สภาผู้แทนราษฎรของไทยมีขึ้น และเปิดประชุมได้เป็นครั้งแรก เมื่อเวลาบ่าย 2 โมงของวันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ในสมัยนั้นเรียกประชาชนว่าราษฎร ชื่อสภาจึงเป็นสภาผู้แทนราษฎร ไม่ใช่สภาผู้แทนประชาชน
ในวันที่ 28 มิถุนายน นี้ ทางคณะผู้รักษาพระนครได้อิงอำนาจในมาตรา 10 ของพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว ที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ได้ทรงลง พระบรมนามาภิธัยแต่งตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชั่วคราว ในบรรดาผู้ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาฯทั้ง 70 นายนี้ จึงถือได้ว่าเป็นบุคคลที่คณะราษฎรได้เลือกเอง โดยมีสมาชิกของคณะราษฎรอยู่ 33 นาย และมีผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกคณะราษฎรอยู่ 37 นาย
แต่ในวันแรกที่เปิดประชุมนี้ มีสมาชิกมาประชุมอยู่ 69 นายเท่านั้น ที่ขาดไปหนึ่งนายคือ นายนาวาเอก พระยาวิชิตชลธี เจ้ากรมสรรพาวุธทหารเรือ “บอกป่วยไม่สามารถรับตำแหน่งได้” คือไม่ยอมเป็นโดยอ้างว่าป่วย ท่านผู้นี้ต่อมาเมื่อเกิดเหตุการณ์กบฏบวรเดช ในปี 2476 ท่านยังเป็นผู้นำเรือรบออกทะเลไปอยู่ที่สงขลาอ้างว่าเพื่อคุ้มกันพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เมื่อมีตำแหน่งว่าง พระยาประมวญวิชาพูลจึงเสนอชื่อพระยาพหลพลพยุหเสนาให้เป็นแทน เพราะพระยาพหลฯเป็นนายทหารอาวุโสของคณะราษฎรคนเดียวที่ไม่ได้เป็นสมาชิกสภาฯจะว่าเป็นเพราะท่านเป็นหัวหน้าคณะผู้รักษาพระนครที่ลงนามแต่งตั้งสมาชิกสภาฯ จึงไม่ตั้งตัวเอง แต่ก็แปลกผู้รักษาพระนครอีกสองนายคือพระยาทรงสุรเดช และพระยาฤทธิอัคเนย์ ซึ่งร่วมลงนามด้วยทั้งสองท่าน ยังมีชื่อได้รับการแต่งตั้งด้วย ตอนแรกพระยาพหลฯปฏิเสธ แต่เมื่อมีผู้ยืนยัน ท่านจึงยอมรับดังคำพูดที่ว่า“ถ้ากระนั้นเพื่อประโยชน์ของราษฎร 12 ล้าน จะยอมรับ”
จากนั้นหลวงประดิษฐ์มนูธรรม จึงได้จัดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชั่วคราวทั้ง 70 คนได้กล่าวปฏิญาณตน ต่อมาจึงได้เริ่มพิธีเปิดประชุมสภาโดยเจ้าพระยามหิธร เสนาบดีกระทรวงมุรธาธร ได้นำพระราชกระแสของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวมาอ่าน มีความว่า
“วันนี้สภาผู้แทนราษฎรได้ประชุมเป็นครั้งแรก นับว่าเป็นการสำคัญอันหนึ่งในประวัติการของประเทศ อันเป็นที่รักของเรา ข้าพเจ้าเชื่อว่าท่านทั้งหลายคงจะตั้งใจที่จะช่วยกันปรึกษาการงาน เพื่อนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ประเทศสยามสืบไป และเพื่อรักษาอิสรภาพของไทยไว้ชั่วฟ้าและดิน ข้าพเจ้าขออำนวยพรแก่บรรดาผู้แทนราษฎรทั้งหลายให้บริบูรณ์ด้วยกำลังกาย กำลังปัญญา เพื่อจะได้ช่วยกันทำการให้สำเร็จตามความประสงค์ของเรา และของท่าน ซึ่งมีจุดมุ่งหมายอันเดียวกันทุกประการเทอญ”
น่าสังเกตว่ามีการประชุมกันมา จนเลือกสมาชิกทดแทนตำแหน่งที่ว่างลงได้เรียบร้อยตามที่บัญญัติไว้ในธรรมนูญ โดยยังไม่มีพิธีเปิดสภาแต่อย่างใด
ครั้นถึงวาระเลือกประธานสภา คณะราษฎรคงตกลงกันแล้วให้เลือกครูใหญ่เป็นประธาน ดังนั้น นายสงวน ตุลารักษ์ สมาชิกคณะราษฎร จึงเสนอชื่อเจ้าพระยาธรรมศักดิ์ นักการศึกษาสำคัญว่าเป็นผู้เหมาะจะรักษาระเบียบการประชุมให้ดำเนินไปอย่างเรียบร้อยได้ ต่อมาพระยานิติศาสตร์ไพศาลได้เสนอชื่อพระยาพหลฯ และพระยามโนปกรณ์นิติธาดาให้เป็นประธานสภาฯอีก แต่ทั้งสองท่านได้ปฏิเสธ สภาฯจึงได้มีมติเอกฉันท์เลือกเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร เพราะคงพิจารณาแล้วว่าครูใหญ่อย่างเจ้าพระยาธรรมศักดิ์ฯ มาทำหน้าที่ควบคุมการประชุมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดแรก น่าจะทำให้การประชุมราบรื่น และสภาฯได้เลือกนายพลตรีพระยาอินทรวิชิต ที่ไม่ได้อยู่ในคณะราษฎร เป็นรองประธานฯ แสดงว่าคณะราษฎรต้องการให้คนนอกคณะราษฎรมาเป็นทั้ง 2 ตำแหน่ง จากนั้นสภาฯ ได้ขอให้หลวงประดิษฐ์มนูธรรม ซึ่งรู้กติกาและแนวทางการดำเนินงาน ให้ทำหน้าที่เลขาธิการสภาฯไปพลางก่อน
ดังนั้น ในวันที่ 28 มิถุนายน จึงได้ครูใหญ่มาเป็นประมุขคนแรกของฝ่ายนิติบัญญัติ
นรนิติ เศรษฐบุตร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี