กรณีการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. แก้หลักเกณฑ์การตัดสินประมูลในข้อกำหนดขอบเขตและรายละเอียดงาน (TOR) โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่เป็นเรื่องถูกยกมาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 16 ถึง 19 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานั้น คงต้องขอให้เครื่องหมาย “!?” ทั้งตกใจ “!” และ ตั้งคำถาม “?” ไปพร้อมๆ กันเลยทีเดียว
ที่ตกใจ ! เพราะที่ผู้รับผิดชอบดูแลโครงการนี้ กล้าที่เป็นคนแรกที่แก้ TOR ในข้อกำหนดสำคัญ ซึ่งเป็นกติกาในการแข่งขัน เปลี่ยนหลักเกณฑ์ในการตัดสินประมูล หลังจากที่เริ่มกระบวนการประมูลไปแล้ว หรืออธิบายง่ายๆ ก็คือ เป็นการเปลี่ยนกติกาหลังจากเริ่มการแข่งขันไปแล้ว
จุดสำคัญของการแก้กติกาตัดสินนี้ก็คือ จะเปลี่ยนจากเดิมที่พิจารณาทีละซองหลังเปิดซองคุณสมบัติแล้ว เป็นเปิดข้อเสนอเทคนิคและการเงินควบคู่กัน และนำคะแนนเทคนิค 30% พิจารณาร่วมกับการเงินอีก 70% ซึ่งในจำนวนนี้จะมีคะแนนความสมเหตุสมผลของราคาอีก 10% ซึ่ง รฟม. ไม่เคยใช้วิธีนี้มาก่อน เรื่องวิธีตัดสินแบบนี้ทางกลุ่ม BTS เห็นว่าจะไม่เป็นธรรม จึงยื่นร้องเรียนต่อศาลปกครอง ซึ่งศาลปกครองก็ได้สั่งระงับชั่วคราวไปแล้ว ตั้งแต่ตุลาคม 2563 โดยศาลปกครองกลางชี้ว่า “เป็นคำสั่งที่น่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับความไม่ชอบด้วยกฎหมาย”
และที่สงสัย? คือ มีเหตุผลอะไรอีก นอกเหนือจากที่รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบได้ตอบชี้แจงเหตุผลที่ต้องปรับเปลี่ยน TOR ไว้ในสภาฯ เพียงว่า “...การดำเนินการโดยใช้ข้อเสนอราคาร่วมกับข้อเสนอเทคนิคนั้น เนื่องจากเราให้ความสำคัญเรื่องการขุดอุโมงค์ ที่ผ่านมาการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ก็มีปัญหา เรื่องสิ่งปลูกสร้างแตกร้าว เช่น มีน้ำรั่วไหลเข้าไปในสถานีสามยอด...ซึ่งที่ผ่านมาการดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีอื่นๆ มีการดำเนินการขุดเจาะอุโมงค์เช่นกัน ขณะเดียวกัน ระหว่างการก่อสร้าง พบว่าเกิดปัญหาน้ำรั่วซึมใต้ดินเข้าสถานีสามยอด...อาคารบ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหาย...ทำให้เทคนิคการก่อสร้างมีความสำคัญ เพราะโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกต้องผ่านชุมชนหนาแน่น ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจ การค้า รวมถึงพื้นที่สำคัญอื่นๆ” ทั้งๆ ที่ความยากและอันตรายของงานที่ต้องขุดผ่านสถานที่สำคัญต่างๆ นั้น ล้วนเป็นสิ่งที่รู้กันมานานเป็นปีแล้ว ก่อนที่จะกำหนด TOR ของเดิมเสียอีก
ความตกใจ และ ความสงสัยนี้ ยิ่งเพิ่มทวีคูณหลังจากฟังการอภิปรายของนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ สส.พรรคเพื่อไทย ที่ได้นำบทสนทนาการคัดค้านการเปลี่ยนแปลงกติกานี้จากในที่ประชุมคณะกรรมการคัดเลือกโครงการฯ (มาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ. การร่วมลงทุน พ.ศ.2562) ออกมาเผยแพร่ เพราะการคัดค้านในประเด็นนี้มาจากตัวแทนสำนักงบประมาณ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดทำงบประมาณเลย ซึ่งโดยทั่วไปหากมีการทักท้วงเช่นนี้แล้ว ก็คงไม่มีใครกล้าดำเนินการแก้ไขต่อแน่ๆ
จากข้อมูลของนายจิรายุในการอภิปรายนั้น ในตอนท้ายของการประชุมหลังจากที่ตัวแทนของสำนักงบประมาณได้เสนอคัดค้านแล้ว ผู้ว่าฯ รฟม. ซึ่งไม่ได้เป็นกรรมการหรือมีหน้าที่ในคณะกรรมการคัดเลือกชุดนี้แต่นั่งอยู่ในที่ประชุมในฐานะผู้เข้าร่วมประชุมด้วย ได้กล่าวว่าต้องให้ฟังความเห็นบริษัทวิศวกรที่ปรึกษา ซึ่งก็ไม่ใช่กรรมการหรือผู้มีหน้าที่ใดๆ ในคณะกรรมการอีกคนหนึ่งที่มาร่วมประชุม โดยบริษัทวิศวกรที่ปรึกษานี้ได้ให้ความเห็นว่า “โครงการใหญ่ต้องใช้เทคโนโลยีสูงต้องขุดอุโมงค์ลอดใต้น้ำต้องขุดผ่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยผ่านห้างรัชดาผ่านใต้โทลล์เวย์ จึงควรเปลี่ยนเงื่อนไข!”ผู้ว่าฯ จึงได้สรุปในที่ประชุมว่า “ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการนี้จะใช้ดุลพินิจ”
ในที่สุด เมื่อเห็นว่าจะใช้วิธีลงคะแนนเสียงตัดสิน ผู้แทนจากสำนักงบประมาณท่านนี้จึงได้แถลงในที่ประชุมให้เป็นหลักฐานสำคัญว่า “หากลงมติแก้…ตนขอสงวนไม่เห็นด้วย!” และทำหนังสือเป็นทางการเพื่อทักท้วงไว้เป็นหลักฐานด้วย โดยในหนังสือทักท้วงฉบับดังกล่าว มีข้อความย่อหน้าสุดท้ายแสดงที่คัดค้านอย่างชัดเจนว่า
“ดังนั้น หากคณะกรรมการคัดเลือกฯจะปรับปรุง หลักเกณฑ์การประเมินข้อเสนอการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนที่แตกต่างไปจากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้ ซึ่งอาจจะเป็นการเพิ่มภาระงบประมาณแผ่นดิน คณะกรรมการคัดเลือกฯจะต้องนําเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา อนุมัติการปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าวก่อน จึงจะดําเนินการได้”
หลังจากที่นายจิรายุ เปิดเผยหลักฐานสำคัญนี้กลางสภาฯ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กลับไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง และยังได้พูดในเชิงรับรองหลักฐานของนายจิรายุ โดยกล่าวว่า “...ผมเป็นรัฐมนตรียังไม่รู้รายละเอียดเท่าท่าน ถือว่าท่านเป็นผู้ที่ทรงความรู้ในการเข้าถึงข้อมูลราชการได้ แต่เรื่องนี้ไม่ได้เป็นความลับอะไรอยู่แล้ว...”
สถานการณ์ในปัจจุบันคือ รฟม. ตัดสินใจเดินหน้าจะใช้กติกาใหม่ โดยไม่รอฟังคำตัดสินของศาลปกครองกลาง ว่าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายจริงหรือไม่ โดยได้ออกประกาศสั่งยกเลิกการประมูลครั้งนี้ และเริ่มร่าง TOR ใหม่ ให้มีกติกาใหม่แล้ว
ท้ายที่สุด ถึงแม้ผลการลงคะแนนไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีศักดิ์สยาม ชิดชอบ ในกรณีจะผ่านไปแล้ว โดยได้รับความไว้วางใจ 268 เสียง แต่ก็ปรากฏว่ามีการงดออกเสียงมากถึง 12 เสียง โดยในจำนวนนี้มี สส. ของ พรรครัฐบาลเอง จากพรรคพลังประชารัฐ กลุ่มดาวฤกษ์ ถึง 6 คน ที่นำโดยนางวทันยา วงษ์โอภาสี โดยให้เหตุผลว่ามีข้อสงสัยยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน คือ เรื่องการเปลี่ยนเงื่อนไขและการล้มการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม
ในเรื่องนี้ประชาชน จึงจะต้องช่วยกันจับตาและติดตามกันต่อไปทุกขั้นตอน จะคาดหวังว่ากลุ่ม BTS และซิโน-ไทย ซึ่งเป็นคู่แข่งกับกลุ่ม ช.การช่าง อิตาเลียนไทย
และ CP ไปต่อสู้เพื่อเปิดโปงความไม่ยุติธรรมเหมือนที่ผ่านมาคงไม่เพียงพอ เพราะขนาดเปิดเผยข้อเท็จจริงกันชัดเจนกลางสภาฯไปแล้ว ก็ยังช่วยอะไรไม่ได้
รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค และ ผศ.ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี