการพิการทางด้านกาย ใจ อีก 4-5 เท่าของจำนวนผู้ที่เสียชีวิต คนส่วนใหญ่ที่มีปัญหาจากถูกงูพิษกัดเป็นผู้ยากไร้ ที่ทำงานทางด้านเกษตร และอายุอยู่ในช่วง10-40 ปี ที่ประชุมรับว่าสภาวะการถูกงูพิษกัดเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก อยู่ในลำดับต้นๆ ของ “Neglected TropicalDiseases” และเนื่องจากเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ที่จะต้องเสร็จสิ้นลงในปี ค.ศ.2030 โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวกับความยากจน (poverty), ความหิวโหย (hunger), สุขภาพและการศึกษา (health and education) อาจจะถูกกีดกันไม่ให้ไปถึงเป้าหมายเนื่องมาจากโรคต่างๆ ที่ถูกลืมของผู้ยากไร้ รวมทั้งที่เกิดจากการถูกงูพิษกัด องค์การอนามัยโลกจึงกระตุ้นให้ทุกประเทศมีความสนใจในทุกๆ เรื่องของการถูกงูพิษกัด
WHO ได้ผลิตเอกสารที่น่าสนใจออกมา 2 ฉบับ คือ 1) Guidelines for the Management of Snakebites 2nd EditionWHO Regional Office for Sough-East Asia 2016(แนวทางเวชปฏิบัติของการถูกงูกัด) และ 2) SnakebiteEnvenoming-A Strategy for Prevention and Control WHO 2019 (ยุทธศาสตร์สำหรับป้องกันและควบคุมการถูกงูพิษกัด)ซึ่งทุกสถาบันทางการแพทย์ โรงพยาบาลทุกโรงพยาบาลควรมีและอ่านกันอย่างแพร่หลาย
ด้วยเหตุนี้เองผมจึงขอนำข้อมูลนี้และข้อมูลงูต่างๆ ในประเทศไทยตามที่เอกสารของสถานเสาวภา สภากาชาดไทย ทำไว้มาให้ทุกๆ ท่านกรุณารับทราบ เพื่อจะเป็นประโยชน์ต่อไป
ประเทศไทยมีสัตว์ที่มีพิษและไม่มีพิษมากมาย สัตว์ที่มีพิษ คือ งู (ไม่ใช่ทุกชนิด) ตะขาบ แมงป่อง ที่อาจเข้ามาอาศัยหลบซ่อนอยู่ในบ้านเรา โดยเฉพาะในขณะนี้ที่เป็นฤดูฝน และมีน้ำท่วมในหลายๆ จังหวัด
งู แบ่งประเภทตามลักษณะของฟัน เช่น
1) กลุ่มงูพิษเขี้ยวพิษหน้าสั้น (Proteroglyphs) เขี้ยวพิษมีขนาดสั้นยึดติดแน่นบริเวณด้านหน้าของขากรรไกรบน เขี้ยวพิษมีร่องตามยาวอยู่ด้านหน้าสำหรับให้น้ำพิษไหลผ่าน คือ กลุ่มงูเห่างูจงอาง กลุ่มงูสามเหลี่ยม งูปล้องหวายและงูพริก กลุ่มงูทะเล ฯลฯ เป็นกลุ่มที่น้ำพิษออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท
2) กลุ่มงูพิษเขี้ยวพิษหน้ายาว (Solenoglyphs)เขี้ยวพิษมีขนาดยาวเคลื่อนไหวอิสระไม่ยึดแน่นกับขากรรไกรบน เขี้ยวพิษมีช่องกลวงตามยาวให้น้ำพิษไหลผ่านคล้ายเข็มฉีดยา คือ งูที่น้ำพิษออกฤทธิ์ต่อระบบโลหิต คือ งูในกลุ่ม Solenoglyphs ซึ่งมีงูเขียวหางไหม้ งูกะปะ งูแมวเซา
3) กลุ่มงูเขี้ยวพิษหลัง (Opisthoglyphs)เขี้ยวพิษขนาดเล็กอยู่ลึกเข้าทางส่วนท้ายของขากรรไกรบนตรงตำแหน่งนัยน์ตา เขี้ยวพิษมีร่องตามยาวอยู่ด้านหน้าสำหรับให้น้ำพิษไหลผ่านหรือเป็นเขี้ยวตันไม่มีร่อง งูในกลุ่มนี้มีจำนวนหลากหลายชนิดมากที่สุด ชนิดงูพิษอ่อนอันตราย งูพิษอ่อนไม่เป็นอันตรายต่อผู้ที่ถูกกัด รวมถึงงูไม่มีพิษ งูในกลุ่มนี้มีงูลายสาบคอแดง (Rhabdophis subminiatus) งูปี่แก้วลายแต้ม(Oligodon fasciolatus) งูปล้องท้อง (Boiga dendrophila)งูเขียวพระอินทร์(Chrysopelea ornate) งูเขียวบอน (Boiga cyanea) งูเขียวปากจิ้งจก (Aheutella prasina)
4) กลุ่มงูไม่มีพิษ (Aglyphs) เนื่องจากไม่มีเขี้ยวพิษ มีแต่ฟันธรรมดาที่แหลมคมเรียงตัวเป็นแถวทั้งด้านบนและล่างของขากรรไกร เป็นกลุ่มงูไม่มีต่อมพิษและเขี้ยวพิษ แต่งูบางชนิดในกลุ่มนี้จัดว่าเป็นงูอันตราย เนื่องจากมีฟันที่แหลมคมมากเมื่อขบกัดและบางชนิดมีกล้ามเนื้อลำตัวที่แข็งแรงเมื่อรัดเหยื่อ งูในกลุ่มนี้ประกอบด้วย งูเหลือม (Broghammerus reticulatus) งูหลาม (Python bivittatus) งูสิงหางลาย (Ptyas mucosa) งูทางมะพร้าว (Coelognathus radiatus) งูหลามปากเป็ด (Python brongersmai) งูปล้องฉนวนลาวเหลือง (Lycodon laoensis) งูลายสอ (Xenochrophis flavipunctatus) งูปล้องฉนวนสร้อยเหลือง (Lycodon capucinus) งูงวงช้าง (Acrochordus javanicus) งูกระด้าง (Erpeton tentaculatum) มี งูก้นขบ (Cylindrophis ruffus) งูแสงอาทิตย์ (Xenopeltis unicolor)
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี