จะบอกว่า เป็นเรื่อง “การเมือง” ก็ได้ ในการตรวจสอบการใช้ประโยชน์ที่ดินแปลงใหญ่ของ “ปารีณา ไกรคุปต์” เพราะเชื้อของมันเริ่มจากการที่ปารีณาพาชาวบ้านไปร้องเรียนกับ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ให้ทวงคืนที่ดินจากนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ จากนั้น การตรวจสอบที่ดินของปารีณา ก็เกิดขึ้น
1) วันที่ 13 พ.ย.2562 - นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ แถลงกรณียื่นป.ป.ช.ตรวจสอบที่ดินหมู่ 6 ต.รางบัว
อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ สส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ จำนวน 1,700 ไร่เศษ รุกพื้นที่ป่าสงวน ว่า การที่ตนมายื่นเรื่องนี้ในช่วงหลังจากที่น.ส.ปารีณา ยื่นทรัพย์สินต่อป.ป.ช. เพราะน.ส.ปารีณาได้นำชาวบ้านจังหวัดราชบุรี ไปขอคืนที่ดินจากนางสมพรจึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จำนวน 500 ไร่ ที่ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี แต่ตนได้ติดตามในเรื่องนี้ และจำได้ว่าเอกสารที่เก็บไว้ของน.ส.ปารีณา ก็มี แตกต่างเพียงแค่หมู่ แล้วเหตุไฉนที่ดินของน.ส.ปารีณาในบริเวณเดียวกันที่แจ้งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) จึงไม่ผิดกฎหมาย ดังนั้น ตนจึงใช้สิทธิ์ตามกฎหมายป.ป.ช. มาตรา 106 เพื่อยื่นเรื่องขอให้ตรวจสอบที่ดินของน.ส.ปารีณา ว่าเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งขณะที่ยื่นก็ไม่ทราบว่าเป็นที่ดิน ส.ป.ก.
เมื่อเกิดเป็นประเด็น นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ไปร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ที่จังหวัดราชบุรีและจังหวัดกาญจนบุรี สั่งให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้าไปตรวจสอบว่าถ้าเป็นพื้นที่ป่าจริง น.ส.ปารีณาเข้าไปครอบครองได้อย่างไร รวมทั้งร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ก็ลงมาตรวจสอบว่าเป็นที่ดินส.ป.ก.หรือไม่ ซึ่งต้องขออภัยจริงๆ ที่ยื่นตรวจสอบเรื่องนี้เพราะเป็นการยืนยันมาจากน.ส.ปารีณาว่าที่ดินนี้ครอบครองมานับสิบปีแล้วส.ป.ก.เข้าไปตรวจสอบ ทำให้ตนต้องติดตามต่อว่าได้มาโดยชอบหรือไม่ ถ้าไม่ชอบก็ต้องดูว่าผิดตามกฎหมายใด และเข้าข่ายต้องนำที่ดินมาคืนหลวงหรือไม่ ทั้งนี้ มีการอ้างคำสั่งคสช.เรียกคืนที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินผิด และที่ถูกคือคำสั่งคสช.ที่ 36/2559 ซึ่งการนำที่คืนก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่กรณีที่ดินของกรมป่าไม้ ถ้าทำผิด กรมป่าไม้อาจต้องร้องทุกข์กล่าวโทษ ซึ่งเป็นเรื่องที่ ร.อ.ธรรมนัส ต้องดูแล
นายเรืองไกรกล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ย. นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ส่งเอกสารมาให้ตนซึ่งเป็นแผนที่เบื้องต้นในพื้นที่ดังกล่าวใช้ประกอบในการยื่นข้อมูลต่อป.ป.ช. ดังนั้นในฐานะที่ตนเป็นกมธ. ได้ขอแผนที่จากกรมป่าไม้และส.ป.ก.ซึ่งจากผลการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า ที่ดินนี้
1.ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่แจ้งให้ทราบว่าที่ดินบางส่วนถือครองใช้ประโยชน์ตั้งฟาร์มเลี้ยงไก่ชื่อ เขาสวนฟาร์ม 2.ตรวจสอบจากภาพ Google Map พบอาคารเลี้ยงไก่ของเขาสวนฟาร์มจำนวน 8 หลัง 3.ตรวจสอบอาคารเลี้ยงไก่จำนวน 7 หลัง อยู่ที่เขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2554 และหนึ่งหลังอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี พ.ศ.2527 4.ตรวจสอบที่ตั้งอาคารเลี้ยงไก่และบริเวณใกล้เคียงไม่มีแปลงรังวัดสิทธิทำกิน (สทก.) และแปลงกรมป่าไม้อนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และไม่มีการสำรวจถือครองตามมติครม. วันที่ 30 มิ.ย.2541 5.ตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศ ปี 2545 พบอาคารเลี้ยงไก่มีเพียงสองหลัง และ 6.สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดราชบุรีแจ้งให้ทราบอย่างไม่เป็นทางการว่าบริเวณดังกล่าวยังไม่มีสำรวจรังวัดออก ส.ป.ก.4-01 แต่อย่างใด นอกจากนั้นมีประกาศของอบต.ยางหัก อธิบายว่าปัจจุบันจะไม่มีการออกใบ ภบท.5 สำหรับเอกสารที่ไม่มีสิทธิ์ครอบครองให้อีกแล้ว อย่างไรก็ตามใบ ภบท.5 ซื้อขายไม่ได้
“ประเด็นเหล่านี้ขอฝากไปถึงนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ท่านจะเพิกเฉยไม่ได้ และฝากไปยังรมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯรวมถึง ร.อ.ธรรมนัส ต้องปฏิบัติตามหน้าที่ ตามข้อมูลที่ผมให้โดยเปิดเผย และหากป.ป.ช.พิจารณาแล้วดำเนินการอย่างไรก็ต้องว่ากันไป ไม่เกี่ยวกับฝ่ายบริหาร” นายเรืองไกร กล่าว
2) วันที่ 13 พ.ย. ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าได้รับรายงานหลังจากสั่งให้นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข
เลขาธิการส.ป.ก.ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่ดินฟาร์มไก่ เขาสนฟาร์ม ของน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ สส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ อยู่ในที่ส.ป.ก.และป่าสงวนแห่งชาติ จ.ราชบุรี กว่า 1.7 พันไร่ โดยสรุปที่ดินแปลงหน้าเป็นส.ป.ก. ที่แปลงกลางที่มีเอกสารสิทธิ และแปลงหลังเป็นส.ป.ก.ซึ่งหลังจากที่กรมป่าไม้มอบพื้นที่มาให้ส.ป.ก.ประกาศเขตปฏิรูปที่ดินเมื่อปี 2536 ได้จัดสรรให้ชาวบ้านไป 700 กว่าไร่ เหลือประมาณ 900 กว่าไร่ ซึ่งรวม 3 แปลง โดยแปลงที่อยู่ตรงกลางมีเอกสารสิทธิ ที่น.ส.ปารีณาชี้แจงว่ามี น.ส.3 และสค.1 ทั้งนี้กำลังขอตรวจสอบเอกสารดังกล่าว
ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า น.ส.ปารีณา ได้เข้าชี้แจงกับฝ่ายกฎหมายของส.ป.ก.แล้วยืนยันว่าเนื่องจากที่ดินทั้งหมดทางครอบครัวน.ส.ปารีณา
ครอบครองมาก่อนตั้งแต่ปี2489 จากนั้นกรมป่าไม้ส่งมอบพื้นที่ให้ ส.ป.ก.ปี2536 จัดสรรให้ชาวบ้านเขาทำกินไปบางส่วนแล้ว
“ต้องถือว่าครอบครัวคุณเอ๋ อยู่มาก่อนที่จะนำที่ดินแปลงนี้มาประกาศเขตปฏิรูปที่ดิน ทั้งนี้เวลากรมป่าไม้ส่งพื้นที่มาให้ส.ป.ก.ส่งพร้อมผู้ครอบครอง และย้อนไปปี 2489 ประกาศใช้พระราชบัญญัติที่ดินให้ชาวบ้าน มีเรื่องกรรมสิทธิ์ครอบครองในที่ดิน ก่อนหน้าที่เป็นที่ดินของคุณเอ๋ ก่อนมาจัดสรรให้ชาวบ้าน ย้อนไปศึกษาว่าครอบครัวคุณเอ๋ ครอบครองมากี่ปี ไม่ใช่บุกรุก ถือว่าไม่ผิด แต่เมื่อพื้นที่นำมาจัดสรรปฏิรูปที่ดิน ต้องยึดตามระเบียบส.ป.ก.เพื่อเกษตร”ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
รมช.เกษตรฯกล่าวว่าประเด็นคือ สส.ปารีณา ไม่ได้บุกรุก เขาครอบครองมาก่อน ที่ส.ป.ก.รับพื้นที่มาตอนเขาครอบครองอยู่แล้ว รวมทั้งไม่จัดเป็นที่ดินแปลงใหญ่ โดยส.ป.ก.แปลงแรกติดถนนมีพื้นที่ 200 กว่าไร่ ถัดไปแปลงกลางเป็นที่เอกสารสิทธิ และแปลงถัดไปเป็นส.ป.ก. 300 กว่าไร่
“สั่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงโดยเร็ว จากนี้ฝ่ายกฎหมายเข้าตรวจสอบหาข้อเท็จจริงก่อนหน้านี้ที่พื้นที่เป็นของนายทวี ไกรคุปต์
คุณพ่อคุณเอ๋ ครอบครองมากี่ปี ถ้าเขาอยู่มาก่อน ถือว่าไม่บุกรุก โดยต้องสอบสวน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ด้วยเพราะเป็นประเด็นสำคัญที่สังคมสนใจ” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
รมช.เกษตรฯกล่าวว่าต้องใช้กฎหมายส.ป.ก.เป็นหลัก ไม่จำเป็นต้องใช้มาตรา 44 จะใช้ในกรณีไม่สามารถเจรจากับผู้ครอบครองได้ ขณะนี้
เราเจรจาได้กับสส.ปารีณา มีข้อตกลงพร้อมให้ความร่วมมือ ถ้าไม่เข้าระเบียบของส.ป.ก.จำเป็นคืนที่ดินให้หลวง ถ้าเป็นแปลงใหญ่จะนำมาจัดสรรใหม่กระจายสิทธิ ตามนโยบายส.ป.ก.ต้องการทำเกษตรแปลงใหญ่ รูปแบบวิสาหกิจชุมชน และสหกรณ์
ทั้งนี้ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ทำตามหลักกฎหมาย ประเด็นเวลานี้ชัดเจนเขาครอบครองมาก่อนจะเป็นที่ส.ป.ก.เมื่อกรมป่าไม้ ส่งมาให้เรามาจัดสรรสิทธิ ปี’36 จัดให้ชาวบ้านเข้าพื้นที่ 700 กว่าไร่ ส่วนพื้นที่ที่ครอบครองมาก่อนจะดำเนินการอย่างไร จะแก้ไขอย่างไรโดยยึดหลักพระราชบัญญัติ ส.ป.ก.เป็นหลัก
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะดำเนินการตรวจสอบนักการเมืองในพรรคเดียวกันอย่างตรงไปตรงมาและนักการเมืองรายอื่นยังมีที่ดินส.ป.ก.ซุกไว้อีกหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า กฎหมายไม่มีการละเว้นให้กับใครได้สั่งทุกจังหวัดตรวจสอบอย่างละเอียด ถ้าตรวจเจอดำเนินการหมด ไม่ว่านักการเมืองพรรคไหน ส่วนตนไม่มีที่ดินส.ป.ก. เข้ามาเป็นรมช.เกษตรฯได้แจกที่ส.ป.ก.ในคนยากจนเป็นแสนไร่แล้ว ตนได้พูดคุยกับนายทวี ไกรคุปต์ เขายืนยันอยู่มาก่อนพร้อมให้ตรวจสอบความร่วมมือทุกอย่างปฏิบัติตามกฎหมายทุกขั้นตอน ส่วนสัปดาห์หน้าวันที่ 23 พ.ย. ตนจะเดินทางไป จ.กระบี่ ยึดคืนพื้นที่ส.ป.ก.สวนปาล์ม บริษัทอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มกว่า 1 หมื่นไร่ โดยขณะนี้ฝ่ายความมั่นคงเข้าเคลียร์พื้นที่ให้ทุกฝ่าย ทั้งม็อบและชาวบ้านต่างพื้นที่เข้าไปจับจองสวนปาล์ม ต้องออกจากพื้นที่หมดและนำมาจัดสรรให้กับคนในจังหวัดกระบี่ก่อน.
3) เมื่อวันที่ 15 พ.ย. นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า สำหรับใบ ภบท.5 นั้น ตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย. 2551 อธิบดีกรมการปกครอง เคยมีหนังสือเวียนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ว่า การนำแบบแสดงรายการที่ดิน (ภบท.5) หรือทะเบียนที่ดินและใบเสร็จเงินภาษีบำรุงท้องที่(ภบท.6) เป็นหนังสือสำคัญแสดงการถือสิทธิ์ การถือครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ หรือที่สาธารณประโยชน์ที่ราษฎรใช้ประโยชนร่วมกันไม่ได้ เพราะการนำเอกสารดังกล่าวมาแสดงเพื่ออ้างกรรมสิทธิ์การครอบครองที่ดิน ส่งผลให้มีการบุกรุกการทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเพิ่มจำนวนมากขึ้น และเพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาการรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติในวงกว้าง ขอให้ยกเลิกแบบแสดงรายการที่ดิน ภบท.5 และให้งดการประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับที่ดินและการจัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่นั้น เพื่อป้องกันมิให้บุคคลอ้างสิทธิ์การครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
นายอรรถพล กล่าวว่า ในหนังสือดังกล่าวยังระบุด้วยว่า สำหรับการผ่อนผันให้ราษฎรที่บุกรุกทำกินอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติได้อยู่อาศัยในที่ทำกินต่อไปเป็นการชั่วคราว โดยการออกหนังสืออนุญาต สทก.1 และสทก.2 ครอบครองที่ดิน ที่อยู่อาศัยทำกินในฐานะผู้รับอนุญาตมิใช่การครอบครองในฐานะเจ้าของที่ดิน จึงไม่อยู่ในข่ายที่ต้องเสียภาษีบำรุงท้องที่ ตามหนังสือกรมป่าไม้ที่ กส 0705(9)/7078 ลงวันที่ 20 เมษายน 2526 และที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติแม้ปัจจุบันจะหมดสภาพป่าไปแล้วก็ตามราษฎรที่เข้าไปประกอบอาชีพ หรืออยู่ในที่ดินดังกล่าว ไม่ว่าจะโดยการบุกรุกหรืออนุญาตจากทางราชการ ไม่ใช่เจ้าของที่ดินตามมาตรา 6 แห่ง พ.ร.บ.ภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. 2508 จึงไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีบำรุงท้องที่
4) เมื่อวันที่ 15 พ.ย. นายดำรงค์ พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย กล่าวถึงกรณี น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ แจ้งครอบครองที่ดิน ภบท.5 จำนวน 1,706 ไร่ ต่อ ป.ป.ช. ว่า ตนพูดในภาพรวมการครอบครอง ภบท.5 ไม่ต้องสอบสวนไม่ต้องรออะไรแล้ว ใครมีชื่อครอบครอง ภบท.5 ก็ส่งพนักงานสอบสวนได้เลย สมัยเป็นป่าไม้ตนจับมาเป็นร้อยๆ คดีก็ ภบท.5 ตนไม่รู้ว่าน.ส.ปารีณาครอบครองอะไรอย่างไรแต่พูดในภาพรวม ดูจากข่าวมีทั้งเกี่ยวข้องกับ ส.ป.ก. และ พื้นที่ป่าสงวนบางส่วน แต่ในพื้นที่จริงเท็จอย่างไรไม่รู้ ซึ่งในส่วนของส.ป.ก.หากไม่มีคุณสมบัติก็ต้องยึดคืน แต่หากเป็นพื้นที่ป่าไม้ก็ต้องมีความผิดตามกฎหมายและมีบทลงโทษ เช่น ถ้าเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 55 ผู้ใดครอบครองรายสุดท้ายถือเป็นผู้บุกรุก ถ้าเกิน 25 ไร่ก็หนัก คุก 2-15 ปี ไม่มีข้อยกเว้นอะไรทั้งสิ้น ซึ่งถ้าเป็นที่ดินตามมติ ครม. 30 เม.ย. 2541 ผ่อนผันการจับกุมก็ต้องมีชื่อเป็นราษฎรยากจนไปยื่นขอผ่อนผันการจับกุมไว้
“ถ้าเป็นความผิดตามกฎหมายป่าไม้ การบุกรุกป่า ไม่มีใครช่วยได้ก็แล้วกัน เพราะมันเป็นกฎหมายตายตัวขอบเขตชัดเจน จะดัดแปลงอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น จะไปบอกทำกินมาก่อนปี 2489 ก็ไม่ได้ ถ้าไม่มี สค.1และถ้ามี สค.1 ก็ต้องแจ้งการครอบครอง พิสูจน์ภาพถ่ายทางอากาศ มันไม่ได้ง่าย ใครก็แล้วแต่ที่เอา ภบท.5 มาแสดง พนักงานเจ้าหน้าที่ป่าไม้ก็จับส่งพนักงานสอบสวนไม่ต้องไปสอบสวนแล้ว”นายดำรงค์ กล่าว
ส่วนกรณีที่เกรงว่าเป็นกรณีของสส.ฝั่งรัฐบาลจะมีการช่วยเหลือกันหรือไม่นั้น นายดำรงค์กล่าวว่า ในข้อกฎหมาย ใครก็ช่วยไม่ได้ใครจะไปช่วยใครนั้น ตนว่าลำบาก ขอให้เชื่อตน และหากมีการช่วยเหลือกันโดยไม่เป็นไปตามกฎหมายแม้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ตนเป็นพรรครักษ์ผืนป่าฯ จะออกมาแถลง เวลานี้ขอดูการทำงานตรวจสอบของหน่วยงานต่างๆ ก่อน ดูก่อนว่ากรมป่าไม้ตรวจสอบอย่างไร และรัฐบาลจัดการอย่างไร
5) เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ สส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ครอบครองที่ดิน ภทบ.5 กว่า 1,700 ไร่ ในพื้นที่หมู่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ว่า ป.ป.ช.มีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องและความมีอยู่จริงหลังจากที่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยื่นแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินมาแล้ว ส่วนประเด็นที่มาที่ไป ได้มาชอบหรือมิชอบนั้น จะเป็นหน้าที่ของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องที่ดินนั้นๆ เช่น สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) หรือกรมที่ดิน ในส่วนของ ป.ป.ช.มีเพียงแค่การยื่นเมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่ง เพื่อเป็นฐานในการตรวจสอบว่า ระหว่างดำเนินงานในตำแหน่งนั้น ใช้อำนาจหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์และมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นหรือร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ ดังนั้น เมื่อยื่นแล้วเราจะตรวจเพียงว่า มีอยู่จริงหรือไม่ และถูกต้องหรือไม่
นายวรวิทย์กล่าวว่า กรณีของ น.ส.ปารีณาถือเป็นประเด็นที่จะตรวจดูว่า เกี่ยวข้องกับการทุจริตประพฤติมิชอบหรือไม่ ถ้าใช่ถึงจะอยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช. ต้องดูเพื่อให้เข้ากับข้อกฎหมายของเราด้วยเรื่องนี้มีคำร้องยื่นเข้ามาที่ ป.ป.ช.แล้ว เพียงแต่ตนยังไม่ได้เห็นรายละเอียด โดยในวันที่ 18 พ.ย. จะชี้แจงรายละเอียดให้ทราบพร้อมกับการแถลงข่าวประจำปี ในโอกาส 20 ปี สำนักงาน ป.ป.ช.
นายยุทธกร ช่อไม้ทอง ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบทรัพย์สินภาคการเมืองกล่าวว่า ได้ทำรายละเอียดเรื่องที่มีผู้ร้องเรียน น.ส.ปารีณา
และเพิ่งนำเรียนต่อเลขาธิการ ป.ป.ช.ไปเมื่อวันที่ 15 พ.ย. อย่างไรก็ตามได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำนักตรวจสอบทรัพย์สินประสานงานไปยัง น.ส.ปารีณาเพื่อติดต่อขอไปตรวจสอบพื้นที่จริง เบื้องต้นนัดหมายจะไปลงพื้นที่ จ.ราชบุรี ในวันที่ 29 พ.ย.นี้
สรุป :: จะเห็นได้ว่า เรื่อง “ที่ดิน” ในประเทศไทยนี้ มี“ความรับผิดชอบ” และ “การตรวจสอบ” ที่คาบเกี่ยวทับซ้อนกันอยู่ในหลายหน่วยงาน ซึ่งข้อมูลไม่ตรงกันเลย แล้วจะใช้อะไรเป็นข้อยุติ ถึงเวลาแล้วที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ประกาศนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ต้องทำ “ฐานข้อมูลที่ดินในประเทศไทย” ให้เป็น “ความจริงเดียว” เสียที ชนิดที่ว่ามหาดไทย ส.ป.ก. อบต. กรมป่าไม้ฯลฯ กดปุ่มดูในระบบ จะพบ “ข้อมูลชุดเดียว” ว่าบนแผนที่ประเทศไทย ที่ดินทุกตารางนิ้ว “มีสถานภาพ” และมี “สภาพ” แบบใดอยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานไหน ใครครอบครอง ใครบุกรุก รวมถึงจะนำมาจัดสรรให้เกิดความเท่าเทียมไม่เหลื่อมล้ำ ให้เกษตรกรมีที่ดินทำกิน ได้อย่างไร ให้ถือโอกาสที่เกิดเรื่องกับปารีณา สังคายนาระบบเสียที เพราะราษฎรที่ติดคุกติดตารางเพราะถูกกล่าวหาว่าบุกรุกป่า
บ้างก็ถูกไล่ที่ ริบที่ กะเหรี่ยงที่บางกลอยถึงกับโดนเผาบ้าน เพื่อ“ไล่ออก” จากป่า
เปลี่ยนเรื่อง “การเมือง” ให้เป็นเรื่อง “ประโยชน์ของประชาชน” ได้จากเรื่องนี้ อยู่ที่จะเลิกเป็น “เจ้าพ่ออีเว้นต์” อย่างในปัจจุบัน หรือจะมี “ภาวะผู้นำ” ทำเรื่องที่ดินทั้งประเทศให้กระจ่างกันเสียที นั่นรวมถึงที่ “วังน้ำเขียว” ที่พรรคพลังประชารัฐเคยไปจัดงานสัมมนาพรรคด้วย!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี