ในมุมมองของผม การพัฒนาประเทศเพื่อที่จะให้ประเทศไทยมี “ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” สามารถทำได้โดยสรุปง่ายๆนิดเดียว คือ เราต้องทำให้คนไทยทุกคน เป็นคนที่ดี เก่ง รอบรู้ และมีสุขภาพที่ดี
ทางด้านทฤษฎีเข้าใจได้ง่าย ว่าทำไมผมจึงกล่าวเช่นนี้มีเหตุผล มีที่มาที่ไป
แต่ทางด้านปฏิบัติ การทำให้ทุกๆ คนไทยเป็นคนดี ที่เก่ง ที่รอบรู้ และมีสุขภาพดี ทำได้ยาก ต้องใช้เวลานาน ต้องร่วมมือกันทั้งประเทศ ตั้งแต่บิดา มารดา ครอบครัว ญาติพี่น้อง โรงเรียน ชุมชน สังคม รัฐ ผู้นำประเทศ นักแสดง มีตัวอย่าง หรือ idol ที่ดีเอกชน สื่อมวลชน ฯลฯ ต้องเริ่มตั้งแต่บัดนี้ แต่กว่าจะได้ผลจริงๆ ก็คงต้องใช้เวลา 20-30 ปี ยิ่งนานจะยิ่งดี ต้องนานยิ่งกว่ายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีเสียอีก และถ้าทุกๆ คนเป็นคนดี (และเก่งพอสมควร) ปัญหาต่างๆ ของประเทศไทยก็จะจบลงโดยสิ้นเชิง
ลองมาพิจารณาดูว่า ทำไม “ดี เก่ง รอบรู้ สุขภาพดี” จะแก้ปัญหาประเทศได้
ดี คือ เห็นแก่ส่วนรวม มีเหตุผล ไม่โกง ไม่กิน ขยัน ประหยัด มีวินัย เคารพกฎหมายบ้านเมือง มีศีลธรรม จรรยาบรรณธรรมาภิบาลฯ อยู่ในคำว่า “ดี” หมด ดี เป็นคำที่สั้นมาก แต่มีความหมายกว้างขวางเหลือเกิน
เก่ง – ผมต้องขยายความนิด คือ ก่อนที่จะเก่งได้-ต้องมีโอกาสเรียนและต้องเรียนเป็น จับประเด็นเป็น สรุปเป็น รู้หัวใจของเรื่อง(ของโรค) รู้ว่าใคร/อะไร เป็น “นางเอก พระเอก ผู้ร้าย” ของเรื่อง/โรค-ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต-และต้องเก่ง 7 อย่าง คือ เก่งคิด เก่งคน เก่งงาน เก่งเงิน เก่ง “ขาย” และเก่งฟัง
จากประสบการณ์ของผมที่สอนนิสิตแพทย์ แพทย์(และประชาชน)มาจะครบ 50 ปี ปีหน้า ผมมีความรู้สึกว่า คุณหมอทั้งหลายยังเรียนไม่เป็น ยังไม่รู้จักหัวใจของเรื่อง ยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นพระเอก นางเอก ผู้ร้าย ของเรื่อง เพียงแต่มีสมอง ความจำดีท่องได้แม่นยำ แต่การวิเคราะห์ สังเคราะห์ หรือคิดสร้างสรรค์ จับประเด็นยังไม่ค่อยมี ด้วยเหตุนี้เองผมจึงจะมีความเห็นมานานแล้วว่าถ้ามีผู้เชี่ยวชาญทางด้านการศึกษา มาแนะแนวการศึกษาให้นิสิตมหาวิทยาลัยในเทอมแรกของปีแรกของทุกคณะ จะเป็นการดีที่สุด หรืออาจสอนตั้งแต่มัธยมต้น แต่ถึงอย่างไรก็ควรสอนอีกครั้งตอนเข้ามหาวิทยาลัย
1) เก่งคิด คือ คิดเก่ง วางแผนเก่ง คิดสร้างสรรค์ คิดนอกกรอบ เพราะถ้าคิดในกรอบ จะคิดไม่ออก กรอบมันไม่ให้โอกาศเราคิดถ้าพบทาง “ตัน” ต้องไม่ยอมแพ้ ต้องหาทางแก้ปัญหาจนได้
2) เก่งคน มองคนออก ใครเก่งอะไร ไม่ค่อยเก่งอะไร ต้องมีความสามารถในการโน้มน้าวให้เขามาช่วยเราทำงานด้วยความสมัครใจ ไม่ใช่ว่าเขามาช่วยเพราะเราเป็นนาย เราสั่งเขาเท่านั้น เพราะถ้าเขาไม่เห็นด้วย ไม่ชอบ เขาก็มาแต่กาย ใจไม่มา งานก็จะไม่ดีเท่าที่ควร ต้องใช้คนให้เหมาะกับงาน เช่น หมอบางคนสอนเก่ง บางคนวิจัยเก่งบางคนบริหารเก่ง บางคนหาเงินเก่ง บางคนพูดเก่ง ต้องใช้เขาให้ถูกกับงาน ต้องยอมรับเขาอย่างเท่าเทียมกัน ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของทีม เหมือนทีมฟุตบอล ต้องมีกองหน้า กองกลาง กองหลัง ประตูถ้ามีแต่กองหลัง หรือกองหน้าเท่านั้นก็แย่
3) เก่งงาน ต้องรู้หน้าที่ของตนเอง แล้วทำตามหน้าที่ ต้องอ่านเกี่ยวกับงานตนเองให้รู้ดีอย่างทั่วถึง ทำงานให้เต็มที่ อย่างผมตอนได้รับการเลือกตั้งเป็นกรรมการแพทยสภาครั้งแรก ถูกเชิญให้เป็นเลขาธิการแพทยสภา เลขาธิการมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบมากมาย ดูแลแพทย์ทั้งประเทศ ไม่ควรเอาผมซึ่งเพิ่งเข้าไปใหม่ๆ ไปเป็นเลขาธิการ แต่ปฏิเสธอย่างไร ก็ไม่ยอม เลยต้องเป็น ผมอยากทราบหน้าที่ของตนเองจึงไปอ่าน พ.ร.บ.แพทยสภา พบว่ามาตรา 7 ของแพทยสภามีวัตถุประสงค์ ดังนี้
ควบคุมการประพฤติของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมให้ถูกต้องตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม
ส่งเสริมการศึกษา การวิจัย และการประกอบวิชาชีพในทางการแพทย์
ส่งเสริมความสามัคคีและผดุงเกียรติของสมาชิก
ช่วยเหลือ แนะนำ เผยแพร่ และให้การศึกษาแก่ประชาชนและองค์กรอื่นในเรื่องที่เกี่ยวกับการแพทย์และการสาธารณสุข
ให้คำปรึกษาหรือข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลเกี่ยวกับปัญหาการแพทย์และการสาธารณสุขของประเทศ
เป็นตัวแทนของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมในประเทศไทย
ผมเลยเอามาเป็น job description ในการทำงานของผม สรุปวัตถุประสงค์ของแพทยสภา ตามมาตรา 7 ก็คือ (ตามความหมายตามปรัชญาของผม ซึ่งก็คือ ดี เก่ง รอบรู้ สุขภาพดี) แพทยสภามีหน้าที่ดูแลแพทย์หลักๆ 2 เรื่อง คือ เรื่องความดี (จริยธรรม) และความเก่ง คือ “มาตรฐาน” ของแพทย์และต้องช่วยสนับสนุนการทำงานของแพทย์ ให้ความรู้แก่ประชาชน
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี