วันเสาร์ ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
.jpg)
หลังป.ป.ช.ชี้มูลความผิดคดีข้าวจีทูจีลอตสอง หมอโด่งและพวก ว่ามีการกระทำทุจริตผิดกฎหมายจริง แต่ยกคำร้องในส่วนของนางสาวยิ่งลักษณ์ นางเยาวภา และนายทักษิณ ชินวัตร
ปรากฏว่า ลิ่วล้อ บริวาร โฆษกของพรรคการเมืองในครอบครัวชินวัตร ออกมา “ฟอกขาว”กันเกินเลย
โดยพยายามเคลมทันทีว่า นี่ไง ยิ่งลักษณ์ ทักษิณ ไม่เคยโกง แต่ถูกกลั่นแกล้งให้ร้ายมาโดยตลอด
การกระทำเช่นนี้ เป็นที่น่าเวทนาสำหรับคนที่ติดตามข้อมูลข่าวสารคดีโกงนักการเมืองมาโดยตลอด และออกจะดูเป็นการดูหมิ่นสติปัญญาคนฟังที่เป็นผู้สนับสนุนตนเองเอามากๆ
1. เป็นที่น่าอัศจรรย์จริง ที่นายบุญทรงถูกกันไว้เป็นพยาน แล้วก็ให้การในแบบที่หาประโยชน์ในการขยายผลเอาผิดตัวการคนอื่นๆ ไม่ได้เลย แล้วตนเองก็รอดไปด้วยในฐานะที่ถูกกันเป็นพยาน
ทั้งๆ ที่ ข้าวจีทูจี ลอตสอง นายบุญทรง คือ รัฐมนตรีพาณิชย์ที่กำกับดูแล เซ็นเองโดยตรง
ถ้าให้การไม่เกิดประโยชน์ ก็จะกันไว้เป็นพยานทำสวรรค์วิมานอะไร
ป.ป.ช.จะต้องชี้แจงให้ชัดเจน ทำไมจึงออกมาเช่นนี้
2. นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา กรณีที่มีข่าวว่า นายทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ถูกตีตกข้อกล่าวหา ในคดีระบายข้าว จีทูจี 2 นั้นยืนยันว่า เป็นความจริง เพราะหลักฐานเชื่อมโยงไปไม่ถึง โดยเฉพาะการเป็นผู้สั่งการ
“ในชั้นการรวบรวมข้อมูลคดี มีพยานให้การถึงบุคคลเหล่านี้ แต่พอ ป.ป.ช.ไปรวบรวมหลักฐาน โดยเฉพาะข้อมูลสำคัญว่าเป็นผู้สั่งการ ก็พบว่าหลักฐานไปไม่ถึง ไม่ชัดเจน ถ้าหากยื่นเรื่องต่อไปที่ศาลฯ สุดท้ายศาลฯก็ต้องยกอยู่ดี” นายนิวัติไชยระบุ
นายนิวัติไชยกล่าวถึงผลการชี้มูลความผิดผู้เกี่ยวข้องในคดีระบายข้าว จีทูจี ภาค 2 และคดีระบายมันสำปะหลัง (นายบุญทรงและพวก ถูกชี้มูลความผิดทุจริตมันจีทูจี) ระบุว่า คดีนี้เหล่านี้ มีการเสนอเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ไปหมดแล้ว แต่เนื่องจากแต่ละเรื่องมีรายละเอียดค่อนข้างมาก จึงต้องขอเวลารวบรวมอีกที และคงจะมีการเปิดแถลงข่าวเป็นทางการต่อสื่อมวลชนอีกครั้ง
นอกจากนี้ ป.ป.ช.ได้มีมติตั้งไต่สวนคดีร่ำรวยผิดปกติ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จริงแต่รายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผย เนื่องจากอยู่ระหว่างขั้นตอนการไต่สวน
3. อย่าลนลานเอาเรื่อง ป.ป.ช.ยกคำร้องทักษิณ เยาวภา ยิ่งลักษณ์ คดีข้าวจีทูจีลอต 2 มาฟอกขาว
ถึงขณะนี้ ถ้าจะกล่าวอย่างเป็นธรรมที่สุด คือ
การทุจริตข้าวจีทูจี มีการทุจริตจริงๆ โกงกันฉิบหาย คำพิพากษาศาลฎีกาฯ ชี้ขาดถึงที่สุดแล้วติดคุกกันอยู่ก็หลายคน หนีคดี หนีคุกอยู่ก็หลายคน
แต่ยังไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดนายทักษิณนางเยาวภา และนางสาวยิ่งลักษณ์ ว่าสั่งการคดีทุจริตข้าวจีทูจี
นางสาวยิ่งลักษณ์เอง หนีโทษจำคุกคดีทุจริตประพฤติมิชอบ ไม่ยับยั้งความเสียหายโครงการจำนำข้าวอยู่
นายทักษิณ ก็หนีโทษจำคุกคดีทุจริตประพฤติมิชอบอื่นอยู่อีกหลายคดี
ส่วนนางเยาวภา เป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีคดีทุจริตประพฤติมิชอบติดตัว
4. ในส่วนของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ตามที่มีโฆษกพรรคการเมืองออกมาสื่อสารทำให้สังคมสับสนโดยกล่าวทำนองว่า ไม่มีคำพิพากษาระบุว่านางสาวยิ่งลักษณ์กระทำผิดทุจริตประพฤติมิชอบ
นั่นเป็นข้อมูลบิดเบือนที่หวังผลฟอกตัวให้ผู้หลบหนีคดี หนีคุก
ถ้าไม่มีการทุจริตจริง แล้วหนีไปทำไม กลับมาได้แล้ว
ความจริง คือ
4.1 ศาลฎีกาฯ พิพากษาชี้ขาด คดีถึงที่สุดไปแล้วว่า ยิ่งลักษณ์มีความผิดจริง โทษจำคุก 5 ปี
ศาลฎีกาฯ ชี้ว่า ในกรณีการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐในสัญญา 4 ฉบับ พบว่า มีการแก้ไขสัญญาในยุคที่มีนายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานคณะอนุกรรมการระบายข้าว และยังทำในรูปแบบซื้อขายหน้าคลังสินค้า ซึ่งไม่ใช่การซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ และยังใช้สกุลเงินบาทในการซื้อขาย ซึ่งเป็นพิรุธ ประกอบกับไม่พบว่ามีการส่งข้าวไปยังจีน แต่ในสัญญากลับระบุการซื้อขายข้าวนับล้านตัน ทั้งที่มีการนำข้าวออกไม่เท่ากับที่สัญญาระบุไว้ และเป็นการขายในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่รับจำนำ ทำให้เอกชนได้รับประโยชน์จากส่วนต่างในราคากว่า 3 พันบาทต่อตัน โดยยังปรากฏข้อเท็จจริงว่า บริษัทเอกชนในกลุ่มของ นายอภิชาติจันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง ที่มีความสนิทกับนายทักษิณ พี่ชายของจำเลย ก็ได้รับประโยชน์จากพฤติการณ์ที่สมอ้างว่าสัญญาระบายข้าวเป็นแบบรัฐต่อรัฐ
“...สําหรับความเสียหายอันเกิดขึ้นจากการทุจริตในขั้นตอนระบายข้าว โดยการแอบอ้างทําสัญญาขายแบบรัฐต่อรัฐ ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติได้ว่า จําเลยรับรู้จากการแจ้งเตือนจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง การตั้งกระทู้ถามสด กระทู้ทั่วไป การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ของฝ่ายข้าราชการการเมือง และข่าวสารจากสื่อมวลชน
...ในส่วนการระบายข้าว ที่แอบอ้างว่าเป็นการขายแบบรัฐต่อรัฐก็เช่นเดียวกัน จําเลยมีเวลาเพียงพอที่จะระงับยับยั้งการส่งมอบข้าวตามสัญญาที่ยังไม่ได้ส่งมอบไว้ก่อนก็ย่อมกระทําได้ตามอํานาจหน้าที่ แต่จําเลยในฐานะนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้ารัฐบาลและประธาน กขช. ซึ่งมีอํานาจหน้าที่โดยตรงในการควบคุมตรวจสอบกํากับดูแล การปฏิบัติตามนโยบาย วางมาตรการโครงการที่อนุมัติไปแล้ว ทั้งมีอํานาจสั่งการข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ในการกํากับดูแล การระงับยับยั้งหรือแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการทุจริตในขั้นตอน การระบายข้าว
แต่จําเลยกลับมีพฤติการณ์ในการละเว้นหน้าที่ตามกฎหมาย ส่อแสดงเจตนาออกโดย แจ้งชัดอันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ นายบุญทรงกับพวกแสวงหาผลประโยชน์จากโครงการรับจํานําข้าว โดยการแอบอ้างนําบริษัท GSSG และบริษัท Hainan grain เข้ามาทําสัญญาซื้อข้าวในราคาที่ต่่ำกว่าท้องตลาดตามประกาศของกรมการค้าภายใน แล้วมีการหาประโยชน์ที่ทับซ้อน โดยทุจริตได้ข้าวส่วนต่าง จากราคาข้าวตามสัญญาซื้อขาย ๔ ฉบับอันเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบการเงินการคลังของประเทศและเกิดผลกระทบต่องบประมาณแผ่นดินโดยตรง ถือได้ว่าเป็นการกระทําทุจริตต่อหน้าที่ในความหมายตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๔”
นี่คือคดีที่ศาลฎีกาพิพากษาชี้ขาด คดีถึงที่สุดแล้ว
ศาลฎีกาฯ พิพากษาว่า “..การกระทําของจําเลย (ยิ่งลักษณ์) จึงเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในตําแหน่งโดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่กระทรวงการคลัง ประเทศชาติ หรือผู้หนึ่งผู้ใด อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2542 มาตรา 123/1”
4.2 คดีที่ศาลปกครองกลางพิพากษา (คดียังไม่ถึงที่สุด) เป็นเรื่องค่าสินไหมทดแทน
ศาลปกครองกลางสั่งให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง และคำสั่งอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่อง
ศาลปกครองกลางไม่ได้เพิกถอนคำพิพากษาศาลฎีกาฯ และไม่มีอำนาจจะไปเพิกถอน
ศาลปกครองไม่มีอำนาจชี้ขาดว่าใครโกงหรือไม่โกง อันนั้นเป็นความผิดทางอาญา และศาลฎีกาฯ ชี้ขาดไปแล้วว่ายิ่งลักษณ์ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
ประการสำคัญ คือ ศาลปกครองกลางมิได้บอกว่าโครงการจำนำข้าวไม่มีการทุจริตโกงกิน
ขณะนี้ คดีศาลปกครอง ได้มีการอุทธรณ์คดีไปที่ศาลปกครองสูงสุด ต้องคอยดูว่าศาลปกครองสูงสุดจะพิพากษายืนตามศาลปกครองกลาง หรือแก้คำพิพากษาของศาลปกครองกลาง
เรื่องนี้ เกี่ยวกับคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 1351/2559ลงวันที่ 13 ต.ค. 2559 ที่ให้ยิ่งลักษณ์ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว จำนวน 20% หรือประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท ของความเสียหายทั้งหมด 1.78 แสนล้านบาท
คดีนี้ ยังไม่ถึงที่สุด
แต่ที่แน่ๆ จนถึงวันนี้ หนี้จากโครงการจำนำข้าว ยังเหลืออยู่กว่า 2 แสนล้านบาท รัฐบาลยังต้องทยอยใช้หนี้เป็นประจำทุกๆ ปี ซึ่งถ้าไม่มีนักการเมือง ข้าราชการ นักธุรกิจ ร่วมกันโกงในโครงการจำนำข้าว ยอดภาระหนี้สินต่อประเทศชาติย่อมจะไม่มหาศาลขนาดนี้

'อ.เจษฎ์'มาเอง! เปิด7ข้อเคลียร์ความเชื่อผิดๆปมดื่มนมไทย เปิดวาร์ปนมไทยที่เป็นนมโคแท้
'ปราชญ์ สามสี'ฟาด! 'พรรคส้ม' ใช้ 'สองมาตรฐาน' โจมตีกองทัพ แต่ปัดรับผิดคดีในพรรค
ผีตายยาก!เดอ ลิกต์ โขกทดเจ็บบุกแบ่งแต้มไก่
'กัน จอมพลัง' ควงลูกเมียเปิดใจน้ำตาซึม เผยความผิดพลาด เอาเวลาครอบครัวไปช่วยคนอื่น
'กัมพูชา'ขยับแรง! บุกทลาย2รังใหญ่แก๊งสแกมเมอร์ รวบผู้ต้องหากว่า600คนส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี