เมื่อเรือลำหนึ่งลำใดเกิดเหตุสุดวิสัยติดสันดอนเกยตื้น หรืออาจจะหนักถึงอับปางลงด้วยภัยทางธรรมชาติที่รุนแรงจนเกินความสามารถของเรือที่จะต้านทาน รวมทั้งเกินความสามารถของมนุษย์ที่จะแก้ไข ก็พอที่จะเป็นเรื่องเข้าใจ และรับกันได้ ซึ่งหากเกิดขึ้นก็เป็นเรื่องที่เจ้าของเรือ หรือผู้บังคับบัญชาเรือ จะต้องสั่งการเพื่อแก้ไขสถานการณ์จากหนักหน่วงให้เบาลง เช่น การประสานขอรับความช่วยเหลือจากเรืออื่นๆ รวมทั้งฝ่าย
ยานอากาศ โดยเฉพาะเฮลิคอปเตอร์ในการขนถ่ายสินค้าและผู้คนลูกเรือต่างๆ ซึ่งการแก้ไขเหตุเฉพาะหน้านั้นขึ้นอยู่กับสติปัญญา ไหวพริบ และความเอาจริงเอาจังกับภาระหน้าที่ของผู้สั่งการ และทักษะของผู้ใต้บังคับบัญชาที่เป็นฝ่ายปฏิบัติเป็นสำคัญ การที่จะได้รับความเข้าอกเข้าใจ และคำชมเชย จากสังคมก็จะขึ้นอยู่กับการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าเป็นหลัก
แต่ในกรณีรัฐนาวาน้อยใหญ่ที่ขับเคลื่อนโดยคณะรัฐบาล และเจ้าหน้าที่รัฐในกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ นั้นหากจะเกิดการติดสันดอนเคลื่อนไปข้างหน้าไม่ได้ ก็คงมิใช่เรื่องที่เป็นผลมาจากภยันตรายจากธรรมชาติ หากแต่เป็นเรื่องของสติปัญญาและฝีไม้ลายมือของผู้บริหาร หรือ“ผู้บังคับการ” ต่างๆ ล้วนๆ กล่าวได้ว่าภยันตรายต่อรัฐนาวานั้นเกี่ยวข้องกับความสามารถ และความรับผิดชอบของตัวมนุษย์ หรือตัวบุคคลเป็นสำคัญ
ในปัจจุบันนี้สังคม ก็ได้เห็นความดาษดื่นของการติดสันดอนในเรื่องจริยธรรมและคุณธรรม หรือความรับผิดชอบอย่างสูงส่งต่อศักดิ์ศรีและชื่อเสียง ที่เกิดขึ้นกับองค์กรรัฐหลายๆ องค์กร ที่แท้จริงควรจะมีความรับผิดชอบในการดำเนินภารกิจที่ตอบสนองผลประโยชน์ของชาติ และบริการประชาชนพลเมืองเป็นหลัก จนส่งผลต่อภาพลักษณ์ขององค์กรที่สังกัด และต่อชื่อเสียงตัวตนผู้บริหาร ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องของการติดสันดอนที่มาจาก “กมลสันดาน” เป็นหลัก
การนี้จะเกิดขึ้นได้ ก็เมื่อผู้บริหารองค์กรไม่ว่าจะในระดับการเมือง หรือในระดับข้าราชการประจำ เมื่อได้รับตำแหน่งแล้ว ก็มัวแต่คิดจะเอาประโยชน์เข้าตนโดยใช้ประโยชน์จากองค์กรที่ตนสังกัดอยู่มารับใช้พรรคพวกของตน ซึ่งธาตุแท้ (หรือสันดาน) เช่นนี้มีความอันตรายต่อรัฐนาวายิ่งกว่าบรรดาภยันตรายทางธรรมชาติที่ทำให้เรือหรือองค์กรต้องติดสันดอนเกยตื้น หรืออับปางลง หลายเท่านัก
นั่นก็เพราะภยันตรายทางธรรมชาติมีมาแล้ว สักพักก็จะจบไป ไม่คงอยู่ถาวร ตรงกันข้ามกับภยันตรายที่มาจากกมลสันดานของมนุษย์นั้น มันฝังตัวอยู่ในตัวมนุษย์เหล่านั้นจนเป็นสันดอนถาวรก็ว่าได้ ซึ่งหากสังคมจะปล่อย หรือมัวรอให้มีการดัดสันดานด้วยตัวเอง ก็คงเป็นเรื่องยากลำบาก เพราะสันดานที่ไม่บริสุทธิ์ผุดผ่องนั้นได้แปรเปลี่ยนจนกลายเป็นวิถีชีวิตของพวกเขาไปเสียแล้ว จึงถือเป็นเรื่องที่สังคมจะต้องช่วยกันขุดลอกสันดอน หรือสันดานอันเลวร้ายเหล่านั้นออกไปจากอำนาจบริหาร และสังคม ซึ่งไม่พ้นที่จะต้องเริ่มกันที่ผู้บังคับบัญชาที่อยู่เหนือขึ้นไป โดยเฉพาะในระดับรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีที่มีหน้าที่รับผิดชอบต่อสังคมโดยรวม เพราะเป็นผู้อาสาเข้ามารับใช้สังคมบ้านเมือง
ซึ่งหากผู้มีอำนาจยังปล่อยให้มีการเล่น “ระบบอุปถัมภ์” และมีการเล่นกับ “ระบบพรรคพวก พวกพ้อง” และการร่วมกันปิดบัง หรือกลบเกลื่อนข้อเท็จจริง และการหาทางออก ให้กับข้าราชการสีเทาเหล่านี้ ประชาชนพลเมืองในฐานะผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยและอำนาจรัฐ มีทั้งสิทธิและหน้าที่อันชอบธรรม คงรอให้มีการเลือกตั้งครั้งต่อไป แล้วจะออกเสียงเปลี่ยนแปลงคณะรัฐบาลผู้บริหารประเทศ แต่หากความเลวร้ายทวีคูณจนถึงขีดจำกัด ประชาชนพลเมืองก็อาจจะรวมตัวออกมาเรียกร้อง ต่อต้านและขับไล่ผู้มีอำนาจบริหารประเทศก่อนถึงฤดูเลือกตั้งก็เป็นได้
ทั้งนี้ทั้งนั้น หากเป็นไปได้ประชาชนพลเมืองก็ยังคงฝากความหวังไว้ให้กับผู้นำประเทศที่จะแสดงซึ่งความรับผิดชอบและความเด็ดเดี่ยวในการขุดสันดอนและดัดสันดานต่างๆ อย่างไม่รอช้า
อย่าลืมว่า การกระทำความดีงามนั้นไม่ต้องรีรอฤกษ์ หากผู้นำรัฐบาลมีความปรารถนาดีจริงต่อชาติบ้านเมือง ก็สามารถกระทำการได้อย่างทันทีทันควัน โดยเอาความถูกต้องชอบธรรมเป็นที่ตั้ง และหากไม่มีการกระทำการใดๆ เสียเลย ก็เท่ากับว่าบรรดาผู้นำเหล่านั้นเป็นตัว “สันดอน”เสียเอง เนื่องจากยอมให้บุคคลที่มี“สันดาน” เลวร้าย อยู่ในวงจรบริหารอำนาจรัฐ ซึ่งเป็นภยันตรายต่อชาติบ้านเมือง
ที่ผ่านๆ มา บรรดาผู้นำก็มักจะออกมาป่าวประกาศเรียกร้องให้สังคมมีความสมานสามัคคี เชิญชวน บ่มเพาะและปลูกฝังให้เยาวชนรักชาติบ้านเมืองและมีความซื่อสัตย์สุจริตให้อยู่ในศีลในธรรม แต่แค่เรียกร้องนั้นไม่เป็นการเพียงพอ หากแต่บรรดาผู้นำในระดับต่างๆ ต้องดำรงตนให้เป็นแบบอย่างอีกด้วย มิใช่นิ่งเฉย จนจัดได้ว่าเป็นผู้บ่อนทำลายชาติ และเป็นสันดอนแห่งความเลวร้ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นอกจากเรื่องการเสื่อมลงของจริยธรรมในหมู่เจ้าหน้าที่รัฐแล้ว ปวงชนชาวไทยที่ยังรู้สึกคับแค้นใจ และอับอาย ที่วันนี้ประเทศไทยเราไม่ได้มีบทบาทในเวทีระหว่างประเทศ แถมยังไม่สามารถดึงดูดการลงทุนในแขนงสาขาที่จะช่วยอำนวยให้มีการพัฒนาประเทศให้เป็นประเทศอุตสาหกรรมอันประกอบด้วยองค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เนื่องจากทั้งกำลังพล (Manpower) ทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และแรงงานที่มีฝีมือที่จะรองรับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ต่างดูเป็นรองประเทศอื่นๆ มากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ สะท้อนว่าประเทศเรากำลังติดสันดอนในเรื่องวิสัยทัศน์ และวิธีการบริหารจัดการบ้านเมือง อันเนื่องมาจากตัวผู้บริหารประเทศเอง
ก็ถึงเวลาแล้วที่สังคมไทยเราจะได้มานั่งคิดทบทวนและปรึกษาหารือกันอย่างกว้างขวางลึกซึ้ง เพื่อที่จะได้ช่วยกันขุดลอกสันดอนแห่งความนึกคิดที่ล้าหลัง ไม่ทันสมัยรวมทั้งแฝงไว้ซึ่งการทุจริตมิชอบต่างๆ และการเป็นกาฝากสังคมเพื่อหาเศษหาเลยจากสังคมกันได้แล้ว
เราคนไทยต้องมาร่วมกันแก้สันดานเพื่อขจัดสันดอนด้วยตัวเองอย่างเร่งด่วน เพราะโลกนั้นไม่รอเรา ชาวไทยไม่ได้ด้อยปัญญา หรือความสามารถ หากเพียงแต่ต้องการกัปตันเรือที่มีความสามารถ และมีความเด็ดขาดอย่างที่หลายๆ ประเทศเขามีกัน ยกตัวอย่างอดีตนายกฯ นิวซีแลนด์ที่ชื่อ จาซินดา อาร์เดิร์น ที่ก่อนหน้าก็ได้ทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองของเขาอย่างมากมายจนเป็นที่เลื่องลือ และได้รับการเคารพนับถือไปทั่วโลก นอกจากนั้นเมื่อเขารู้สึกว่าได้ทำเต็มที่แล้ว ก็ไม่ได้ “ตื๊อ” ขออยู่ต่อในตำแหน่ง เนื่องจากไม่ได้กระหายซึ่งแสงสี และอำนาจใดๆ อีกต่อไป
เขารู้ตัวเองว่า หมดไฟ ทำเต็มที่แล้ว เขาก็กล้าที่จะถอนตัวเพื่อเปิดโอกาสให้คนอื่นๆ ได้เข้ามาแสดงฝีมือ ไม่มัวแต่ทำตัวเป็นสันดอนขวางความก้าวหน้าของสังคมบ้านเมืองให้ชาวบ้านก่นด่า ให้เสียหน้าเสียศักดิ์ศรีไปอย่างไม่รู้จบ
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี