อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้หลบหนีโทษจำคุก หนีหมายจับ ออกมาลอยหน้าลอยตา อ้างว่า ถูกยึดอำนาจไป 8 ปีแล้ว แถมปลุกทวงคืนอำนาจ “เพื่อได้อำนาจรัฐกลับมาบริหารประเทศโดยเร็ว”
1. ตอกย้ำสัญญาณขับเคลื่อนช่วงชิงอำนาจของระบอบทักษิณ
พวกเขามั่นใจกันถึงขนาดประกาศจะแลนด์สไลด์ กทม.สนามแรก ตามด้วยเแลนด์สไลด์สนามเลือกตั้งใหญ่
ทักษิณประกาศกลับบ้านมาเลี้ยงหลานแน่ ไม่ติดคุกเท่ากับว่า เมื่อได้อำนาจรัฐแลนด์สไลด์แล้ว ก็เตรียมใช้อำนาจรัฐลบล้างโทษจำคุก ซึ่งจะพาบ้านเมืองวนกลับไปติดหล่มอีกครั้ง
8 ปีที่ระบอบทักษิณพ้นอำนาจไป เกิดการลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐานของไทย แก้ปัญหาหมักหมม มากมายมหาศาลยิ่งกว่าช่วง 20 ปีของประเทศไทยก่อนหน้านี้
น่าสงสารประเทศไทย... หลายอย่างที่เริ่มทำ ทยอยสำเร็จเป็นรูปร่าง ถนนหนทาง คูคลอง ระบบน้ำ รถไฟทางคู่รถไฟฟ้า สนามบิน เกษตรแปลงใหญ่ โควิดเริ่มซานักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา ประเทศกำลังจะฟื้นแท้ๆ (ถ้าไม่เจอวิกฤตระดับโลกอย่างโควิด รัสเซีย-ยูเครน หนี้จำนำข้าว3 แสนล้าน ย่อมจะดีกว่านี้แน่)
2. พ้นอำนาจเพราะใช้อำนาจมิชอบ ย้ายเอื้อญาติ
ความจริง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ได้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะรัฐประหาร
แต่พ้นไปเนื่องจากใช้อำนาจแต่งตั้งโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรีโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เอื้อประโยชน์แก่ญาติพี่น้องตนเอง ตามคำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลรัฐธรรมนูญ
ลืมแล้วหรือ การย้ายเอื้อญาติ ทำอุกอาจขนาดไหน
เมื่อปี 2554 รัฐบาลทักษิณคิด เพื่อไทยทำ ยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ หาทางผลักดันให้คนตระกูลชินวัตรได้ยึดครองอำนาจเบ็ดเสร็จ ในตำแหน่งที่เกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐ
ขณะนั้น นายถวิล เปลี่ยนศรี ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นข้าราชการตงฉิน ไม่เป็นที่ชอบใจของคนแดนไกล ส่วนพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นพี่ชายภรรยาของนายทักษิณ ชินวัตรเครือญาติตระกูลชิน
4 กันยายน 2554 วันอาทิตย์ วันหยุดราชการ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ โทรศัพท์สั่งการให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอรับโอนนายถวิล มาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ จากนั้นสำนักเลขาฯ, รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ, รองนายกฯก็รับลูกต่อกันภายในวันอาทิตย์วันเดียวนั่นเอง เพียงแต่ได้มีการแก้ไขบันทึกข้อความในภายหลัง เป็นวันที่ 5 กันยายน วันจันทร์ ก่อนนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา จากนั้น วันอังคารที่ 6 กันยายน นายกฯ ยิ่งลักษณ์ได้อนุมัติให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเป็นวาระจร แล้ว ครม.ก็ลงมติรับทราบ เรียบร้อยโรงเรียนปู
การแต่งตั้งโยกย้ายดำเนินการอย่างเร่งรีบรวบรัด แล้วเสร็จภายใน 4 วัน
เมื่อเปิดทางสะดวก ย้ายนายถวิลออกจากตำแหน่งเลขาธิการ สมช.แล้ว จากนั้น 4 ตุลาคม 2554 คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติแต่งตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สมช. และหลังจากนั้น ในวันที่ 19 ตุลาคม 2554 นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะประธานกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ เสนอชื่อ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. ที่จะเกษียณอายุราชการ วันที่ 30 กันยายน 2555 ผู้เป็นเครือญาติของตนเอง ให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ที่ประชุม ก.ต.ช.มีมติเห็นชอบ เรียบร้อยโรงเรียนชินวัตร
พูดง่ายๆ ว่า ย้ายถวิล เปิดทางให้ย้าย ผบ.ตร. เพื่อเปิดทางให้ดันก้นญาติตนเองขึ้นมาเป็น ผบ.ตร.
ศาลปกครองสูงสุด พิพากษา คดีหมายเลขแดงที่ อ. 33/2557 วันที่ 20 ก.พ. 2557 ระบุว่าการแต่งตั้งโยกย้ายนายถวิล เป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลรัฐธรรมนูญ คำวินิจฉัย 9/2557 วันที่ 7 พ.ค. 2557 ระบุว่า ยิ่งลักษณ์กระทำไม่ชอบด้วยกฎหมาย เอื้อประโยชน์เครือญาติตนเอง มิได้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและของประชาชนมีผลประโยชน์ทับซ้อนและมีวาระซ่อนเร้น ยิ่งลักษณ์และพวกพ้นตำแหน่ง
ในส่วนของความผิดอาญา ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2563 ระบุว่า การกระทำของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มาตรา 157
รอดูคดีอาญา ว่าสุดท้ายศาลจะพิพากษาชี้ขาดอย่างไร
3. หนีคดี อยู่ในดีเอ็นเอ
แม้ก่อนหน้านี้ อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศไว้หลายครั้ง ว่าจะไม่หนีคดีไปไหนอย่างแน่นอน
แต่แล้ว เมื่อถึงวันนัดอ่านคำพิพากษาคดีจำนำข้าว 25 ส.ค. 2560 ปรากฏว่า ยิ่งลักษณ์หนีไปแล้ว
ทิ้งรัฐมนตรีข้าวจีทูเจี๊ยะ ลูกน้องในพรรคของตัวเอง ไม่บอกไม่กล่าว กระทั่งมวลชนผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ก็ยังไม่อยากจะเชื่อ แต่ในความเป็นจริง การวางแผนหนีคดี มีการดำเนินการมาก่อนหน้าแล้ว
ยิ่งลักษณ์โกหกศาลว่า “ป่วยด้วยโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน” ศาลไม่เชื่อ ออกหมายจับ
ในที่สุด ความจริงปรากฏว่า อดีตนายกฯตระกูลชินเจตนาหลบหนี โดยหนีไปก่อนหน้านั้นแล้ว
อันที่จริง คนระดับรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลระบอบทักษิณต้องคดีทุจริต มีจำนวนมากแต่ส่วนใหญ่ ไม่ได้หลบหนี ยอมติดคุกติดตะรางกันไป ทว่านายกฯ ตระกูลชินอย่างน้อยสองคน หนีคุกไปแล้ว
เคยพูดไว้ชัดเจนว่าจะไม่หนี เสียงปืนแตกจะกลับมา แต่ก็หนีไปทั้งคู่
การพูดไว้อย่าง ทำอีกอย่าง และการหนีคดีโกง อาจเป็นสิ่งที่อยู่ในรหัสพันธุกรรม หรือไม่
4. นิรโทษสุดซอย ใครจะเป็นอย่างไรก็ช่าง...มัน
ช่วงหาเสียง เลือกตั้งใหญ่ ปี 2554 ยิ่งลักษณ์และแกนนำพรรคเพื่อไทย ประกาศต่อสื่อมวลชนโดยตลอดว่า ไม่มีนโยบายล้างผิดให้ทักษิณ จะมุ่งแก้ไขไม่แก้แค้น แล้วชูนโยบายประชานิยมอื่นๆ นำหน้า
เมื่อเป็นรัฐบาลแล้ว อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ก็ยังกลบเกลื่อนเป้าหมายที่แท้จริงของการนิรโทษกรรมทักษิณ บ่ายเบี่ยงว่าทักษิณไม่ได้เร่งรัดอะไรมา แต่แท้จริงมีการดำเนินการโดย สส.ในพรรคเพื่อไทยเอง
โดยร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เริ่มจาก 40 สส.เข้าชื่อเสนอกฎหมาย ตั้งแต่ปี 2556 เริ่มต้นยังไม่มีเนื้อหาล้างผิดคดีโกง แต่หลังจากทักษิณส่งสัญญาณมาจากต่างแดน เมื่อเดือนพฤษภาคม 2556 ว่าเห็นด้วยกับแนวทางของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง จะทำอะไร ทำให้มันสุดซอย
จากร่างเดิม เมื่อเข้าสู่ชั้นกรรมาธิการ มีการแก้ไขเพิ่มเติมแปลงร่าง โดยสส.เพื่อไทย เอื้อประโยชน์ต่อนักการเมืองพวกพ้องที่มีคดีทุจริตอยู่
จากนั้น สภาผู้แทนราษฎรที่มี สส.เพื่อไทยกุมเสียงไว้เบ็ดเสร็จ ก็รวบรัดตัดตอน ผ่านร่างดังกล่าวในวาระ 2 และวาระ 3 เป็นเนื้อหาล้างผิดคนฆ่า-คนโกง-คนเผา ในช่วงเวลากลางดึก ประมาณตีสี่ ท่ามกลางฝ่ายค้านที่ทักท้วงอื้ออึง และไม่แยแสต่อการประท้วงคัดค้านของประชาชนนอกสภา
เป็นเหตุให้เกิดการชุมนุมใหญ่ทางการเมือง จากสามเสน คนเข้าร่วมเพิ่มพูนเป็นสามแสน สามล้าน และขยายเป็นมวลมหาประชาชน เกิดการเคลื่อนไหวการเมืองครั้งประวัติศาสตร์ คนรู้ทันระบอบทักษิณเข้าร่วมหลายล้านคน มากเป็นประวัติการณ์
ขณะนี้ ป.ป.ช. โดยอนุกรรมาธิการไต่สวน ที่มีคุณสุภา ปิยะจิตติ เป็นประธาน ยังพิจารณาคดีอยู่ มีอดีต สส.พรรคเพื่อไทย ถูกไต่สวนร่วม 40 คน อาทิ นายวรชัยเหมะ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ และออกปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำผิด
นับเป็นคดีค้างท่อ รอเช็คบิลวีรกรรมอื้อฉาวล้างผิดเอื้อญาติ เอื้อพี่ เอื้อนายใหญ่ ยุครัฐบาลทักษิณคิด เพื่อไทยทำ ครองเมือง
มาวันนี้ ยังจะเอาประเทศไปวางเดิมพัน แลกตั๋วกลับบ้านโดยไม่ติดคุกเพื่อคนตระกูลเดียว อีกหรือ?
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี