วันพฤหัสบดี ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
หลายหมู่เหล่าในสังคมต่างๆ ทั่วโลก มักรู้สึกกันว่าบรรดาเรื่องสิทธิมนุษยชนนั้น เป็นเรื่องของพวกตะวันตก ฝรั่งมังค่าที่มายัดเยียดให้คนเอเชียคนแอฟริกา คนตะวันออกกลาง และอื่นๆ ซึ่งก็ถือว่ามีความถูกต้องในระดับหนึ่ง เพราะพวกเขานั้นต่างมีระบบความคิด ความเชื่อถือและประเพณีปฏิบัติที่แตกต่างไป ไม่แปลกที่อยากจะรักษาหวงแหนไว้ มิยอมให้อิทธิพลความคิดอ่านและวิธีการปฏิบัติของชาวต่างชาติเข้ามาครอบงำ หรือบ่อนทำลายได้
แต่สำหรับชาวพุทธแล้ว เรื่องสิทธิมนุษยชนไม่ถือเป็นของแปลกใหม่แต่อย่างใด เพราะชาวพุทธอาศัยอยู่กับสิทธิมนุษยชนมากว่า 2,600 ปีแล้ว เพียงแต่เราอาจจะไม่ได้มองเห็น หรือบ้างก็อาจลืมเลือน ขาดการทบทวนพินิจพิจารณา และเดินหน้าปฏิบัติกันแบบสวนทาง หรือห่างไกลหลักพุทธที่ว่าด้วยสิทธิมนุษยชนกันไปอย่างไม่รู้ตัว
สิทธิมนุษยชน นัยหนึ่งของพุทธนั้นหมายถึงการเกิดมาแล้วทุกคนมีสิทธิเข้าถึง รับทราบ ทดลอง หรือเพียรพยายามปฏิบัติเพื่อบรรลุซึ่งการตรัสรู้ การหลุดพ้นจากทุกข์ จากการเวียนว่ายตายเกิด หรือความจริงในสากลโลกแห่งความเป็นอนิจจังของชีวิต และสิ่งไม่มีชีวิตทั้งปวง แล้วก็ยังเป็นสิทธิมนุษยชนอย่างสูงสุด คือมนุษย์แต่ละคนมีโอกาสและมีความสามารถได้ทุกคน มิมีสิ่งใดจะมาขวางกั้นได้ บ่งบอกซึ่งความทัดเทียมกัน และขึ้นอยู่กับแต่ละคนโดยไม่มีผู้ใดจะมาบังคับได้
อีกทั้งหลักคิดหลักปฏิบัติที่สำคัญยิ่งอีกหลักหนึ่ง คือการเสวนา หรือปุจฉากันนั้น จะไม่มีผู้สั่งการ ไม่ได้มีกฎเกณฑ์บังคับ ไม่มีการข่มขู่ และไม่มีผู้ใดเป็นผู้มีอำนาจเหนือคนอื่นใด องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าได้ค้นพบความจริง ก็ทรงแนะแนวทางเท่านั้น
ที่เห็นชัดเจนคือ องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อตรัสรู้แล้วก็มิได้มาโอ้อวด และมาสั่งการให้ทุกคนคล้อยตาม แล้วยังเปิดโอกาสให้มีการสอบถามความข้องใจ หาความเข้าอกเข้าใจร่วมกัน เป็นสิทธิของการแสดงออกและการมีส่วนร่วมด้วยเหตุด้วยผลด้วยความจริง
ในพุทธศาสนาการดำรงชีวิตก็เป็นเรื่องของการละเว้นการเบียดเบียนต่างๆ หรือนัยหนึ่งเคารพและยอมรับในสิทธิของผู้อื่น ไปจนถึงธรรมชาติแวดล้อม ในขณะเดียวกันก็ต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกันหรือร่วมมือกันเพื่อส่วนรวม และเพื่อรักษาธรรมชาติแวดล้อม
ฉะนั้น ในยุคสมัยนี้เมื่อเราเป็นชาวพุทธกันแล้ว เรื่องสิทธิมนุษยชนพื้นฐานว่าด้วย สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกต่างๆ สิทธิเสรีภาพในการปรึกษาหารือและหาข้อยุติร่วมกัน เพื่อประโยชน์ส่วนรวม จึงไม่ใช่เรื่องใหม่เรื่องแปลก หรือเรื่องของพวกฝรั่งมังค่าแต่อย่างใด มันอยู่ในหลักพุทธ อยู่ในตัวเราชาวพุทธ และอยู่ในสังคมไทยเรา เพียงเราต้องมานั่งทบทวน ไตร่ตรอง และปฏิบัติกันเท่านั้น
เมื่อเราเป็นมนุษย์ เราก็ถือว่าเป็นเสรีชนที่มีศักยภาพมากมายที่จะค้นหาตัวเอง และค้นพบความจริงของชีวิตได้ โดยปริยาย และฉะนั้นเผด็จการใดๆ จะต้องไม่มีที่ยืนในแวดวงชาวพุทธ เพราะการอยู่ร่วมกันต้องคิดถึงผู้อื่นเป็นสำคัญนั่นคือเคารพในความเป็นตัวตนของเพื่อนมนุษย์ และร่วมมือกัน
สังคมพุทธจึงต้องเป็นสังคมธรรมาธิปไตยเท่านั้น จะเป็นเอกาธิปไตย (คนเดียวเป็นใหญ่) หรือโลกาธิปไตย (กลุ่มเดียวเป็นใหญ่) ไม่ได้
ก็ถึงเวลาแล้วที่คนไทยเราจะกลับสู่หลักความคิด ความเชื่อถือ และหลักปฏิบัติพื้นฐานของการเป็นชาวพุทธอย่างเร่งด่วน เพื่อร่วมกันแก้ไขสภาวะสังคมที่ตกต่ำ ศีล และธรรมะกระจัดกระจาย
อธรรมแห่งการละเมิดสิทธิมนุษยชน จึงเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องช่วยกันขจัด และมนุษย์ควรจะหันมาใช้ธรรมะเป็นตัวกำกับชีวิตใหม่นี้
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com

เปิดใจ! อาสากู้ภัยนำข้าวแจกชาวบ้าน ถูกน้ำพัดหาย ยันไม่ท้อ กลับมาช่วยต่อ ส่งข้าวกล่องใหม่ 200 ชุด
'HP'เตรียมปลดพนักงานครั้งใหญ่6,000ตำแหน่งทั่วโลก หวังลดค่าใช้จ่ายรับยุคของAI
โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ 'เขมวันต์ สงคราม' เป็นพลเรือเอก และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง
หมอสมเกียรติ คลินิกดังกระบี่ เปิดคลินิกรักษาฟรี2วัน ส่งต่อทุกบาทช่วยน้ำท่วม
‘อนุทิน’เยี่ยมศูนย์ อพยพ ม.อ.หาดใหญ่ สั่งเร่งระดมช่วยคนติดค้าง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี