ผมเพิ่งได้รับเอกสารเกี่ยวกับ “สถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พ.ศ.2564 (2021)” ที่ผลิตโดยมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.) ตามกำหนดของคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ (กผส.) เพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ซึ่งผมเห็นว่ามีข้อมูลที่น่าสนใจมีความสำคัญและเป็นประโยชน์อย่างมาก จึงขอนำมาเล่าสู่กันฟัง
ในปี ค.ศ.2021 (2564) ในโลกนี้มีประชากรรวมทั้งสิ้น 7,875 ล้านคน มีประชากรที่มีอายุเกิน 60 ปี 14% หรือ 1,082 ล้านคน ถือได้ว่าโลกเราเป็นสังคมสูงอายุแล้ว (มีผู้มีอายุเกิน 60 ปี 10% ขึ้นไป) มีประชากรที่มีอายุเกิน 80 ปี (ผู้สูงอายุวัยปลาย) 2% หรือ 151 ล้านคน โดยทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือมีประชากรที่มีอายุเกิน 60 ปี มากกว่า 20% กล่าวคือ เป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ ทวีปอื่นๆ ต่างก็เป็นสังคมผู้สูงอายุ (เกิน 10%) แล้วทั้งนั้น ยกเว้นทวีปแอฟริกาที่ยังมีผู้สูงวัยไม่ถึง 10% ของประชากร
ประเทศที่มีประชากรสูงอายุมากที่สุดตามลำดับ คือ ญี่ปุ่น (35%), อิตาลี (30%), โปรตุเกส (30%) ในปี ค.ศ.2021 อาเซียน (Asean) มีประชากรทั้งหมด 671 ล้านคน มีประชากรที่มีอายุเกิน 60 ปีถึง 11% (อาเซียนจึงเป็นสังคมผู้สูงอายุไปแล้ว) และมีประชากรที่มีอายุเกิน 80 ปี ถึง 8.6 ล้านคน ในปี 2021 จากที่มีเพียง 7.6 ล้านคนในปี 2020 หรือเพิ่มขึ้นถึง 13% มี 7 ประเทศในอาเซียนที่เป็นสังคมสูงอายุคือ สิงคโปร์ 22%, ไทย 19%, เวียดนาม 13%, มาเลเซีย 11%, อินโดนีเซีย 10%, เมียนมา 10%, บรูไน 10%
สำหรับประเทศไทยในปี 2564 มีประชากร 66.7 ล้านคน เมื่อ 50 ปีก่อนประเทศไทยมีผู้สูงอายุไม่ถึง 2 ล้านคน แต่ในปี 2564มีผู้สูงอายุถึง 12.5 ล้านคน หรือ 19% ของประชากรทั้งหมด
ในอีก 20 ปีข้างหน้า ประชากรไทยจะเพิ่มช้าลง อัตราเพิ่มประชากรจะลดต่ำลงจนถึงขั้นติดลบ แต่ประชากรสูงอายุจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประชากรที่มีอายุสูงยิ่งเพิ่มขึ้นเร็ว ในขณะที่ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปจะเพิ่มเฉลี่ย 4% ต่อปี ผู้สูงอายุวัยปลาย 80 ปีขึ้นไปจะเพิ่มขึ้นด้วยอัตราเฉลี่ยถึง 7% ต่อปี
ในปี พ.ศ.2564 ประเทศไทยมีประชากร 66.7 ล้านคน เป็นสตรี 34.5 ล้านคน ชาย 32.2 ล้านคน หรือชาย 93 คนต่อหญิง 100 คน ผู้สูงอายุชายมี 5.3 ล้านคน แบ่งออกเป็นผู้สูงอายุชายวัยต้น (60-69 ปี) 3.5 ล้านคน วัยกลาง(70-79 ปี) 1.4 ล้านคน วัยปลาย (80 ปีขึ้นไป) 0.4 ล้านคน รวมผู้สูงอายุชายทั้งหมด 5.3 ล้านคน และผู้สูงอายุหญิงวัยต้น 4.1 ล้านคน วัยกลาง2.1 ล้านคน วัยปลาย 1.0 ล้านคน รวมผู้สูงอายุหญิงทั้งหมด 7.2 ล้านคน
รวมทั้งสิ้นประเทศไทยมีผู้สูงอายุ 12.5 ล้านคน โดยอัตราส่วนเพศของผู้สูงอายุชาย 74 คนต่อหญิง 100 คน อัตราส่วนเพศของผู้สูงอายุวัยต้นชาย 83 ต่อหญิง 100 คน วัยกลาง ชาย 67 คนต่อหญิง 100 คน วัยปลาย ชาย 40 คน ต่อหญิง 100 คน
ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าหญิงมีอายุยืนกว่าชายในทุกวัยและหญิงมีอายุยืนมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับชายในวัยกลางและปลาย
อายุคาดเฉลี่ยเมื่อแรกเกิดในปี พ.ศ.2564 ชาย 73.5 ปี หญิง 80.5 ปีและอายุคาดเฉลี่ยเมื่ออายุ 60 ปี ชาย 17.4 ปี (คือถ้ามีอายุ 60 ปีในปี พ.ศ.2564 น่าที่จะอยู่ต่อไปได้เฉลี่ยอีก 17.4 ปี) หญิง 23.2 ปี
ผู้สูงอายุที่อยู่ในสถานสงเคราะห์คนชราที่อยู่ภายใต้การดูแลของ อปท. 965 คน(2563), 910 คน (2564) และภายใต้การดูแลของ พม. 1,293 คน (2563), 1,286 คน (2564)
ผู้ดูแลผู้สูงอายุที่เป็นสวัสดิการของรัฐมี อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) 1,027,036 คน (2563), 1,039,729 คน (2564), อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (เชี่ยวชาญด้านผู้สูงอายุ) 24,293 คน(2563), 44,807 คน (2564), ผู้ดูแลผู้สูงอายุ (caregiver) 86,829 คน (2563), 94,968 คน (2564), ผู้จัดการการดูแลผู้สูงอายุ (care manager) 13,615 คน (2563), 15,114 คน (2564), อาสาสมัครบริบาลท้องถิ่น (อสบ.) 13,190 คน (2563), 13,387 คน (2564)
สวัสดิการด้านการเงินของรัฐสำหรับผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพ 9,663,169 คน งบประมาณ 76,280 ล้านบาท (2563), 10,488,013 คน งบประมาณ 79,300 ล้านบาท (2564), ผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยหวัด บำเหน็จและบำนาญข้าราชการ 803,293 คน งบประมาณ 267,012 ล้านบาท (2563), 792,581 คน งบประมาณ 264,904 ล้านบาท(2564), ผู้รับบำเหน็จจากสิทธิประโยชน์(กรณีชราภาพตามมาตรา 33และมาตรา 39) 267,843 คน งบประมาณ 10,758 ล้านบาท(2563), 315,566 คน งบประมาณ 12,142 ล้านบาท (2564), บำเหน็จจากสิทธิประโยชน์(กรณีชราภาพตามมาตรา 40) 22,880 คน งบประมาณ 83.42 ล้านบาท(2563), 23,406 คน งบประมาณ 96.51 ล้านบาท (2564), ผู้รับบำนาญจากสิทธิประโยชน์ (กรณีชราภาพตามมาตรา 33 และมาตรา 39) 295,981 คน งบประมาณ 8,192.80 ล้านบาท(2563), 390,950 คน งบประมาณ 11,734.51 ล้านบาท (2564), ผู้สูงอายุที่ประกันตนในระบบประกันสังคม (มาตรา 33 39 และ 40) 1,016,015 คน (2563), 1,744,511 คน (2564), ผู้สูงอายุที่เป็นสมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ปี 2563 จำนวน 81,243 คน (ร้อยละ 3.4 ของสมาชิกทั้งหมด 2,369,543 คน), ปี 2564 จำนวณ81,252 คน (ร้อยละ 3.3 ของสมาชิกทั้งหมด 2,453,968 คน),ผู้สูงอายุที่ลงทะเบียนและได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 4,678,596 คนงบประมาณ 3,349,870,504 บาท (ณ 31 ธันวาคม 2563), 4,814,228 คนงบประมาณ 4,214,210,400 บาท (ณ 30 กันยายน 2564)และสนับสนุนการจัดการศพผู้สูงอายุตามประเพณี 8,807 ราย งบประมาณ20 ล้านบาท (2563), 7,000 ราย งบประมาณ 21 ล้านบาท (2564)
ผู้สูงอายุที่เป็นโรคสมองเสื่อมในปี 2564 มีชาย 2 แสนคน หญิง 4.8 แสนคน รวม 6.8 แสนคน มีผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะติดเตียง 46,779 คน มีชมรมผู้สูงอายุ 29,276 ชมรม (2563), 29,359 ชมรม (2564), โรงเรียนผู้สูงอายุ 2,049 แห่ง (2563), 2,327 แห่ง (2564), มีศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ (ศพอส.) 1,589 แห่ง (2563 และ 2564)
ประเทศเราเป็นสังคมผู้สูงอายุแล้ว และจะมีอัตราส่วนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกๆ คนต้องพยายามเตรียมตนเองให้พร้อมที่จะเป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ ทั้งทางด้านการศึกษา ทำงาน การออม การลงทุนและทางด้านสุขภาพ ทุกๆ คนต้องพยายามให้แต่ละคนพึ่งตนเองให้ได้ให้มากที่สุดในทุกๆ เรื่อง และให้นานที่สุด และหวังว่าเมื่อถึงเวลาที่ต้องการความช่วยเหลือ เช่น ที่พัก ผู้ดูแล การเข้าถึงบริการทางการแพทย์ รัฐบาล ภาคเอกชน สังคมจะมีระบบรองรับที่ดี
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี