วันเสาร์ ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
“ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” โบราณท่านว่าเมื่อเราทำดี เราก็จะได้ผลดีเป็นการตอบแทน แต่ถ้าทำแต่ความชั่ว เราก็จะได้สิ่งที่ไม่ดีเป็นการตอบแทน ผู้อ่านเห็นด้วยกับสุภาษิตสอนใจนี้หรือไม่ครับ…... ถ้าทุกท่านได้คำตอบในใจกันแล้วผู้เขียนอยากชวนมองสุภาษิตดังกล่าวในมุมปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในประเทศของเรา คำตอบในใจของท่านยังเหมือนเดิมอยู่หรือไม่?
การคอร์รัปชันถือได้ว่าเป็นต้นตอของปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมไทย นับวันยิ่งทวีความรุนแรงและซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ หรืออาจกล่าวได้ว่าคนโกงมักมีเทคนิคการปกปิดหลักฐานและบิดเบือนเรื่องผิดให้กลายเป็นถูกได้อย่างแนบเนียนมากขึ้น ทำให้การสอบสวนและรวบรวมหาพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีอาญากับคนโกงเหล่านี้มักเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพื่อให้การดำเนินการของรัฐมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมสำคัญกับการรับบทบาทเป็น “ผู้เป่านกหวีด” (Whistleblower) ในการช่วยเฝ้าระวัง สอดส่อง และแจ้งเบาะแสเมื่อพบความไม่ชอบมาพากล การกระทำผิดต่อผลประโยชน์ในองค์กร หรือประโยชน์สาธารณะ
ฝ่ายวิชาการ ศูนย์ข้อมูลกฎหมายกลาง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ระบุว่า “ผู้แจ้งเบาะแส หรือผู้เป่านกหวีดเปรียบเสมือนฟันเฟืองสำคัญที่จะช่วยลดปัญหาการคอร์รัปชัน และมีบทบาทสำคัญในการปราบปรามยับยั้งไม่ให้กระทำผิด” แต่ถึงอย่างนั้นผู้แจ้งเบาะแสอาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการถูกคุกคาม ข่มขู่ หรือกลั่นแกล้งจากการนำข้อมูลของผู้กระทำผิดออกมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน หรือส่งหลักฐานให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริง ดังนั้นการให้หลักประกันการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสจึงเป็นกลไกสำคัญที่จะสร้างความมั่นใจให้ผู้แจ้งเบาะแสรู้สึกปลอดภัยว่าจะได้รับการคุ้มครองจากที่ทำประโยชน์เพื่อสังคม
“เพื่อสนับสนุนส่งเสริมให้ประชาชนกล้าออกมาเป่านกหวีดเพื่อความถูกต้อง ภาครัฐจำเป็นต้องมีการออกแบบและบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพในการให้ความคุ้มครองและสร้างแรงจูงใจในการแจ้งเบาะแส”
ในหลายประเทศได้มีกฎหมายคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส ที่มีการคุ้มครองที่ครอบคลุมไปถึง “ผู้แจ้งเบาะแส” จะได้รับการคุ้มครองความปลอดภัยหลังเปิดเผยข้อมูล แต่ละประเทศก็จะมีรายละเอียดกฎหมายที่คุ้มครองแตกต่างกัน ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีมาตรการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสภายใต้กฎหมาย Whistleblower Protection EnhancementAct of 2012 (WPEA) ครอบคลุมการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรืออดีตเจ้าหน้าที่รัฐ ในประเทศอังกฤษมีกฎหมาย Public Interest Disclosure Act 1998 ที่ให้ความคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสครอบคลุมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ ลูกจ้างภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ทำสัญญาช่วงและผู้ฝึกงาน (Trainee) นอกจากนี้ในประเทศภูมิภาคเอเชียอย่างเกาหลีใต้ ก็มี พ.ร.บ. ว่าด้วยการคุ้มครองผลประโยชน์สาธารณะผู้แจ้งเบาะแส (PPIWA) ให้ความคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสเพื่อประโยชน์สาธารณะที่ครอบคลุมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ พนักงานเอกชน และพนักงานต่างชาติของบริษัทเกาหลี รวมทั้งผู้ที่ทำงานในต่างประเทศด้วย รวมถึงมีการให้รางวัลเป็นเงินกับผู้แจ้งเบาะแสในรูปแบบเป็นเงินรางวัล เงินช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล และเงินชดเชยการสูญเสีย เป็นต้น
เมื่อหันกลับมาดูการคุ้มครองเบาะแสในประเทศไทย พบว่าปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายที่ให้ความคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสโดยเฉพาะ แต่จะกล่าวอ้างเอาการคุ้มครองพยานมาใช้กับผู้แจ้งเบาะแสคอร์รัปชัน แม้แต่ใน พ.ร.บ. คุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546 ได้ระบุไว้ว่าจะให้ความคุ้มครองเพียง “พยาน” ที่หมายถึงบุคคลที่สามารถถูกเรียกมาเพื่อให้ข้อเท็จจริงแก่รัฐ และตกอยู่ภายใต้กระบวนยุติธรรมแล้ว แต่ในทางกลับกันผู้แจ้งเบาะแสที่ต้องการเพียงแค่แจ้งข้อมูลแบบลับๆ โดยไม่อยากเปิดเผยตัวตน และไม่ยอมเป็นพยานก็จะไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายนี้ ทำให้หากถูกคุกคามหรือกลั่นแกล้งจากผู้กระทำความผิด จะไม่มีมาตรการคุ้มครองเยียวยาอย่างชัดเจน
อ้าว! ถ้าทำดีแล้วผลที่ได้เป็นเช่นนี้คำตอบในใจทุกท่านยังเห็นด้วยกับสุภาษิตที่กล่าวถึงเมื่อข้างต้นอยู่หรือเปล่าครับ?
สำหรับผู้เขียนมีความเห็นว่า เมื่อเปรียบสุภาษิต “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” ผ่านมุมมองการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในบทบาทของผู้เป่านกหวีดแล้ว สุภาษิตก็เป็นดังคติสอนใจ คอยยึดเหนี่ยวจิตใจให้เราเลือกทำสิ่งที่ถูกต้อง แต่อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ก็อาจเป็นเพียงนามธรรมที่ไม่สามารถจับต้องได้และไม่สามารถการันตีได้ว่าจะเกิดผลลัพธ์ตามการกระทำจริงหรือไม่ ดังนั้นเพื่อให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมมากที่สุดภาครัฐควรมีกฎหมายที่รับรองและคุ้มครองการผู้แจ้งเบาะแสอย่างโดยเฉพาะ นิยามความหมายของผู้แจ้งเบาะแสให้มีความชัดเจน กำหนดหลักเกณฑ์ตัวบุคคลที่ได้รับคุ้มครองตามกฎหมาย และกำหนดบทลงโทษทางอาญาและวิธีการคุ้มครองจากการถูกปฏิบัติโดยไม่ชอบธรรมจากผู้กระทำผิดไว้อย่างชัดเจน รวมถึงมีการมอบรางวัลสิ่งจูงใจให้ผู้แจ้งเบาะแสที่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และสามารถนำไปสู่การดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดได้อย่างเห็นผล
ผู้เขียนเชื่อว่าประชาชนกล้าจะทำสิ่งที่ถูกต้อง และพร้อมเป่านกหวีดเมื่อพบการกระทำผิดต่อกฎหมายจึงอยากขอเสนอช่องทางการรับแจ้งเหตุสงสัยทุจริตคอร์รัปชันโดยไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนผ่านไลน์แชตบอต “ฟ้องโกงด้วยแชตบอต” (@Corruptionwatch) ขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ที่รองรับการใช้งานทั้งของประชาชนทั่วไป และบุคลากรในหน่วยงานรัฐ โดยเหตุสงสัยที่ได้รับจะถูกส่งต่อเหตุให้กับศูนย์ป้องปรามการทุจริตแห่งชาติ (Corruption Deterrence Center) สำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินการตรวจสอบหาข้อเท็จจริง นอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือจากเพจเครือข่ายสื่อภาคประชาชนอย่าง “เพจต้องแฉ”ในการช่วยติดตามและนำเสนอประเด็นผ่านสื่อโซเชียล เพื่อกระตุ้นให้เกิดการตรวจสอบหาข้อเท็จจริง
ท้ายที่สุดผู้เขียนหวังอย่างยิ่งว่า สักวันใดวันหนึ่งสังคมไทยจะไร้โกง ทุกภาคส่วนจะร่วมมือกัน เพราะการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันไม่สามารถทำได้ด้วยคนคนเดียว” ขอบคุณครับ


'อนุทิน'หัวเราะร่วนไม่ตอบ 'วราวุธ' ยก ชทพ. ย้ายซบ 'ภท.'
'นิพิฏฐ์'ท้าปชช. รับเงินคนรวย เลือกคนดี ลั่นลูกคนอื่นเป็นสส.ได้ ลูกคุณก็เป็นได้
เสียดินแดนชาติหมดสิ้น 'นันทิวัฒน์' ลั่นไม่มีเสียแล้วเสียไป
'แอนฟิลด์'โชว์! นำไทยคว้าแชมป์กอล์ฟเยาวชนเอเชีย
นายกฯ เผยมีแผนรับมือน้ำท่วมใต้ พร้อมเยียวยาความเสียหายตามหลักเกณฑ์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี