ในช่วงหน้าข้าวหน้าเหล้าที่กำลังจะมีการเลือกตั้ง รัฐบาลก็ได้เพิ่มค่าตอบแทนพิเศษให้แก่กลุ่มคนสามประเภทซึ่งใกล้ชิดกับประชาชน และอาจมีผลต่อการชี้นำประชาชนในการเลือกตั้ง แม้กระทั่งในการดูแลหน่วยเลือกตั้งและการนับคะแนนด้วย
คนสามประเภทดังกล่าวคือ อสม., กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ อบต. ซึ่งคนสามจำพวกนี้ใกล้ชิดกับประชาชนในทุกพื้นที่ ยิ่งเป็นพื้นที่ต่างจังหวัดและทุรกันดารมากเท่าใดก็ยิ่งมีความใกล้ชิดและมีบทบาทต่อประชาชนมากขึ้นเท่านั้น จึงสร้างความกังขาให้กับประชาชนทั่วประเทศว่าเหตุใดจึงมีการเพิ่มค่าตอบแทนให้แก่คนสามประเภทนี้ในยามใกล้จะเลือกตั้ง
เหตุใดข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐจำพวกอื่น เช่น ครูประมาณ 800,000 คนทหาร ตำรวจอีกราว 600,000 คนข้าราชการอื่นๆ อีกร่วม 2,000,000 คน จึงไม่ได้รับการเพิ่มค่าตอบแทนด้วย นี่มิเท่ากับเป็นการเลือกปฏิบัติ เอื้อเฟื้อให้กับเจ้าหน้าที่บางจำพวก โดยเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ของรัฐไม่ได้รับค่าตอบแทนเพิ่ม แต่ต้องรับผลกรรมพลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วย
ผลกรรมที่พลอยฟ้าพลอยฝนก็คือ ครั้งใดที่มีการเพิ่มค่าตอบแทนเงินเดือนหรือค่าจ้างให้แก่เจ้าหน้าที่หรือข้าราชการของรัฐ ค่าครองชีพก็จะสูงตามไปด้วย ดังนั้นข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐร่วม 3 ล้านคนที่ต้องจ่ายค่าครองชีพเพิ่มขึ้นเพราะเหตุที่มีการเพิ่มค่าตอบแทนให้แก่คนสามประเภทจึงได้รับผลกระทบ และเกิดความเดือดร้อนเสียหายโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วยเลย
ดังนั้นข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐร่วม 3 ล้านคนที่ได้รับผลกระทบเรื่องนี้จึงต้องรู้ว่าใครทำให้เดือดร้อน เพราะความเดือดร้อนเรื่องค่าครองชีพนั้นเดือดร้อนไปถึงทุกผู้คนในครอบครัวด้วย และเมื่อรู้แล้วก็จงร่วมกันลงประชาทัณฑ์ให้แก่ผู้สร้างเวรสร้างกรรมในเรื่องนี้เพื่อไม่ให้กระทำเวรกรรมซ้ำอีกต่อไป
แต่ทว่าค่าตอบแทนที่เพิ่มให้แก่คนสามประเภทนั้น เมื่อพิจารณาดูโดยแยบคายแล้วทำท่าว่าจะเป็นการเพิ่มค่าตอบแทนทิพย์ คือได้แต่ลม แต่จะไม่ได้เงิน เพราะในขณะที่มีการออกมติให้เพิ่มค่าตอบแทนนั้นรัฐบาลไม่ได้ตั้งงบประมาณไว้ก่อน และไม่มีเงินที่จะจ่ายค่าตอบแทนในปีงบประมาณปัจจุบันได้ ดังนั้นจึงกำหนดว่าค่าตอบแทนที่เพิ่มให้จ่ายจากงบประมาณปี 2567 ซึ่งจะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566
แต่เห็นท่าจะเริ่มไม่ได้เพราะขณะนี้มีการยุบสภาแล้ว รัฐบาลรักษาการไม่มีอำนาจที่จะพิจารณากำหนดกรอบงบประมาณ ไม่มีอำนาจที่จะอนุมัติวงเงินและร่างกฎหมายงบประมาณปี 2567 และไม่มีรัฐสภาที่จะพิจารณากฎหมายงบประมาณ ดังนั้นตราบใดที่ไม่มีกฎหมายงบประมาณก็ไม่สามารถตั้งงบประมาณจ่ายค่าตอบแทนที่กำหนดให้เพิ่มขึ้นได้
ครั้นมาดูกรอบเวลาเกี่ยวกับการเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลก็ปรากฏว่าจะมีการรับรอง ผลการเลือกตั้งเป็นทางการในช่วงเดือนกรกฎาคม 2566 จะมีการประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกประธานรัฐสภาในราวกลางเดือนสิงหาคม 2566 และจะจัดตั้งรัฐบาลในราวปลายเดือนสิงหาคม 2566
จากนั้นก็จะมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีและมีการแถลงนโยบาย จึงจะทำให้คณะรัฐมนตรีเข้าทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินได้ตามปกติก็จะตกเดือนกันยายน 2566 จากนั้นคณะรัฐมนตรีก็ต้องพิจารณากำหนดกรอบงบประมาณ 2567 เพื่อให้ไปจัดทำงบประมาณให้เป็นไปตามกรอบที่อนุมัตินั้น ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องรวมถึงการกู้เงินมาชดเชยงบประมาณ และย่อมเกี่ยวข้องกับหนี้สาธารณะซึ่งทะลุเพดานกันอยู่แล้วว่าจะทำกันอย่างไร จากนั้นก็จะเป็นการอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณเพื่อเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร
ก็จะมีการพิจารณางบประมาณกันเป็นสามวาระ ซึ่งต้องใช้เวลาราว 2 เดือน จากนั้นก็ต้องส่งไปวุฒิสภาซึ่งมีกำหนดเวลาให้พิจารณา ดังนั้นสิริรวมแล้วกว่าจะออกเป็นกฎหมายงบประมาณได้ก็ราวเดือนมีนาคม 2567
ดังนั้นค่าตอบแทนคนสามประเภทดังกล่าวจึงไม่มีทางได้รับเป็นตัวเงินจริงในปีงบประมาณ 2567 คือตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 แต่จะได้รับเมื่อใดนั้นใครเล่าจะบอกได้ ที่สำคัญคือที่รัฐบาลนี้อนุมัติหลักการเพิ่มค่าตอบแทนไว้ไม่ผูกพันรัฐบาลใหม่ เพราะเป็นการก่อภาระรายจ่ายประจำที่ผิดระบบ ผิดระเบียบกฎหมายวิธีการงบประมาณและรัฐธรรมนูญ เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่ากำลังจะมีการเลือกตั้งและสภาก็จะหมดวาระ ไฉนจึงไปอนุมัติให้มีการเพิ่มค่าตอบแทนพิเศษแบบนี้
และจะเป็นทางให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐอีกร่วม 3 ล้านคน เรียกร้องค่าตอบแทนเพิ่มบ้าง ก็จะเพิ่มภาระงบประมาณขึ้นอีกเป็นอันมาก นั่นคือถ้ารัฐบาลใหม่จะเพิ่มค่าตอบแทนให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐสามประเภทนี้ ก็ต้องคิดอ่านเพิ่มค่าตอบแทนให้เจ้าหน้าที่ของรัฐอื่นด้วย ก็จะไปกันใหญ่
ดังนั้นค่าตอบแทนที่อนุมัติให้แก่คนสามประเภทดังกล่าวจึงออกอาการว่าจะเป็นค่าตอบแทนทิพย์ แต่ค่าตอบแทนทิพย์ที่อนุมัติในหลักการไว้ล่วงหน้าในยามหน้าสถานการณ์เลือกตั้งแบบนี้ บรรดาคนสามประเภทนี้ก็ต้องทำจิตทำใจและรู้เท่าทันเอาไว้บ้างว่าอาจจะเกิดอะไรขึ้น
อย่างน้อยก็ควรทำความเข้าใจว่าที่มีการเพิ่มค่าตอบแทนทิพย์ในช่วงนี้เพื่ออะไรกันแน่ จะได้ไม่เสียใจในภายหลัง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี