เมื่อวานนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ คดีสินบนข้ามชาติเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ(ช่วงปี 2546-2550)
จำเลย คือ นางจุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ น.ส.จิตติโสภา ศิริวรรณ ลูกสาว ในความผิดฐานเรียก รับ หรือยอมรับสินบน, ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, ผิดกฎหมายฮั้วประมูล
จากพฤติการณ์รับเงินตอบแทนจากสามี-ภรรยานักธุรกิจภาพยนตร์ชาวสหรัฐ เพื่อให้ได้สิทธิในการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ ปี 2546-2550 มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท
1. ที่มาของคดีนี้ จุดเริ่มต้นเป็นที่ฮือฮามาก เพราะมีการจับโกงกันที่ต่างประเทศก่อน
เป็นการดำเนินคดีตามกฎหมายการกระทำอันเป็นการทุจริตข้ามชาติ(Foreign Corrupt Practices Act) หรือ FCPA ของสหรัฐฯ กระทั่งศาลนครลอสแองเจลิส ตัดสินว่า นายเจอรัลด์ กรีน และนางแพทริเซีย กรีนสองสามีภรรยา เจ้าของบริษัทผลิตภาพยนตร์ในสหรัฐ มีความผิดข้อหาติดสินบน นางจุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการ ททท. ประเทศไทย โดยจ่ายเงินให้นางจุฑามาศไปทั้งหมด 1.8 ล้านดอลลาร์ เพื่อแลกกับการให้ ททท. คัดเลือกเป็นผู้จัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ หรือ Bangkok International Film Festival(BIBF) ช่วงปี 2546 – 2550
ในคดีนั้น เปิดโปงกันว่า สินบนบางส่วน จ่ายเป็นเงินสด ประมาณ 10-20%
ที่เหลือโอนเข้าบัญชีลูกสาวของนางจุฑามาศและเพื่อน
ช่วงระหว่างวันที่ 30 พ.ค.2546 ถึงวันที่ 16 ต.ค.2549 มีการโอนเงินจากเครือข่ายของสามีภรรยาตัวแสบ เข้าบัญชีของลูกสาวนางจุฑามาศ ในสิงคโปร์ อังกฤษ และหมู่เกาะเจอร์ซีย์ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ 41 ครั้ง รวมเป็นเงิน 1,384,694 เหรียญสหรัฐ
ระหว่างวันที่ 12 ธ.ค.2546 และวันที่ 1 เม.ย. 2548 มีการโอนเงินไปที่บัญชีของ K.L. (เพื่อนสนิทของผู้ว่าการ ททท.) โดยผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ 4 ครั้งแคชเชียร์เช็ค 1 ครั้ง รวมเป็นเงิน 319,000 เหรียญสหรัฐ
รวมเงินประมาณ 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐ
แลกกับการได้จัดงาน ได้ค่าจัดงานราคางาม ไม่ต้องแข่งขันกับรายอื่น
โดยสองสามีภรรยาดังกล่าว ตั้งบริษัทขึ้นมาเป็นคู่สัญญากับ ททท. แล้วสามีภรรยาคู่นี้ยังได้งานอื่นๆ ด้วย อาทิ งานเปิดตัวและประชาสัมพันธ์โครงการอีลิท การ์ด ในสหรัฐ มูลค่ากว่าร้อยล้านบาท โดยที่นางจุฑามาศ ซึ่งเป็นประธานผู้บริหารโครงการบัตรอีลิทในยุครัฐบาลทักษิณช่วงนั้น
ปลายปี 2553 ศาลสหรัฐพิพากษาจำคุกนายเจอรัลด์และนางแพทริเซีย6 เดือน จากนั้นกักบริเวณในบ้านอีก 6 เดือน จ่ายเงินชดใช้ 2.5 แสนดอลลาร์ หรือประมาณ 8 ล้านบาท
หลังจากนั้น ป.ป.ช.ไทยได้มีการประสานข้อเท็จจริง ดำเนินการไต่สวน และใช้ข้อมูลจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ และสำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (FBI) รวมทั้งเส้นทางการเงินของผู้ต้องหาด้วย
2. ปี 2554 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนางจุฑามาศ และบุตรสาว
ส่งสำนวน พร้อมความเห็นให้กับอัยการสูงสุด (อสส.)
แต่หลังจากนั้น ก็ยังต้องมีการตั้งคณะทำงานพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ในคดีอีกนาน
กระทั่งหลังรัฐประหาร มาถึงยุครัฐบาล คสช. อัยการยื่นฟ้องศาลเมื่อวันที่ 25 ส.ค.2558
3. ศาลปราบโกงมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 มี.ค.2560
ชี้ชัดว่า การจัดจ้างโครงการเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ มีการกำหนดเงื่อนไขโดยวิธีตกลงราคาหรือวิธีพิเศษ ไม่เหมาะสม ไม่เป็นไปตามข้อบังคับของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2538
โดยเฉพาะโครงการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ ปี 2546 ไม่เป็นการจ้างบริษัทที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ ที่มีประสบการณ์ที่เคยทราบหรือเคยเห็นความสามารถผลงานมาแล้ว
นางจุฑามาศ จำเลยที่ 1 คบคิดกับนายเจอรัลด์และนางแพทริเซีย กรีนนักธุรกิจในสหรัฐฯ จัดตั้งบริษัทเข้ามาเป็นคู่สัญญากับ ททท. และยังเรียกรับเงินสินบนจากนายเจอรัลด์ โดยโอนเงินไปยัง น.ส.จิตติโสภา จำเลยที่ 2 กับเพื่อน59 รายการ เป็นเงิน 1,822,294 เหรียญสหรัฐ
พฤติการณ์ของ นางจุฑามาศ จำเลยที่ 1 จึงเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันเป็นความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล) พ.ศ.2542 มาตรา 12 และผิดฐานเรียกรับทรัพย์สินฯ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6 ,12
พิพากษาให้จำคุก นางจุฑามาศ 11 กระทง กระทงละ 6 ปี เป็นจำคุกทั้งสิ้น 66 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงตามกฎหมายแล้ว ให้จำคุกสูงสุดเป็นเวลา 50 ปี
จำคุก น.ส.จิตติโสภา จำนวน 11 กระทงเช่นกัน กระทงละ 4 ปีโดยจำคุกทั้งสิ้น 44 ปี
และมีคำสั่งให้ริบเงินกระทำผิด 1,822,494 เหรียญสหรัฐ และดอกผลที่เกิดขึ้นให้ตกเป็นของแผ่นดินด้วย โดยเงินนั้นเป็นทรัพย์ที่ฝากอยู่ในธนาคารต่างประเทศ ศาลจึงได้กำหนดมูลค่าทรัพย์ที่สั่งริบนั้น เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 62,724,776 บาท
ระหว่างอุทธรณ์ นางจุฑามาศ และ น.ส.จิตติโสภา ถูกคุมขังอยู่ในทัณฑสถานหญิงกลาง ไม่ได้รับการประกันตัว
4. กระทั่งเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2562 ศาลอุทธรณ์พิพากษา
โดยรับฟังได้ว่า นางจุฑามาศได้สมคบโดยให้คำแนะนำกับสามี-ภรรยาตระกูลกรีนในการเข้ามาร่วมจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติในลักษณะของการฮั้วประมูลตามที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา คงจำคุกตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น 11 กระทง กระทงละ 6 ปี จำคุกทั้งสิ้น 66 ปี แต่เมื่อรวมโทษตามกฎหมายแล้วให้จำคุกสูงสุดเป็นเวลา 50 ปี
แต่ในส่วนของ น.ส.จิตติโสภา บุตรสาว ในการฟ้องของอัยการโจทก์ไม่ได้ระบุและนำสืบชัดเจนในการที่จะร่วมสนับสนุนกระทำผิดต่อการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ ปี 2550 จึงเห็นควรพิพากษาแก้เป็นจำคุก น.ส.จิตติโสภา รวม 10 กระทง (จากที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 11 กระทง) กระทงละ 4 ปี รวมจำคุกทั้งสิ้น 40 ปี
อย่างไรก็ตาม ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้ยกคำสั่งริบทรัพย์ของศาลชั้นต้น เนื่องจากเห็นว่าเป็นการวินิจฉัยเกินคำขอท้ายฟ้องของโจทก์
5. นอกจากคดีอาญานี้แล้ว นางจุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการ ททท.ยังถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ในข้อหาร่ำรวยผิดปกติ มีทรัพย์สินที่ได้มาโดยไม่สมควรอันสืบเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจในการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการจ้างนักธุรกิจชาวอเมริกันในการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯและโครงการอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ ททท.ด้วย
แถมกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ยังมีการดำเนินคดีกับนางจุฑามาศและบุตรสาว ในความผิดฐานฟอกเงิน และดำเนินการริบทรัพย์ทางแพ่ง มีการอายัดเงินในบัญชีธนาคารต่างๆ ในต่างประเทศของบุตรสาวคือในอังกฤษ ไอร์แลนด์ สิงคโปร์เกาะเจอร์ซีย์ และสวิตเซอร์แลนด์ มูลค่ารวม 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ไว้แล้วด้วย
นี่คือกรรม ฐานทุจริตสินบนข้ามชาติ
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี