30 พ.ย. 62 - นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง และอดีต สส.จังหวัดกระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความระบุว่า “ความผิดพลาดอะไร ถ้าเกิดซ้ำเป็นครั้งที่สอง ระวังจะต้องมีครั้งที่สาม”
ก่อนหน้านี้นายพิเชษฐ โพสต์ว่า “เห็นภาพหัวหน้าพรรคและเลขาฯพรรคปชป.ไปเดินขนาบซ้ายขวาเป็นสมุนหัวหน้าคณะ รปห. อย่างออกหน้าออกตาแล้ว รู้สึกหมดสิ้นแล้วซึ่งศักดิ์ศรีชาวสีฟ้าจริงๆ”
ในวันเดียวกันนั้นเอง สุทิน วรรณบวร อดีตผู้สื่อข่าวประจำสำนักข่าวต่างประเทศ โพสต์เฟซบุ๊คโต้กลับ โดยมีเนื้อหาดังนี้
“...ยิ้มบางทำร้ายจิตใจคนอิจฉาริษยาได้
...รองนายกฯกับรัฐมนตรียืนขนาบข้างนายกฯมันเสียศักดิ์ศรีตรงไหน อะไรคือศักดิ์ศรีอะไรคือเกียรติภูมิ อะไรคืออุดมการณ์ สัตว์โลกที่ปรับตัวเข้ากับความเปลี่ยนแปลง วิวัฒนาการของโลกสูญพันธุ์ไปมากต่อมากแล้ว
....คนจับมือกันคนยืนขนาบข้างไม่ใช่ว่าจะเปลี่ยนอุดมการณ์เสมอไป บางทีอาจเป็นเรื่องฉลาดที่การแสดงออกง่ายๆ ทำให้พวกองุ่นเปลี้ยวรากเลือดตาย”
ต่อมา 2 ธันวาคม 62 นายอลงกรณ์พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊คชี้แจงว่า “ความจริงที่ต้องพูดกรณี ท่านพิเชษฐ์ พันธุ์วิชาติกุล” มีเนื้อความว่า
“...กรณีการติติงของท่านพิเชษฐ์ พันธุ์วิชาติกุลต่อภาพเหตุการณ์ที่ นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรแลสหกรณ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์เดินเคียงคู่กับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นั้น
...ต่อกรณีที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความเข้าใจผิดเท่านั้นไม่มีนัยยะใดๆและในฐานะผู้บริหารพรรคคนหนึ่งจำเป็นต้องอธิบายให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการปกติในระหว่างพิธีเปิดงาน Thailand Rubber Expo จัดโดยการยางแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีฯมีรัฐมนตรีร่วมคณะรัฐบาลและทูตานุทูตหลายประเทศเข้าร่วมเป็นเกียรติฯ
...สำหรับท่านจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และท่านเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็น 2 รัฐมนตรีที่รับผิดชอบเรื่องยางพาราโดยตรงตั้งแต่ต้นน้ำการผลิตจนถึงปลายน้ำการส่งออกและยังกำกับดูแลการยางแห่งประเทศไทยโดยตรงจึงไปต้อนรับประธานในพิธีเปิดซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติปกติ
...ผมขอเรียนว่า “หลักประชาธิปไตยของประชาธิปัตย์” ที่ผ่านมาไม่เคยเปลี่ยนแปลงการทำงานร่วมกันในฐานะรัฐบาลผสมที่มาจากการเลือกตั้งและมีระบบรัฐสภาที่ถูกต้องก็ต้องดำเนินต่อไป
...ประเด็นสุดท้ายคือ การชี้แจงของผมไม่ใช่การโต้แย้งเพียงแต่ต้องการบอกเล่าความจริงและป้องกันการขยายประเด็นอันอาจกระทบต่อพรรคประชาธิปัตย์และท่านพิเชษฐ์ที่ผมให้ความเคารพท่านและซาบซึ้งถึงความห่วงใยที่ท่านมีต่อพรรคประชาธิปัตย์ตลอดมาและเพิ่งพบทักทายอย่างใกล้ชิดสนิทใจกับ ท่านในการสัมมนาทีมอเวนเจอร์ประชาธิปัตย์ภาคใต้ที่จังหวัดกระบี่เมื่อไม่กี่วันมานี้”
ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก
นายอุเทน ชาติภิญโญ ออกแถลงการณ์ เรื่อง ขอลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ โดยมีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า ตนได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2562 เป็นต้นมาผ่านการชักชวนของผู้หลักผู้ใหญ่ที่ให้ความเคารพนับถือ ซึ่งเป็นการประมวลจากประสบการณ์ที่ได้สัมผัสหลายๆ เหตุการณ์สำคัญ อาทิ
1.ตั้งแต่ที่ได้เข้ามาเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ไม่นาน เคยเสนอแนวทางให้แก่พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงคณะผู้บริหารพรรค หากต้องการที่จะพลิกฟื้นพรรคขึ้นมาโดยเร็ว จำเป็นต้องตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวและเด็ดขาด ไม่ร่วมเป็นนั่งร้านในการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เพราะ 250 เสียง จากสมาชิกวุฒิสภา ที่ตั้งโดย คสช.ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ก็พร้อมที่จะสนับสนุน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ดี พรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทิ้งหลักการและจุดยืนในประชาธิปไตยไปสนับสนุนการสืบทอดอำนาจของ คสช. และควรนำจุดแข็งของพรรคในฐานะฝ่ายตรวจสอบกลับมาทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างสร้างสรรค์ โดยไม่จำเป็นต้องไปสนับสนุนอีกซีกฝ่ายที่อ้างหลักประชาธิปไตยให้เกิดความขัดแย้งด้วย
2.การที่บุคคลสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ เลือกที่จะรับตำแหน่งต่างๆในช่วงรัฐบาลชุดนี้ ที่มองได้ว่ายึดติดกับยศถาบรรดาศักดิ์มากกกว่าการให้ความสำคัญของการปฏิรูปพรรค หรือการแสดงสปิริตให้สมาชิกพรรคเห็นว่า การที่ตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลนั้นเป็นไปตามที่อ้างว่าเพื่อให้ประเทศชาติเดินต่อได้ ไม่ว่าจะเป็น
3.กรณีที่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่อยู่ในความดูแลของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เพียงแต่ไม่สามารถผลักดันนโยบายใดๆ ให้ประสบความสำเร็จ เพื่อเป็นผลงานของพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ยังเข้าไปมีส่วนร่วมในขบวนการทำร้ายเกษตรกรและประชาชน จากการที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ คณะกรรมการวัตถุอันตราย กลับมติเลื่อนกำหนดการห้ามใช้ 2 สารเคมีกำจัดศัตรูพืช คือพาราควอต และคลอร์ไพริฟอส รวมทั้งยกเลิกการห้ามใช้ ไกลโฟเซต ให้เป็นเพียงจำกัดการใช้ ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่มองเป็นอื่นไม่ได้ว่า มีผลมาจากการแทรกแซงจากกลุ่มผลประโยชน์บางกลุ่ม มากกว่าการตัดสินใจบนพื้นฐานที่คำนึงถึงสวัสดิภาพ และความปลอดภัยของเกษตรกรและประชาชน
4.ตนเคยชื่นชมและเคารพการตัดสินใจของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ที่ได้ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อรับผิดชอบความล้มเหลวจากการเลือกตั้ง และยังลาออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลและสนับสนุน พลเอกประยุทธ์ อย่างไรก็ตาม ความชื่นชมที่เคยมองให้นั้นหมดไปทันที เมื่อมีกระแสข่าวว่า นายอภิสิทธิ์ ต้องการที่จะเข้ามาเป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่สภาผู้แทนราษฎร มีกำหนดจะตั้งขึ้นในเร็วๆ นี้ เนื่องจากเป็นการสะท้อนความไม่มีจุดยืนของนายอภิสิทธิ์
ทั้งนี้ ตนจึงเห็นว่า สมควรแก่เวลาที่จะไม่ยอมผิดหวังกับพรรคประชาธิปัตย์ยุคปัจจุบัน ที่ไร้จุดยืน ยึดติดอำนาจ มากกว่าหลักการประชาธิปไตย อีกต่อไป ที่สำคัญยังไม่เห็นหนทางที่สถาบันการเมืองเก่าแก่แห่งนี้จะกลับมาเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ จึงขอลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สุดท้ายก็ขอฝากไปถึงพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้งว่า ยังไม่สายเกินไปที่จะกลับความคิด ลดละความลุ่มหลงมัวเมาในอำนาจ และหันกลับมาปรับตัวให้เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง ตามคำขวัญที่พรรคประชาธิปัตย์เคยใช้หาเสียงว่า ประชาชนต้องมาก่อน อย่าให้เป็นเพียงวาทกรรมที่สวยหรูเหมือนเช่นอดีตที่ผ่านมา
ต้องรอดูกันว่า ประชาธิปัตย์จะโต้ในทุกเม็ดทุกประเด็นของนายอุเทน ซึ่งถือเป็น“ข้าวนอกนา” ของประชาธิปัตย์...อย่างไร!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี