กรณีเกี่ยวกับสะพานข้ามคลองพระโขนง ที่บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ก่อสร้างข้ามคลองสาธารณะที่ถือเป็นทางสัญจรทางนํ้าของประชาชนหรือทางนํ้าที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ที่ใช้เพื่อสาธารณประโยชน์หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน
แต่เอกชนก็ยังมีการเก็บค่าผ่านทาง รถยนต์ 20 บาท จักรยานยนต์ 10 บาท ต่อเนื่องมานับ 10 ปี
ล่าสุด มีประเด็นความคืบหน้า น่าสนใจ
1. ในเฟซบุ๊ค “ถาวร เสนเนียม” นายถาวร เสนเนียม (อดีตอัยการ) ประธานพรรคไทยภักดี ได้โพสต์ข้อความระบุว่า
“วันที่ 24 มีนาคม 2566 รายการข่าวมีคม TOP NEWS ที่ดำเนินรายการโดยคุณสันติสุข มะโรงศรี และ คุณรุ่งราตรี สุหงษา ได้สัมภาษณ์ นายถาวร เสนเนียม ประธานพรรคไทยภักดี ถึงกรณี สะพานในโครงการของแสนสิริสร้างข้ามคลองสาธารณะและมีการเก็บค่าผ่านทาง
นายถาวร เสนเนียม ประธานพรรคไทยภักดี กล่าวว่า...กรณีสะพานในโครงการของแสนสิริ ที่คุณประพันธ์ คูณมี เคยเขียนบทความเรื่องสะพาน ทางออกต้องออกยังไง สะพานข้ามคลองพระโขนงไปขออนุญาตกทม.สร้างข้ามคลองสาธารณะ แต่หลังจากนั้นมีการเก็บค่าผ่านทาง คนในโครงการก็โดนเก็บ คนนอกก็โดนเก็บถ้าจะใช้
แล้วคุณประพันธุ์ คูณมี เขียนบทความมาหลายปีแล้วว่าทำไมแสนสิริไม่ยกสะพานและทางขึ้นลงให้สาธารณะ กทม. อย่าเอาสมบัติแผ่นดินเอื้อประโยชน์เอกชน
การสร้างสะพานดังกล่าวนี้ถ้าผู้ขออนุญาตไม่แสดงเจตนาว่ายกให้สาธารณะกทม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เช่น กรมเจ้าท่ากระทรวงมหาดไทยเป็นต้น จะไม่อนุญาต และในการยกให้เป็นสาธารณะไม่จำเป็นต้องทำเป็นหนังสือ ดังคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9/2538
คำพิพากษานี้คือการอุทิศที่ดินเป็นทางสาธารณะเป็นการสละที่ดิน ให้เป็นสาธารณะสมบัติแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1304 ไม่จำต้องจดทะเบียนการให้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 525 ก็มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย ถ้าผู้ไปขออนุญาตสร้างข้ามคลองสาธารณะไม่แสดงเจตนาว่าจะยกให้เป็นสาธารณะกทม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะไม่อนุญาต ถ้าอนุญาตไปซวยแน่ แล้วในการยกให้เป็นสาธารณะไม่จำเป็นต้องทำเป็นหนังสือ
นายถาวร กล่าวต่ออีกว่า แสนสิริจะเก็บค่าผ่านทาง ค่าผ่านสะพาน อันเป็นสาธารณะไม่ได้ เพราะนี่คือเจตนาที่อุทิศเป็นสาธารณะ
แน่นอนตั้งแต่ตอนที่ไปขออนุญาต แม้ไม่ได้เซ็นเอกสารยกให้ก็ตาม ที่ดินคอสะพานเชิงสะพาน ต้องแสดงเจตนาอุทิศให้เป็นสาธารณะแน่นอน
ตั้งแต่ก่อนจะสร้างต้องชัดเจนแบบนี้อยู่แล้ว โดยไม่จำต้องไปเซ็นโอน แต่ตอนไปขออนุญาตนั่นแหละถือได้ว่าเป็นการแสดงเจตนา ไม่อย่างนั้นเจ้าหน้าที่กทม.ที่เกี่ยวข้องคุณอนุญาตได้ยังไง
ลองวันพรุ่งนี้เราไปขออนุญาต ตนอยากจะสร้างสะพานข้ามคลองแล้วตนจะเก็บตังค์ ทำได้หรือเปล่า แบบนี้อันนี้น่าคิดนะ คือยังไม่มีข้อยุติทางกฎหมาย ยังไม่มีการไปฟ้องศาล คุณประพันธ์ คูณมี ควรจะฟ้องศาลปกครองและเรื่องนี้เกิดในอดีตยุคผู้ว่าฯ รถจักรยานยนต์เก็บ 10 บาท รถยนต์เก็บ 20 บาท เก็บมาต่อเนื่องทุกปี เป็น 10 ปีแล้ว หนึ่งวันไม่รู้ผ่านกี่ 10,000 คัน
อันนี้ก็น่าคิด ทำไมบริษัทที่ร่ำรวยอย่าง แสนสิริ กำไรเป็นประวัติการณ์อย่างล่าสุด ยังปล่อยให้มีการเก็บอย่างนี้อยู่เหรอ ทำไมไม่ยกให้เป็นสาธารณะเสีย ไม่ต้องให้ไปมีข้อพิพาททางกฎหมาย เพราะว่าอย่างล่าสุดคุณเศรษฐาเองก็ออกมาบอกอยากทำงานเพื่อประชาชน ทำงานให้กับประเทศชาติบ้านเมือง ทำงานทางช่วยเหลือคนยากจนลดความเหลื่อมล้ำ แล้วแบบนี้ทำได้เลยไม่ต้องรอเป็นนายกฯ แล้วทำไมไม่ทำ” - ประธานพรรคไทยภักดีระบุ
2. บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้มีการชี้แจงต่อมา
ตอนแรก ได้มีการทวีตข้อความชี้แจงว่า
“สำหรับการจัดเก็บค่าผ่านทาง เนื่องด้วยพื้นที่บางส่วนเป็นที่ดินบุคคลอื่น ทางเจ้าของกรรมสิทธิ์เก็บค่าผ่านทางเพื่อนำมาจัดการทำนุบำรุงดูแลรักษาพื้นที่อย่างเหมาะสม ส่วนสะพานดังกล่าวถูกยกเป็นสาธารณะแล้ว”
ต่อมา ได้มีการทำหนังสือ ลงนามโดยประธานผู้บริหาร สายงานปฏิบัติการ ระบุว่า
“บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่า สะพานเป็นทางสาธารณประโยชน์ การบริหารจัดการเก็บค่าผ่านทางถนนในโครงการ T77 รายรับ รายจ่ายการดูแล ซ่อมบำรุงเป็นเรื่องของผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน
บริษัทฯจึงมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อสร้างสะพาน และจัดเก็บค่าผ่านทางแต่อย่างใด
บริษัทขอยืนยันว่า ได้ดำเนินการตามกฎหมายทุกประการ และเคารพในสิทธิของประชาชนทั่วไป
จึงขอชี้แจงมา ณ ที่นี้”
3.นายถาวร เสนเนียม ประธานพรรคไทยภักดี ให้ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า
“แบบนี้เป็นคำอธิบายที่ฟังไม่ขึ้น ถ้าพื้นที่บางส่วนของบุคคลอื่นที่อ้าง แสนสิรินำมาเป็นส่วนหนึ่งของการขอสร้างสะพานข้ามคลองด้วย
พื้นที่ของบุคคลอื่นที่ว่านั้น ก็ต้องเป็นส่วนหนึ่งในคำขอสร้างสะพาน และต้องยกให้เป็นทางสาธารณะด้วย
ก็เข้ากรณีเดียวกัน คือ แม้จะไม่ได้จดทะเบียนยกเป็นทางสาธารณะ ก็มีผลเป็นทางสาธารณะ จะมาเก็บเงินค่าผ่านทางไม่ได้”
4. น่าคิดว่า พฤติการณ์จริงๆ ได้ยกให้เป็นสาธารณะแล้ว จริงหรือไม่?
สว.ประพันธ์ คูณมี เคยให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องสะพานดังกล่าวนี้ไว้น่าสนใจ ระบุว่า
“กรุงเทพมหานคร อนุญาตให้ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ก่อสร้างสะพานข้ามคลองพระโขนง ซึ่งเป็นคลองสาธารณะ เป็นทางนํ้า ทางระบายนํ้าและทางเดินเรือ ที่ประชาชนใช้สัญจรไป-มา
โดยบริษัทเอกชนมีวัตถุประสงค์ชัดแจ้งว่า เพื่อเชื่อมที่ดินในโครงการอาคารชุดของบริษัท จำนวนหลายโครงการที่ตั้งอยู่ 2 ฟากฝั่งคลองพระโขนง ให้สามารถมีถนนเชื่อมโยงโครงการข้ามคลองเข้าหากัน เพิ่มมูลค่าที่ดิน และเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าที่มาซื้ออาคารชุดของบริษัท ดังปรากฏตามภาพถ่าย
สะพานดังกล่าว จึงเป็นสะพานที่สร้างขึ้นโดยเอกชน เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจของเอกชนเท่านั้น กรุงเทพมหานครได้ประโยชน์อะไรจากสะพานนี้บ้างครับ
ประชาชนผู้สัญจรไป-มาโดยทั่วไป หากประสงค์จะใช้ถนนและข้ามสะพานดังกล่าว เพื่อสัญจรไปมาระหว่างซอยสุขุมวิท 77 หรือซอยอ่อนนุช ไปสู่ซอยพระโขนง หรือเพื่อขึ้นทางด่วน บริษัทเอกชนก็ตั้งด่านผ่านเข้า-ออกและเก็บเงินจากทุกคนทุกคัน ที่จะผ่านถนนและสะพานข้ามคลอง โดยเก็บจากรถยนต์คันละ 20 บาท จักรยานยนต์คันละ 10 บาท สร้างรายได้แก่บริษัทวันละหลายหมื่นหรือแสนบาทต่อวัน
ไม่เพียงเท่านั้นครับ สะพานแห่งนี้ยังตั้งชื่อสะพานเสียสวยหรูเลยว่า “สะพานแสนสำราญ” แสดงความเป็นเจ้าของว่าเป็นของบริษัทชัดเจน
วันดีคืนดีบริษัทจะจัดงาน ปิดสะพานปิดถนน ทำกิจกรรมใดๆของโครงการ ก็ได้ตามสะดวกสบาย แสดงให้เห็นชัดเจนว่า สะพานแห่งนี้มิใช่สร้างเพื่อยกให้เป็นสาธารณะ หรือยกให้ กทม.เพื่อประโยชน์สาธารณะแต่อย่างใด
แม้แต่ผู้อยู่อาศัยและซื้อโครงการอาคารชุด บริษัทเอกชนแห่งนี้ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ผ่านทาง ต้องเสียเงินเช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป
...ถ้าเอกชนรายอื่นๆ ทำเช่นนี้บ้าง สมบัติสาธารณะของประชาชนจะเป็นอย่างไร แม่นํ้า ลำคลองสาธารณะทั้งหลายใน กทม.และทั่วประเทศ มิเต็มไปด้วยสะพานที่เอกชนสร้างและเก็บกินผลประโยชน์กันไปทั้งบ้านทั้งเมืองหรือ
... กรณีนี้ กทม.ได้ดำเนินการโดยชอบหรือไม่
...บริษัทเอกชนดังกล่าว ได้ปฏิบัติให้เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องหรือไม่
...ตามระเบียบกรุงเทพมหานคร ว่าด้วยการขออนุญาตก่อสร้างสะพานข้ามคลอง พ.ศ. 2549 หมวด 3 ว่าด้วยการอนุญาตเงื่อนไขการอนุญาตและการก่อสร้างสะพาน ข้อ 11 จะเปิดช่องให้ขออนุญาตก่อสร้างได้ แต่ในข้อ 12 การอนุญาตให้ก่อสร้างสะพานข้ามคลองต้องไม่ขัดต่อกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร กฎหมายว่าด้วยการผังเมือง กฎหมายหรือระเบียบอื่นที่เกี่ยวข้อง และที่สำคัญคือข้อ 14 ได้กำหนดไว้ว่า “ผู้ขออนุญาตต้องยินยอมยกสะพานที่ก่อสร้างให้เป็นสาธารณประโยชน์ และมีหน้าที่ดูแลและบำรุงรักษา สะพานดังกล่าวให้มีความมั่นคงแข็งแรง และสามารถใช้งานได้โดยสะดวกด้วย”
เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงเรื่องสะพานข้ามคลองพระโขนง ที่ กทม.อนุญาตให้ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ก่อสร้างข้ามคลองสาธารณะที่ถือเป็นทางสัญจรทางนํ้าของประชาชนหรือทางนํ้าที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ที่ใช้เพื่อสาธารณประโยชน์หรือสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกันตามมาตรา 1304(2) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยมิได้ยกให้เป็นสมบัติสาธารณประโยชน์ บริษัทเอกชนดังกล่าวยังคงเป็นเจ้าของสะพานเหมือนทรัพย์สินส่วนตน ติดป้ายตั้งชื่อสะพานแสดงออกต่อประชาชนทั่วไปว่าตนเป็นเจ้าของและเรียกเก็บเงินจากประชาชนผู้สัญจรไป-มาผ่านเส้นทางดังกล่าวเช่นนี้
จึงมีคำถามดังๆ ถึงบริษัทดังกล่าวว่ามีอำนาจกระทำได้โดยชอบหรือไม่ การอนุญาตของ กทม. ถือเป็นการใช้อำนาจและปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เรื่องนี้ประชาชนข้องใจสงสัยอย่างยิ่ง อยากให้ผู้ว่าฯ กทม. ชี้แจงและตอบคำถามประชาชนด้วย หรือจะรอให้ประชาชนต้องยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเสียก่อน
เรื่องนี้ กทม.กับบริษัทเอกชนดังกล่าว ควรรีบแก้ไขก่อนจะสายเกินแก้ กรณีเช่นนี้มีโทษทางอาญา อาจถึงจำคุกได้นะครับ”
5. สุดท้าย กทม.คงจะต้องชี้แจง
แสนสิริระบุว่า ยกเป็นสาธารณะแล้วนั้น จริงหรือไม่?
ถ้ายกให้แล้ว ทำไมยังมีการเก็บค่าผ่านทางใช้สะพาน?
ที่อ้างว่ายกให้สาธารณะเฉพาะตัวสะพาน แต่ทางเชื่อมต่อคอสะพานไม่ได้ยกให้ จึงยังมีการเก็บค่าผ่านทางได้นั้น กทม.ว่าอย่างไร ตอนยกให้เฉพาะสะพาน ไม่ได้ใช้สติปัญญาคิดอ่านอะไรเลยหรือว่ามันพิลึกพิลั่นเพียงใด?
งานนี้ ต้องติดตามเพื่อปกป้องประโยชน์สาธารณะ มิให้ผู้ใดเบียดบังเอาประโยชน์ไปเป็นของส่วนตน
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี