พรรคภูมิใจไทย เป็นพรรคที่คน “สนใจ” และ “เรียกร้อง” ความมีมาตรฐานน้อยมาก ดังจะเห็นได้จากกรณี นางนาทีรัชกิจประการ ที่มีปัญหาเรื่องกดบัตรแทนกัน พร้อมลูกหม้อ สส.พัทลุง อีกสองคน ก็มีพฤติกรรมเช่นนี้ ซึ่งเป็นเรื่อง “ทุจริตฉ้อฉล” แต่ดูเหมือนสังคมมิได้ใส่ใจ จนมาถึงเรื่องของ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ คนในสังคมการเมืองเริ่ม “เขย่า” และตั้งคำถาม
1) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ค หัวข้อ “มาตรฐานด้านจริยธรรม ของรัฐบาลอภิสิทธิ์ กับรัฐบาลประยุทธ์” มีเนื้อหาดังนี้...
“...วันนี้ผมได้นำคำให้สัมภาษณ์ของบุคคลสำคัญในรัฐบาลชุดนี้ ที่มีความเห็นต่อกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ชี้มูลความผิดนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มาให้ได้รับทราบว่า แต่ละท่านมีความเห็นในเรื่องนี้อย่างไร เช่น
1.พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณี ป.ป.ช.
ชี้มูลนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จากคดีการออกโฉนดที่ดินบุกรุกอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี ว่า เรื่องนี้ได้ติดตามมาตลอด พร้อมปรึกษาฝ่ายกฎหมายของเรา ก็ได้รับคำชี้แจงว่า ขณะนี้เรื่องนี้
อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการของกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งเรื่องจะออกหรือไม่ออกอะไรต่างๆ นั้น ถ้าศาลพิจารณาเห็นว่ามีเหตุผลและความจำเป็น ก็ต้องมีคำสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่เอง ขณะนี้เป็นขั้นตอนของศาล เพราะเรื่องเข้าไปอยู่ในกระบวนการแล้ว
2.นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ กรณีบุกรุกที่ดินป่าสงวนแห่งชาติเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี จะต้องลาออกจากตำแหน่งหรือไม่ ว่า ไม่ต้องลาออก จนกว่าจะได้ความว่าผิดหรือวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง และหยุดปฏิบัติหน้าที่ และเมื่อศาลรับคำฟ้องก็ไม่จำเป็นต้องลาออก
3.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์กรณีนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ถูกป.ป.ช.ชี้มูลความผิดบุกรุกที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดปราจีนบุรี จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นของผู้ถูกกล่าวหา
แต่ถ้าศาลรับฟ้องแล้ว ต้องหยุดทำหน้าที่โดยปริยาย พรรคภูมิใจไทยคงหารือถึงความเหมาะสม ขณะนี้ยังไม่เห็นสำนวนว่าถูกกล่าวหาอย่างไร ถือเป็นเรื่องส่วนตัว ทางพรรคคงไม่ทราบทุกเรื่องของคนคนนั้นก่อนจะดำรงตำแหน่งว่าใครทำอะไรบ้าง แต่หวังว่ากระแสสังคมจะเป็นตัวเร่งให้เจ้าตัวตัดสินใจทางใดทางหนึ่ง ในฐานะหัวหน้าพรรค จะไปบังคับให้ใครลาออกไม่ได้ ถ้าเขาไม่ออก พรรคภูมิใจไทย จะเกี่ยวข้องเฉพาะเมื่อศาลประทับรับฟ้อง ซึ่งต้องมาพิจารณาว่าความผิดจริยธรรม
เป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรง พรรคภูมิใจไทยไม่ต้องรอใบเสร็จ ถ้าเขาผิดจริง ต้องแสดงสปิริตมากกว่าการหยุดปฏิบัติหน้าที่ ผู้ใหญ่และนักกฎหมายในพรรคต้องตัดสินใจ
...ผมได้เห็นท่าทีและจุดยืนในเรื่องนี้ จากผู้ที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรง กับการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ของนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ คือ ขอให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่จำเป็นต้องแสดงสปิริต หรือความรับผิดชอบใดๆ โดยการลาออกจากตำแหน่งไว้ก่อน ทำให้ผมนึกถึงมาตรฐานด้านจริยธรรมในยุคของรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นมาทันที เพราะคุณอภิสิทธิ์ได้ออกกฎ 9 ข้อ ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ปฏิบัติตาม เป็น “มาตรฐานจริยธรรม” ที่คณะรัฐมนตรีต้องยึดถือและปฏิบัติ โดยยึดหลักการว่า
ผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีทุกคน จะต้องมีความรับผิดชอบทางจริยธรรม คุณธรรม และกฎหมาย สูงกว่าประชาชนทั่วไป
แต่สำหรับรัฐบาลชุดนี้ มีหลายกรณีที่เกิดขึ้น เป็นความท้าทายต่อจริยธรรม คุณธรรม และความรู้สึกของประชาชน แต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ก็ไม่ได้ดำเนินการใดๆ ให้ประชาชน เห็นว่า รัฐบาลชุดนี้ ยึดถือจริยธรรมสูงกว่าประชาชนทั่วไป ให้สมกับคำกล่าวที่พยายามสร้างภาพว่า รัฐบาลชุดนี้มีความบริสุทธิ์ และเป็นรัฐบาลที่มาจากรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง”
วิเคราะห์ : นายเทพไท แสดง “เส้นจริยธรรม” ของแต่ละคน แล้วข้ามขั้นไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เลย ซึ่งกรณีที่ยกมาเปรียบเทียบ บังเอิญเป็นรัฐมนตรีในพรรคที่หัวหน้ารัฐบาลขณะนั้นเป็นหัวหน้าพรรค มันจึง “จัดการง่าย” กว่า และนายอภิสิทธิ์ก็โชคดีว่า รัฐมนตรีทั้งนายวิฑูรย์ นามบุตร กับนายวิทยา แก้วภราดัย ก็เป็นคนที่มี “จริยธรรมสูง” อยู่ในตัว การรักษา “เส้นจริยธรรม” จึงง่าย เสียดายที่นายเทพไทไม่ได้วิเคราะห์ประเด็นนี้ว่า หากเป็นนายอภิสิทธิ์ จะเกิดอะไรกับรัฐมนตรี “นอกพรรค” เช่น ในภายหลังนางพรทิวา นาคาศัย ก็มีกรณีถูกกล่าวหาเรื่องข้าวและมันสำปะหลังเช่นกัน
2) ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย ก็ได้โพสต์เฟซบุ๊ค เรื่อง “กฎหมาย กับ จริยธรรมทางการเมือง” ความว่า...
“...เวลาผมพูดถึง ดร.วิษณุ เครืองาม ผมจะเรียกว่า“อาจารย์” ทุกครั้ง เพราะท่านเคยสอนวิชา “วิชาชีพนักกฎหมาย” ที่รามคำแหง ผมเคยเรียนวิชานี้ และวิชานี้ผมทำได้คะแนนยอดเยี่ยม ( G) เสียด้วยสิ ผมนับถือและเชียร์อาจารย์เสมอ ผมถือว่า อาจารย์เป็น “ปราชญ์” คนหนึ่งของเมืองไทย
...แต่เมื่อวาน เมื่อสื่อถามอาจารย์เกี่ยวกับรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ที่ถูกฟ้องคดีบุกรุกป่า อาจารย์ “เลี่ยง” ที่จะตอบ อาจารย์ใช้คำว่า “ถูกฟ้องแล้ว ศาลอาจไม่ให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ก็ได้ แล้วแต่คดี ไม่จำเป็นต้องหยุดเสมอไป”
...ผมแอบน้อยใจนิดๆ ว่า อาจารย์กำลังหนักใจ และ “เลี่ยง” อะไรบางอย่างอยู่ ความจริงผมรู้นะ อาจารย์เริ่มโยนหินถามทางบางอย่างอยู่ อาจารย์อยู่สงขลา ผมอยู่พัทลุง ไม่ห่างกันเท่าไหร่หรอก อาจารย์ให้น้ำหนักทางกฎหมาย มากกว่าน้ำหนักทาง “จริยธรรม” ความจริงเรื่องการให้สัมภาษณ์ในปฐพีนี้ ไม่มีมนุษย์คนไหนเก่งเท่าอาจารย์อีกแล้ว อาจารย์ไม่ตอบคำถามนี้ก็ได้ หรือ อาจารย์ “เลี่ยง” ที่จะตอบ โดยให้ความสำคัญเรื่องจริยธรรมก็ได้ แต่คำตอบของอาจารย์เมื่อวาน เท่ากับอาจารย์โยน “จริยธรรม” ทิ้งถังขยะเลย ผมใช้คำว่า ผมน้อยใจอาจารย์ก็แล้วกัน เมื่อวานนี้อาจารย์ได้โยนจริยธรรมทางการเมืองทิ้งถังขยะไปแล้ว
...เมื่อ “กฎหมาย” ไม่สามารถเอาผิดผู้ถูกกล่าวหาได้ผมอยากให้ “จริยธรรม” เข้าจัดการ แต่เมื่อกฎหมาย และ จริยธรรม ถูกโยนทิ้งถังขยะไปแล้ว บ้านเมืองเราจะอยู่กันอย่างไร?
3) นายศุภชัย ใจสมุทร สส.บัญชีรายชื่อ นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย แถลงกรณีที่ภายหลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ ในโควตาพรรคภูมิใจไทย คดีออกโฉนดที่ดินบุกรุกอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี ว่า พรรคภูมิใจไทย ได้พิจารณาแล้วเห็นว่ากรณีที่นางกนกวรรณ ถูกดำเนินคดีเป็นคดีที่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในนามพรรค ซึ่งเห็นว่าเป็นเรื่องระหว่างนางกนกวรรณกับกระบวนการยุติธรรม และนางกนกวรรณเองเมื่อปรากฏว่ามีคดีเกิดขึ้นก็ได้ไปรายงานตัวต่อศาลเรียบร้อยแล้ว และเข้าสู่การพิจารณาของกระบวนการยุติธรรม พรรคจะไม่มีการดำเนินการอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ส่วนวันที่ 15 มิ.ย.2565 ที่จะประชุมพรรคภูมิใจไทย ก็จะไม่มีวาระเรื่องนางกนกวรรณเข้ามาพิจารณา จะปล่อยให้เป็นเรื่องของรัฐมนตรีเหมือนกับคดีอื่นๆ ที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
“หัวหน้าพรรคยังไม่มีการพูดคุยเรื่องนี้ เราจะไม่ดำเนินการเรื่องนี้ ให้รัฐมนตรีไปต่อสู้ความบริสุทธิ์ของท่านในศาล ต้องสันนิษฐานว่าท่านยังเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าจะพิสูจน์ว่าท่านกระทำความผิดจนสิ้นข้อสงสัย ซึ่งท่านยังสามารถดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่อไป ส่วนจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ ผมไม่ทราบ ต้องไปถามหัวหน้ารัฐบาล” นายศุภชัย กล่าว
4) นายอนุทิน ชาญวีรกูล ให้สัมภาษณ์ล่าสุดว่า ตนได้โทรไปสอบถามและได้แจ้งว่าถ้าท่านมั่นใจว่าไม่ได้กระทำผิด วันนี้จะออกมาพูดว่าไม่ได้กระทำผิดยังไม่พอ ขอให้เอาหลักฐานเอกสารต่างๆ มาแสดง จะใช้พิสูจน์ด้วยความรู้สึกและคำพูดไม่ได้ และตนก็ได้ให้กำลังใจในฐานะที่เป็นลูกพรรคและเป็นคนที่รู้จักกันมานาน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้นางกนกวรรณยังไม่ได้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวจะชี้แจงเมื่อใดนั้น นายอนุทินกล่าวว่า เดี๋ยวท่านก็คงชี้แจง เพราะอยู่ระหว่างเรียบเรียงข้อมูลต่างๆ ออกมาทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย เมื่อไปถึงขั้นตอนใดๆ สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด
เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทยจะไม่กดดันให้ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งตนในฐานะหัวหน้าพรรคก็ได้รับเพียงข่าวสารจากสื่อ ยังไม่เห็นสำนวนและที่มาที่ไปว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไร เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพรรค ตนขอย้ำอีกทีว่า ข้อหาที่นางกนกวรรณถูกกล่าวหา ไม่ได้มีการกระทำผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง หรือกระทำผิดเกี่ยวกับพรรคการเมือง ตัวพรรคภูมิใจไทยไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
เมื่อถามต่อว่าแต่เรื่องนี้กระทบกับพรรคทางอ้อมหรือไม่นายอนุทินกล่าวว่า นางกนกวรรณ รับผิดชอบส่วนตัวไปแล้ว ถามต่อว่ากระแสสังคมจะต้องนำมาพิจารณาด้วยหรือไม่นอกจากเรื่องข้อกฎหมาย นายอนุทินกล่าวว่า แน่นอนถ้าผิดไม่ต้องรอใบเสร็จ ขอพูดเช่นนี้ดีกว่า
เมื่อถามว่า แปลว่าต้องรอคำสั่งศาลอย่างเดียวใช่หรือไม่นายอนุทินกล่าวว่าเร็วแน่นอน เพราะกระบวนการเดินแล้ว ตอนนี้ ป.ป.ช.ชี้มูลและได้ส่งไปที่อัยการในการสั่งฟ้อง ถ้าศาลรับฟ้องกฎหมายระบุว่าบุคคลนั้นต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ถ้าถึงจุดนั้นพวกเราจะเริ่มได้เห็นสำนวน คำร้อง ข้อกล่าวหาต่างๆ ตรงนั้นพรรคก็จะมาหารือกัน ซึ่งในพรรคมีนักกฎหมายและนักบริหารจำนวนมากก็ต้องมาดูและหารือกัน ถ้าดูแล้วว่าผิด เดี๋ยวตนจัดการเอง
เมื่อถามว่ากังวลภาพลักษณ์จะกระทบต่อการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นอีกไม่นานนี้หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ตนคิดว่าหน้าที่การทำงานของนางกนกวรรณ ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ทำภารกิจต่างๆไม่มีบกพร่อง และเป็นรัฐมนตรีที่มีผลงาน แต่เรื่องส่วนตัวก็อย่างที่เรียนว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล ทุกคนต้องรับผิดชอบเอง และตอนที่พรรคคัดเลือกนางกนกวรรณมาทำงานก็ดูที่ความเหมาะสมในหน้าที่การงาน เราไม่รู้หรอกว่าเขามีทรัพย์สินอะไร เพราะไม่ใช่เรื่องของเรา ซึ่งขอให้เรื่องนี้ปล่อยไปตามกระบวนการ รับรองได้ว่าไม่มีการปกป้อง ถ้าเป็นการกระทำผิด พูดได้แค่นี้
เมื่อถามย้ำว่าจะ กระทบกับพรรคหรือไม่ เพราะตอนนี้กำลังมีภาพลักษณ์ที่ดีในเรื่องของกัญชาเสรี นายอนุทิน กล่าวว่า
ไม่กระทบหรอก มันคนละเรื่องกัน เป็นความรับผิดชอบส่วนบุคคล
สรุป : เหตุการณ์นี้ คือ “นิทรรศการจริยธรรม” ครับ นอกเหนือจากเรื่องกฎหมาย ซึ่งถูกอ้างถึงเยอะกว่า รอดูกันครับว่า สังคมจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้แค่ไหน เพราะในสังคมที่ “ย่อหย่อน” ผู้มีอำนาจและโอกาสที่ไม่เคร่ง ย่อมไม่คิดจะขึงเส้นจริยธรรมให้ “ตึง” และกระทบกับตนเองอย่างแน่นอน!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี