การวิจัยศึกษาค้นคว้าการรักษาและเรื่องป้องกันการติดเชื้อ โควิด-19 ในประเทศไทย ต้องยกให้ทีมงาน “หมอยง” โดยส่วนตัวผู้เขียนศรัทธาที่ “หมอยง” นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ที่กล้าตีแสกหน้านักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก WHO ว่าการศึกษาวิจัยของเราไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ เรากำลังทำการศึกษากับสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์ delta และระบบภูมิคุ้มกันชนิดที่เรียกว่า T cell หรือ CMIR
“.....แน่นอนการศึกษานี้ ฝรั่งไม่ทันแน่นอน เพราะฝรั่งไม่ได้ใช้วัคซีนเชื้อตาย และจีนก็ไม่ได้ใช้วัคซีนไวรัสเวกเตอร์อย่างกว้างขวางในขณะนี้....”
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ยง ภู่วรวรรณ เป็นนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ ราชบัณฑิตและหัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดรนทนไม่ได้ต้องสวนหมัดออกมาเมื่อ “ดร.ซุมยาสวามินาธาน” หัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์ประจำองค์การอนามัยโลกเตือนว่า การสร้างภูมิคุ้มกันโดยจับคู่วัคซีนจากผู้ผลิตหลายรายมาผสมกัน ซึ่งหลายประเทศกำลังดำเนินการอยู่นั้น ถือเป็น “แนวโน้มที่อันตราย” เพราะยังมีข้อมูลการวิจัยว่าด้วยการฉีดวัคซีนแบบผสมสูตรอยู่น้อยมาก จนไม่อาจจะทราบได้ว่าจะมีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง....”
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ยง ภู่วรวรรณ หรือที่คนไทยเรียกง่ายๆ ว่า “หมอยง” เป็นกระบี่มือหนึ่งของเมืองไทยที่ให้คำแนะนำปรึกษาทีมงาน บริหารสถานการณ์วิกฤติโควิดของรัฐบาลมาเป็นเวลานานได้โพสต์ข้อความเรื่องผสมประสานกันระหว่างวัคซีนป้องกันโควิดว่า....
...โควิด-19 วัคซีน การศึกษาวิจัยนำไปสู่การปฏิบัติจริง การสลับชนิดของวัคซีน ทางศูนย์ได้มุ่งมั่นทำการศึกษาวิจัย โดยทีมนักวิทยาศาสตร์และคณะแพทย์มากกว่า 30 ชีวิตที่ทำอยู่ขณะนี้ โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่อง COVID-19 vaccine ที่มีโครงการทำอยู่มากกว่า 5 โครงการ เพื่อนำมาใช้อย่างเร่งด่วนในประเทศไทยให้เหมาะสมกับทรัพยากรที่มีอยู่
การสลับชนิดของวัคซีน เราทำมาโดยตลอดและเห็นว่า การให้วัคซีนเข็มแรกเป็นชนิดเชื้อตาย แล้วตามด้วย
ไวรัส Vector จะกระตุ้นได้ดีมาก การให้วัคซีนเชื้อตายที่เป็นทั้งตัวไวรัส เปรียบเสมือนการทำให้ร่างกายเราเคยติดเชื้อ และมีภูมิคุ้มกันขึ้นมาระดับหนึ่ง หรือสร้างความคุ้นเคยกับระบบภูมิต้านทาน เมื่อกระตุ้นด้วยต่างชนิดโดยเฉพาะไวรัสเวกเตอร์ จึงเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า booster effect (มีผลให้กระตุ้นภูมิต้านทานมากขึ้น..ผู้เขียน) เหมือนกับคนที่หายแล้วจากโรคโควิด-19 และได้รับวัคซีนเสริมอีก 1 ครั้ง ก็จะมีการกระตุ้นภูมิต้านทานขึ้นได้เช่นเดียวกัน ซึ่งเราก็ได้ทำการทดลองแล้ว
การศึกษานี้เราไม่ได้ทำเฉพาะการตรวจวัดภูมิต้านทานเท่านั้น เรายังได้ทำภาวะขัดขวางไวรัส inhibition
test ที่สามารถขัดขวางได้ดีมาก เฉลี่ยถึง 95 เปอร์เซ็นต์ และมีหลายรายถึง 99 เปอร์เซ็นต์ ในทำนองเดียวกันการให้เชื้อตาย 2 เข็ม ยิ่งสอนให้ร่างกายเหมือนกันติดเชื้อจริงแบบเต็มๆ หรือแบบรุนแรง แล้วเมื่อมากระตุ้นด้วยวัคซีนไวรัส Vector จึงมี Booster effect ที่สูงมาก
การศึกษาวิจัยของเราไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ เรากำลังทำการศึกษากับสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์ delta และระบบภูมิคุ้มกันชนิดที่เรียกว่า T cell หรือ CMI “แน่นอนการศึกษานี้ฝรั่งไม่ทันแน่นอน เพราะฝรั่งไม่ได้ใช้วัคซีนเชื้อตาย และจีนก็ไม่ได้ใช้วัคซีนไวรัสเวกเตอร์อย่างกว้างขวางในขณะนี้…”
ข้อมูลขณะนี้ผมมีเป็นจำนวนมาก มากพอที่จะสรุป เพราะทุกท่านให้ความร่วมมือดีมาก รวมทั้งอาสาสมัครที่อยู่ในการศึกษาเป็นจำนวนมาก ผมต้องขอขอบคุณอย่างยิ่งข้อดีที่ทำให้ทางกระทรวงสาธารณสุขยอมรับ และนำมาปรับใช้ในเชิงนโยบายจากการศึกษานี้
1.ทำให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนได้ภูมิต้านทานที่สูงภายในเวลา 6 สัปดาห์ ซึ่งเร็วกว่าการให้วัคซีนไวรัสเวกเตอร์ในประเทศไทยที่จะได้ภูมิต้านทานสูง ต้องใช้เวลา 12 สัปดาห์ เหมาะสมกับการที่โรคกำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ซึ่งเรารอไม่ได้
2.เป็นการปรับใช้ทรัพยากรที่เรามีอยู่ขณะนี้ที่จำกัดให้ได้ประโยชน์สูงสุด
3.การกระตุ้นเข็ม 3 ด้วย Virus Vector สามารถทำได้ ให้เกิดภูมิต้านทานที่สูงมาก โดยไม่ต้องรอวัคซีนชนิดอื่น เพื่อประโยชน์ของบุคลากรทางการแพทย์
ข้อมูลที่ได้ขณะนี้มีเป็นจำนวนมากพอ โดยเฉพาะการฉีดสลับเข็ม ข้อมูลที่ถูกบันทึกในหมอพร้อม
ผู้เขียนยอมรับสารภาพโดยดุษฎีว่าผู้เขียนไม่เข้าใจเท่าไหร่ในสิ่งที่หมอยง อธิบายแต่มีความมั่นในตอนที่พูดว่า..
..“ทางศูนย์ได้มุ่งมั่นทำการศึกษาวิจัย โดยทีมนักวิทยาศาสตร์และคณะแพทย์มากกว่า 30 ชีวิตที่ทำอยู่ขณะนี้ โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่อง COVID-19 vaccine ที่มีโครงการทำอยู่มากกว่า 5 โครงการ เพื่อนำมาใช้อย่างเร่งด่วนใน ประเทศไทยให้เหมาะสมกับทรัพยากรที่มีอยู่..”
“หมอยง “ไม่ได้เก่งเป็นหมอเทวดา แต่มีทีมนักวิทยาศาสตร์และคณะแพทย์มากกว่า 30 ชีวิตที่ร่วมทำวิจัยศึกษาเกี่ยวกับเรื่องวัคซีนป้องกันโควิด-19...เพื่อนำมาใช้อย่างเร่งด่วนในประเทศให้เหมาะกับทรัพยากรที่มีอยู่...”
ประเด็นที่ว่า “ให้เหมาะกับทรัพยากรที่มีอยู่...” หมอยง ไม่ได้อธิบายแต่เราเข้าใจได้ด้วยสามัญสำนึกว่าวัคซีนแอสตราเซเนกา (AZ) ไม่พอใช้และวัคซีนที่สลับหรือเอามาผสมได้น่าจะวัคซีนซิโนแวค..”
ทางศูนย์ได้มุ่งมั่นทำการศึกษาวิจัย โดยทีมนักวิทยาศาสตร์และคณะแพทย์มากกว่า 30 ชีวิตที่ทำอยู่ขณะนี้ โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่อง COVID-19 vaccine ที่มีโครงการทำอยู่มากกว่า 5 โครงการ เพื่อนำมาใช้อย่างเร่งด่วนในประเทศไทยให้เหมาะสมกับทรัพยากรที่มีอยู่เป็นวัคซีนที่ผลิตในประเทศจีน
ถ้าคนที่ติดตามข่าววัคซีนมาอย่างต่อเนื่องและมีใจเป็นธรรมจะพบว่า AZ ได้ออกมาประกาศตั้งแต่เดือน มกราคม 2564 ว่า AZ ไม่สามารถส่งมอบวัคซีนให้ประเทศต่างๆ ได้ตามกำหนดในสัญญา เนื่องมีปัญหาในการจัดหาวัตถุดิบและปัญหาเรื่องโรงผลิตในหลายประเทศ
ดังนั้นเราจึงพบว่าหลายประเทศร้องเรียนว่า AZ ไม่ได้ส่งมอบวัคซีนให้ได้จำนวนและกำหนดเวลาในสัญญา จนมีปัญหาฟ้องร้องกัน เมื่อต้นเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา กลุ่มประเทศอียูฟ้องศาลให้ AZ ส่งมอบวัคซีนเพิ่มให้ 90 ล้านโดส ภายในสิ้นเดือนก.ค. 2564 จนถึงวันนี้ยังไม่รู้ศาลได้พิจารณาไปถึงไหน
ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เลือกให้บริษัทสยามไบโอไซแอนซ์ ซึ่งจัดตั้งขึ้นด้วยสายพระเนตรอันยาวไกลของในหลวงรัชกาลที่ 9 ผลิตวัคซีน AZ ได้ แต่ไม่ได้หมายความวัคซีนที่ผลิตในประเทศเรานำมาใช้ได้ตามอำเภอใจ บริษัทแม่ของ AZ เป็นผู้มีอำนาจจัดสรรและแจกจ่าย
ดังนั้นวัคซีนเหมาะจะเอามาสลับกันได้น่าจะเป็นวัคซีนซิโนแวค ที่ผลิตในประเทศจีน จากข้อมูลการวิจัยศึกษาและทดลองของทีมหมอยง พบว่าฉีดวัคซีน AZ สลับกับวัคซีนซิโนแวคให้กับอาสาสมัคร 1,200 ราย ทุกคนปลอดภัยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ เกิดขึ้นกับอาสาสมัครแม้แต่คนเดียว
ความเหมาะอีกด้านหนึ่งของการฉีดวัคซีน AZ กับ ซิโนแวคคือ logistic การขนส่งและเก็บรักษา จากผลการศึกษาพบว่าวัคซีน AZ กับ ซิโนแวคเก็บรักษาได้ที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส ส่วนวัคซีนไฟเซอร์และโมเดอร์นา ประเทศผู้ผลิต คือ สหรัฐอเมริกาต้องเก็บรักษาที่อุณหภูมิ -60 ถึง -80 องศาเซลเซียส
นอกจากปัญหาการ “รอคิว” ที่คาดว่าจะได้ในเดือนกรกฎาคมแล้ว ปัญหาของการเก็บรักษาของวัคซีน 2 แบรนด์นี้ ก็ยังมีอยู่เพราะ วัคซีน “โมเดอร์นา” จะต้องเก็บที่อุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียส (เก็บได้นาน 6 เดือน) แต่ถ้าเก็บที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส จะเก็บได้นาน 1 เดือน
นี่ไงที่หมอยงถึงพูดว่า “แน่นอนการศึกษานี้ ฝรั่งไม่ทันแน่นอน เพราะฝรั่งไม่ได้ใช้วัคซีนเชื้อตาย...”
นอกจากสลับวัคซีนแล้ว ยังมีอีกหลายอย่างที่ฝรั่งตามไม่ทัน ถ้ายังจำกันได้ตอนที่เราพบเชื้อโคโรนาใหม่ๆ เมื่อต้นปี 2563 ในเวลานั้นยังไม่มียารักษาโคโรนาเพราะเป็นไวรัสอุบัติใหม่หมอไทยใช้ยารักษา HIV กับยาไข้หวัดใหญ่ ยาฆ่าเชื้ออีโบลาและอื่นๆ ผสมกันเป็นค็อกเทลยารักษาคนไข้หายไปหลายรายจนฝรั่งคิดไม่ถึงนอกจากประสิทธิผลในป้องกันโควิด-19 แล้ว การส่งมอบและการเก็บรักษาวัคซีนที่ผลิตในสหรัฐอเมริกา มีน้อยประเทศที่มีอุปกรณ์เก็บรักษาวัคซีนในอุณหภูมิติดลบถึง 70 องศาเซลเซียส ได้
สปป.ลาว เคยนำวัคซีนไฟเซอร์มาใช้ปรากฏว่ามีอุปกรณ์ที่เก็บรักษาวัคซีนไฟเซอร์ได้เฉพาะในกรุงเวียงจันทน์แห่งเดียวเท่านั้น
AZ ผลการทดลองวัคซีนขั้นที่ 3 ของออกซฟอร์ดได้ผลน้อยกว่าของไฟเซอร์-ไบออนเทคและโมเดอร์นา แต่ในระยะยาว มีโอกาสวัคซีนตัวนี้อาจจะถูกนำไปใช้ได้ง่ายกว่า เพราะไม่จำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิเย็นจัด โดยสามารถเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิของตู้เย็นปกติ 2 ถึง 8 องศา เช่นเดียวกับวัคซีนของบริษัทกามาเลยา (สปุตนิก วี)
ส่วนวัคซีนไฟเซอร์-ไบแอนเทค ต้องเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิ -70 องศาเซลเซียส และสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นธรรมดาได้เพียง 5 วัน และวัคซีนของบริษัทโมเดอร์นาต้องเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียสเป็นเวลาไม่เกิน 6 เดือน และสามารถเก็บรักษาไว้ในตู้เย็นธรรมดาได้ 1 เดือน
เมื่อวัน 14 ก.ค. สื่อทางการของเวียดนามรายงานว่าเวียดนามพร้อมฉีดวัคซีนไฟเซอร์ 90,000 โดสสลับกับวัคซีน AZ คิดดูว่าได้วัคซีนมา 90,000 โดส ต้องลงทุนกับตู้ทำความเย็นติดลบ 70 องศาเป็นราคาเท่าไหร่ เราถึงบอกว่าทฤษฎีค็อกเทลวัคซีนของหมอยง ทำตามหลักวิชาการและความเหมาะของทรัพยากร จึงเป็นทฤษฎีที่เป็นไปได้และคนไทยต้องให้การสนับสนุน
ถึงเวลาที่ต้อง Update ข้อมูลบางส่วนของไวรัสโควิดและประเทศที่ผลิตวัคซีน สหรัฐอเมริกาเป็นแหล่งผลิตวัคซีน mRNA ไฟเซอร์ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน โมดอร์นา และอื่นๆ ณ ต้นเดือน ก.ค.2564 มีผู้ติดเชื้อ 34,766,404 คน เสียชีวิต 623,029 ศพ”
ประเทศจีนมีประชากรกว่า 1.4 พันล้านคน จีนผลิตวัคซีนซิโนแวค ซิโนฟาร์ม และอื่นๆ ณ วันที่ 5 ก.ค. 2563 คนจีนติดเชื้อโควิดสะสม 103,900 และคนตายสะสมรวม 4,874 ศพ
มาดูข้อมูลโควิด-19 ในกลุ่มประเทศอาเซียนเราบ้าง ณ วันที่ 13 ก.ค. 2564 ประเทศอินโดนีเซีย ติดเชื้อ 2,567,630 คน เสียชีวิต 67,355 ศพ
ฟิลิปปินส์ ติดเชื้อ 1,481,660 คน เสียชีวิต 26,092 ศพ
มาเลเซีย ติดเชื้อ 844,870 คน เสียชีวิต 6,260 ศพ
ไทย ติดเชื้อ 353,712 คน เสียชีวิต 2,847 ศพ
เมียนมา ติดเชื้อ 197,227 คน เสียชีวิต 3,927 ศพ
ในบรรดาเพื่อนบ้านที่กล่าวถึง ประเทศไทยสูญเสียน้อยกว่าประเทศใดๆ ที่สำคัญประเทศไทยฉีดวัคซีนป้องโควิดได้มากกว่าเพื่อนบ้านไกลไปถึง 13 ล้านโดสแล้ว และวัคซีนที่ประเทศไทยใช้ส่วนใหญ่เป็น AZ ซิโนแวคและซิโนฟาร์ม
จึงเน้นว่าทฤษฎีของหมอยง ที่สลับวัคซีน AZ กับ ซิโนแวค เป็นเรื่องที่ทำได้และคนไทยต้องให้การสนับสนุน
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี