วันอังคาร ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2568
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดีโพสต์เฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 12 มกราคมวานนี้ว่า ช่วงนี้ประชาชนจำนวนไม่น้อย คงใจจดใจจ่อว่า โรงพยาบาลตำรวจ และทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ จะส่งเวชระเบียน และรายละเอียดการรักษาพยาบาลของอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ตามที่แพทยสภาขอหรือไม่ ซึ่งมีกำหนดไว้วันที่ 15 มกราคม 2568 นี้
ขณะที่ “จตุพร พรหมพันธ์ุ” วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ วิเคราะห์วิจารณ์ว่า จากการอ่านภาษากายของอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ที่เวลานี้ออกเดินสายช่วยผู้สมัครนายก อบจ.ของพรรคเพื่อไทย หาเสียงทั้งภาคเหนือและอีสาน ได้แสดงตนใหญ่คับฟ้าพูดจากร่างข่มขู่ผู้คนไปทั่ว ว่าเป็นการแสดงถึงความไม่มั่นใจต่อสถานการณ์ของทักษิณ
อดีตผู้นำ นปช.ให้เหตุผลว่า เพราะ “ทักษิณ ชินวัตร”ห่วงกังวลกับผลการไต่สวนของแพทยสภาและ ป.ป.ช. กรณี “ป่วยทิพย์-ชั้น 14” โรงพยาบาลตำรวจ โดยเชื่อว่า เมื่อถึงวันครบกำหนดที่โรงพยาบาลตำรวจจะต้องส่งเอกสารชี้แจงต่อแพทยสภาในวันที่ 15 มกราคมมะรืนนี้นั้น ความจริงจะปรากฏ อันส่งผลทำให้ทักษิณ“สร้างความมั่นใจปลอม”..เพื่อกลบซ่อนความไม่มั่นใจในการตรวจสอบเอาไว้
ทั้งนี้ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลกรณี“ป่วยทิพย์-ชั้น 14”ของอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ยิ่งกว่าพรรคฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรอย่างพรรคประชาชนเสียอีก ได้เขียนย้ำไว้ในเฟซบุ๊กว่า..“อย่าลืมนะ ว่าการดำเนินการของแพทยสภา ในฐานะเจ้าพนักงาน และเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีอำนาจตามกฎหมาย เพื่อการสอบสวนด้านจริยธรรม ของแพทย์ที่ทำการรักษา และเป็นไปตามพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540”
ประธานพรรคไทยภักดี ระบุว่า ข้อเท็จจริงต่างๆ เกี่ยวกับการ“ป่วยทิพย์”ของอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร นั้น มีการถูกตั้งข้อสังเกตโดยกลุ่มแพทย์ ว่าคนไข้วิกฤตจะไม่ทำ MRI แต่สำหรับอดีตนักโทษรายนี้ทำ รวมทั้งคนไข้วิกฤตจะไม่ส่องกล้องผ่าเอ็นที่ไหล่ โดยจะต้องรอให้อาการไม่วิกฤต แต่ปรากฏว่าอดีตนักโทษโกงบ้านกินเมืองรายนี้ก็ทำอีกเช่นกัน
มือปราบคดีทุจริตโกงกินโครงการรับจำนำข้าวสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีต สส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ นามว่า“นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม”อดีต สส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ วัย 63 ปีผู้นี้ กล่าวว่า “จึงมีคำถามจากกลุ่มแพทย์ว่า ผู้ป่วยรายนี้วิกฤตจริงหรือ..หรือเป็นการช่วยไม่ต้องอยู่เรือนจำ สิ่งที่ต้องติดตาม ถ้ามีการส่งเอกสารให้แพทยสภา ต้องติดตามว่า เอกสารดังกล่าวครบถ้วนหรือไม่ หรือมีการแต่งเรื่องขึ้นมา ซึ่งไม่น่าจะง่าย เพราะระบบของรักษาพยาบาล ในทุกๆ มิติ รวมทั้งแล็บ ต้องสอดคล้องกันหมด และต้องตอบข้อสงสัยต่างๆไปได้หมด
อย่างไรก็ตาม นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ชี้เตือนว่า “แต่ถ้าไม่มีการส่ง เท่ากับว่ามีนัย(นัยยะ) ที่ไม่ปกติเกิดขึ้น สิ่งที่ต้องย้ำโรงพยาบาลตำรวจ และโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ขอให้ทำอะไรตรงไปตรงมา เคารพกฎหมาย รักษาเกียรติศักดิ์ศรีของแพทย์ อย่าดื้อแพ่งเหมือนกับที่นักการเมืองบางคนทำ ถ้าท่านดื้อแพ่งไม่ยอมส่ง ทำตัวเหนือกฎหมาย ท่านอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นสู่การล่มสลายของรัฐบาลชุดนี้ก็ได้”
ย้อนไปดูหนังสือที่คณะอนุกรรมการเฉพาะกิจ แพทยสภา ซึ่งมี นพ.อมร ลีลารัศมี เป็นประธาน ส่งไปให้“พล.ต.ท.นพ.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์” แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567 เพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมทั้งเอกสารหลักฐานวัตถุพยาน สำหรับใช้ประกอบการพิจารณาจริยธรรมแพทย์พยาบาล ที่เกี่ยวข้องกรณี“ทักษิณ ชินวัตร”เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2566 จนกระทั่งถูกจำหน่ายออกจากโรงพยาบาลตำรวจ และให้ส่งเอกสารชี้แจงกลับภายในวันที่ 15 มกราคม 2568 นั้นมีดังนี้
อาทิ คำชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการเข้ารับการรักษาพยาบาลของ“ทักษิณ ชินวัตร”ทั้งหมดโดยละเอียด, ขอทราบ ชื่อ สกุลแพทย์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการดูแลรักษาผู้ป่วย รวมถึงเลขใบประกอบวิชาชีพ,ขอความเห็นแพทย์ผู้ทำการรักษาและหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างที่แพทย์ทำรายงานสามครั้ง ถึง อธิบดีกรมราชทัณฑ์-ปลัดกระทรวงยุติธรรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ทำให้ไม่ต้องส่งทักษิณกลับเข้าเรือนจำในช่วงครบ 30 วัน 60 วัน และ 120 วัน ตามลำดับ
นอกจากนั้น ก็ยังขอสำเนาเวชระเบียน, สำเนาบันทึกการผ่าตัด, สำเนาบันทึกการให้ยาระงับความรู้สึก, สำเนาบันทึกการพยาบาล, สำเนารายงานทางการแพทย์ และเอกสารหรือเอกสารอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาล เช่น ภาพถ่ายทางรังสีวินิจฉัย ผลการตรวจทางรังสี ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ หรือเอกสารใดที่เกี่ยวข้องกับการรักษา“ทักษิณ ชินวัตร” โดยให้ระบุหมายเลขหน้าเอกสาร และให้เจ้าหน้าที่ลงนามรับรองเอกสารทุกหน้าด้วย
จากนี้ไปอีกไม่นานก็คงจะได้รู้กันว่า สวรรค์ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจจะกลายเป็น“ขุมนรก”หรือไม่เพราะชาวบ้านร้านตลาดเขารู้กันดีว่าอาการป่วยทิพย์ของ“ทักษิณ ชินวัตร”คือการ“โกหกโรงใหญ่”..ขนาดว่าเมื่อวันที่ 12 มกราคมวานนี้ พล.ต.ท.นพ.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจที่อยู่ตกอยู่ใน“บ่วงกรรม”นี้ด้วย ยังปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เรื่องการส่งเอกสารกลับไปให้แพทยสภาหรือยัง โดยกล่าวว่า “ขอปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ และทางโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเป็นคนให้ข่าว”
ทางด้านการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนนั้น วันที่ 13 มกราคมวันนี้ คปท.ได้เชิญชวนประชาชนให้ไปรวมตัวกันที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อติดตามเรื่องโรงพยาบาลตำรวจ โดยระบุไว้ในเพจของ คปท.ว่า “ผบ.ตร.ต้องมีคำตอบ !! กรณีแพทยสภาขอเวชระเบียนนายทักษิณ ที่พักรักษาตัว รพ.ตำรวจ 180 วัน”
บรรทัดนี้ต้องบอกว่า “กรรม”นั้นเกิดจากการกระทำ ทำดีก็ได้ดี-ทำชั่วก็ได้ชั่ว..ดังนั้น ถ้าใครโกหกแล้ว คิดจะโกหกต่อ ก็เห็นจะไม่พ้นบ่วงกรรม-ผมว่าใครทำอะไรไว้ก็สารภาพไปเถิดครับ โทษจะได้น้อยลง!
ปิยะ เนตรวิเชียร

‘เจมส์ – กาด – แฟ้ม – แมทธิว’ พร้อมส่งหัวใจเตรียมรับสัญญาณเตือน ในซีรีส์ ‘Love Alert มีคำเตือนโปรดระมัดระวัง’
จับตา! ปี 2569 ช่อง 7HD กับปรากฏการณ์ข่าวโฉมใหม่ 'มีเรื่องต้องคุย'
‘กรีน ปัฐยฬุรี’ เปิดตัวซิงเกิลพิเศษ only us mode ส่งท้ายปี
เจรจา3ฝ่ายชื่นมื่น จีนยืนยันไม่แทรกแซง ช่วยเขมร20ล้านหยวน ‘ทรัมป์’โผล่ร่วมยินดี
วาทกรรมสีส้มVSความจริงสีเทา คมมีดที่หันกลับมาฟันตัวเอง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี