เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2566 ปีกระต่ายนับได้ว่า เป็นวันอาถรรพณ์กัญชา ที่ทำให้สภาผู้แทนราษฎรล่มเป็นปฐมฤกษ์ของปีกระต่าย ระหว่างพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)กัญชา กัญชง ขณะที่ฝ่ายค้านขอให้ถอนออกไปก่อน เปิดทางให้นำร่างอื่นมาพิจารณาก่อน เพื่อไม่ให้เสียเวลา แต่ตกลงกันไม่ได้
จะเป็นอาถรรพณ์ หรือบังเอิญอย่างไร ไม่ทราบได้ ผู้เขียนได้เห็นทวิตเตอร์ ผู้สื่อข่าวสตรีของทีวีช่องหนึ่งที่โพสต์ เรื่อง อาหารผสมกัญชา และ สำนักข่าวเอพี เสนอผลวิจัยพบว่า อาหารผสมกัญชาเป็นอันตรายต่อเด็กไม่เดียงสามาก
เพื่อป้องกันแหล่งข่าว ขอใช้นามแฝง ผู้สื่อข่าวสตรีว่า F..SD ที่โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ ว่า
“วันนี้คุยกับแหล่งข่าวเป็นเพื่อนชาวต่างชาติเคสที่กินเค้กกัญชาจนเข้าไอซียู อาการเบื้องต้นปลอดภัยแล้วค่ะ แต่ยังมีอาการคอตีบ ลิ้นแข็ง ก็ถามรายละเอียดไปหลายประเด็น แหล่งข่าวบอกว่า เพื่อนเขาไม่เคยลองอาหารที่ผสมกัญชาเลย เค้กที่กินไปก็ก้อนเท่าสบู่ แต่ประเด็นคือไม่รู้ว่าใส่ THC ผสมไปเท่าไหร่...เธอบอกว่าเท่าที่สังเกตร้านที่ขายอาหาร และขนมแถวข้าวสารหลายร้าน ไม่แจ้งรายละเอียดว่ากัญชาที่ผสมอาหารหรือขนมใส่ THC ไปเท่าไหร่ ไม่มีคำแนะนำว่าคนไม่เคยทานควรกินอย่างไร บางคนกินเข้าไปร่างกายรับไม่ได้เพราะสารมันเกินขนาดก็จะเกิดภาวะคล้ายๆ ลักษณะนี้แพทย์ที่รักษาก็ประเมินว่าแพ้สาร THC..”(THC สารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท)
และวันที่ 4 มกราคม ปีกระต่ายในวันเดียวกันนี้ สำนักข่าวเอพี รายงานข่าวโดยอ้างผลวิจัยพบว่า “ตัวเลขผู้ป่วยเด็กโดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กในวัยเตาะแตะ และต่ำกว่าหกขวบ มีอาการป่วยหนักต้องรีบส่งโรงพยาบาลเพราะเผลอกินอาหารผสมกัญชาโดยไม่รู้ว่าอาหารผสมกัญชา กรณีเด็กป่วย ที่เผลอกินอาหารมีส่วนผสมกัญชาพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจในห้วงเวลาห้าปี”
ผลการวิจัย ซึ่งเปิดเผย เมื่อวันอังคารที่ 3 มกราคม พบว่า ตัวเลขเด็กป่วย เพราะกินอาหารผสมกัญชาโดยไม่เดียงสาพุ่งสูงขึ้นน่าตกใจ โดยเฉพาะเด็กในวัยเตาะแตะ ในห้วงเวลาห้าปีตั้งแต่ประเทศสหรัฐอเมริกาเปิด ให้มีพื้นที่ใช้กัญชามากขึ้น
ศูนย์ควบคุมสารพิษแห่งชาติ เปิดเผยว่า เด็กเล็กอายุต่ำกว่าหกขวบกว่า 7,000 คน ได้รับการยืนยันจากโรงพยาบาลว่า ต้องรับตัวเข้ารักษาระหว่างปี 2560 และปี 2564 ตัวเลขเด็กป่วย เพราะเผลอกินอาหารผสมกัญชาไต่สูงขึ้นจากประมาณ 200 คน เป็น 3,000 คนต่อปีและหนึ่งในสี่ เด็กๆ ที่รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลมีอาการหนักมาก
ตามรายงานของวารสารกุมารแพทย์ที่ ดร.มาริต ทวีต ผู้เชี่ยวชาญสารพิษวิทยาแห่งมหาวิทยาการแพทย์อิลลินอยส์ ผู้นำทีมวิจัยศึกษา พบว่า ในเคสที่เด็กเล็กเผลอกินอาหารประเภทช็อกโกแลต คุกกี้ ลูกกวาดผสมกัญชาเข้าไป มันตรงกับห้วงเวลาที่รัฐต่างๆ ในสหรัฐอเมริกาอนุญาตให้ใช้กัญชาทางสันทนาการมากขึ้น ปัจจุบันสหรัฐอเมริกาอนุญาต ให้ใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ 17 รัฐ และ 21 รัฐ อนุญาตให้ใช้กัญชาทางสันทนาการโดยมีการตรวจสอบ
ดร.ทวีต เรียกร้องให้ผู้ปกครองเด็กเล็กระมัดระวังให้มากขึ้น และเรียกร้องให้เพิ่มกฎหมาย และมาตรการควบคุมการใช้ผลผลิตผสมกัญชามากขึ้น โดยเฉพาะอาหารผสมกัญชาที่มีกล่อง หรือซองบรรจุคล้ายๆ กับขนมหวาน และของว่างสำหรับเด็ก
“เมื่อมันเป็นของว่างในรูปของคุกกี้ช็อกโกแลต ผู้คนในบ้านไม่คิดว่ามันมีส่วนผสมสารเคมี หรือบางอย่างเป็นอันตรายเมื่อเด็กเผลอกินเข้าไป” เธอกล่าว และเสริมว่า “ในทางที่ดีประชาชนควรไตร่ตรองให้มากก่อนใช้อาหารที่มีส่วนผสมกัญชา”
นำเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟัง เพราะเห็นว่าทุกวันนี้ มีการถกเถียงกันมากในหมู่นักการเมืองผู้มีความปรารถนาดีที่ประสงค์จะใช้กัญชาเป็นยาพื้นบ้าน ซึ่งสัมพันธ์กับการเสริมสร้างเศรษฐกิจพื้นฐานที่สามารถเพิ่มรายได้ ให้ชาวบ้านธรรมดากับนักการเมืองอีกฝ่ายหนึ่งที่สนับสนุนการใช้กัญชาในทางการแพทย์เหมือนกัน แต่ต้องการให้มีมาตรการหรือมีกฎหมายควบคุมให้รอบคอบเข้มงวดมากขึ้น
แต่บังเอิญการแสดงความคิดเห็นเรื่องการใช้กัญชาทางการแพทย์ และการใช้กัญชาทางสันทนาการ ได้มีการยกขึ้นมาถกเถียงกันในห้วงเวลาที่วาระของสภากำลังจะสิ้นสุดลงและจะมีการเลือกตั้งใหม่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ประเด็นเรื่องกัญชาเลยกลายเป็นข้อขัดแย้งกล่าวหากันไปมาว่า เอากัญชามาเล่นการเมือง
ผู้เขียนเป็นชาวบ้านธรรมดา มิบังอาจไปแนะนำท่านผู้ทรงเกียรติว่า “พวกท่านอย่าบ้าเล่นการเมืองกันให้มากนัก” ขอให้พิเคราะห์ถึงทวิตเตอร์ของนักข่าวสตรี ที่ยกมาเป็นตัวอย่าง และ คำพูดของ ดร.มาริต ทวีต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยกุมารแพทย์วิทยาแห่งวิทยาลัยการแพทย์อิลลินอยส์ ที่เรียกร้องให้มีมาตรการและควบคุมการใช้กัญชาและเตือนว่า “ควรไตร่ตรองให้มากก่อนใช้กัญชาในอาหารหรือใช้กัญชาทางสันทนาการ”
อนึ่ง เพื่อความเป็นธรรมแก่กระทรวงสาธารณสุขต่อทวิตเตอร์ของนักข่าวสตรีที่โพสต์ข้อความว่าร้านอาหารไม่ได้ให้ข้อมูลแก่ลูกค้าว่าอาหารผสมกัญชาและใส่สาร THC มากน้อยแค่ไหน..
..เมื่อวันที่ 6 มกราคม หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์รายงานข่าวว่า “กระทรวงสาธารณสุขได้ออกข้อแนะนำ 10 ประการ เป็นภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษารัสเซีย เพื่อความเข้าใจและเพื่อความปลอดภัย ซึ่งนักท่องเที่ยว ควรรู้เกี่ยวกับกัญชาในประเทศไทย
1. การครอบครองเมล็ดกัญชา หรือส่วนใดส่วนหนึ่งกัญชาเข้ามาและออกไปจากประเทศไทยผิดกฎหมาย 2. ปลูกกัญชาไม่ผิดกฎหมายแต่ผู้ปลูกต้องลงทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจากเว็บไซต์ขอปลูกกัญชา 3. ขออนุญาตมีช่อดอกกัญชาได้เพื่อการวิจัยต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อจำหน่ายและส่งออกเท่านั้น 4. บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปีหรือสตรีมีครรภ์ไม่อนุญาตให้ใช้กัญชา ยกเว้นได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 5. ครอบครองสาร THC เกิน 2% ที่สกัดจากกัญชาต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ 6. อาหารผสมกัญชาสามารถซื้อได้จากภัตตาคารที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ 7. ผลผลิตกัญชาสามารถหาซื้อได้จากช่องทางเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ 8. สูบกัญชาในที่สาธารณะรวมทั้งบริเวณโรงเรียนและห้างสรรพสินค้าผิดกฎหมาย 9. หลีกเลี่ยงการขับขี่หลังจากเสพกัญชา 10. ผู้ที่มีผลข้างเคียงจากการเสพกัญชาควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาโดยเร็ว
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี