สภาล่มเพราะ สส.ไม่เข้าห้องประชุม และนั่งกินกาแฟสนทนาธรรมกันอยู่อย่างสนุกสนาน โดยมิได้มีเหตุมาจากการเจ็บป่วย หรือมีเรื่องร้ายแรงของคนครอบครัวกะทันหัน หากแต่สาเหตุมาจากการแสดงพลัง ประลองกำลังกันทางการเมือง โดยไม่คำนึงถึงผลเสียที่ตามมาคือ ทำให้สภากลายเป็นสภาโจ๊ก ความเหนื่อยหน่ายต่อระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา การลดความน่าเชื่อถือต่อนักการเมืองและพรรคการเมือง ส่งผลให้การเมืองเป็นเหมือนของเล่น รวมทั้งเป็นการสูญเปล่าของทรัพยากรของรัฐ ทั้งในแง่การเงิน เวลา
จึงมีคำถามว่า แล้วความสูญเสียต่างๆ นานา เหล่านี้ ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ตัวประธานสภา? ตัวประธานวิปทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน? หัวหน้ากลุ่ม สส.ของแต่ละพรรคการเมือง? หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค? คณะกรรมการจริยธรรม ไปจนถึงสำนักงาน ป.ป.ช. ในส่วนที่เกี่ยวกับกฎเกณฑ์ว่าด้วย การปฏิบัติหรือการละเว้นการปฏิบัติต่ออำนาจหน้าที่ ไปจนถึงศาลรัฐธรรมนูญ ว่าด้วย การบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ก็ได้แต่หวังว่าจะมีคำตอบออกมาบ้างจากผู้รับผิดชอบ และองค์กรที่สังกัดต่างๆ เหล่านี้
ในขณะเดียวกันก็ต้องถามว่า เมื่อสมาชิกสภาไม่เข้าประชุมสภาโดยตั้งใจ แล้วสภาจะมีการลงโทษอย่างไรบ้าง เช่น ตัดเงินเดือน ขึ้นบัญชีประจาน ไม่ให้มีบทบาทในคณะกรรมาธิการใดๆ ตัดจำนวนทีมงาน บรรจุการขาดการประชุมไว้ในสมุดเกียรติประวัติ ให้พรรคการเมืองพิจารณาทบทวนโอกาสในการเป็นผู้สมัครในการคัดเลือกครั้งต่อไป เป็นต้น
ก็แน่นอนความรับผิดชอบต่อการเข้าประชุมสภาหรือไม่ เป็นความรับผิดชอบที่ตัวบุคคลเป็นสำคัญ และรองลงมาก็ต้องเป็นหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคนั้นๆ จะปล่อยปละละเลยไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องออกมาขอโทษขอโพยต่อประธานสภา สาธารณชนทั่วไป และต่อประชาชนในเขตเลือกตั้งของ สส.เหล่านั้น
พรรคการเมืองหนึ่งใดไม่ควรเอาเรื่องการขัดแย้งภายในของพรรคตนออกมาสร้างความเสียหายให้กับระบบรัฐสภาในกรอบประชาธิปไตยซึ่งก็น่าจะเป็นเรื่องที่คณะกรรมการการเลือกตั้งและศาลรัฐธรรมนูญ ไปทำการศึกษา และทบทวนเรื่องนี้ ว่าจะสามารถกำกับ และลงโทษพรรคการเมืองกันได้อย่างไรบ้าง
การไม่เข้าร่วมประชุมสภาโดยเจตจำนง หรือตั้งใจที่จะกระทำ ถือว่าเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ซึ่งเป็นความผิดร้ายแรงอย่างหนึ่งที่ไม่ควรจะมีการปล่อยปละละเลยกันอีกต่อไป เฉกเช่นเมื่อเด็กไม่เข้าห้องเรียน ไม่ไปโรงเรียน ทั้งครูและผู้ปกครองก็ต้องร่วมมือกันแก้ไขเป็นธรรมดา
แต่บัดนี้เราชาวไทยต่างได้เห็นความเป็นทารกของผู้แทนราษฎรของไทยอย่างน่าอดสูน่าสมเพช ซึ่งบรรดาหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคอาจจะช่วยกันแก้ไขได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังคงต้องมีตัวช่วยจากกฎเกณฑ์ของบ้านเมือง และองค์กรที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความน่าเกรงขามและเข้มแข็งให้บรรดาผู้แทนราษฎรที่โฉเฉได้ตระหนักและสำนึกว่า เอาสภามาเป็นเครื่องเล่นทางการเมืองมิได้อีกแล้ว
สังคมไทยมักจะชินชากับความจำเจ ทำให้ผู้ประพฤติชั่วมักลอยนวล รอดพ้น ชูหน้าชูตาอยู่ในสังคมได้ แต่เราจะต้องไม่ให้ผู้แทนของเราซึ่งเป็นตำแหน่งที่สำคัญที่สุดของการเมืองในระบอบประชาธิปไตยเป็นเช่นนี้ได้
ก็คงต้องเริ่มต้นด้วยการให้สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สำนักคณะกรรมการการเลือกตั้งและพรรคการเมืองต้นสังกัด ขึ้นบัญชีรายชื่อผู้แทนทั้งหลายที่เอาแต่นั่งดื่มกาแฟอยู่นอกห้องประชุม ไม่ยอมเข้าห้องประชุม และประกาศให้สาธารณชนได้รับทราบว่าผู้แทนฯ ของพวกเขาท่านใดบ้างที่เข้าไปทำงานไม่คุ้มค่ากับภาษีของประชาชนที่จ่ายไป
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี